“ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์” เรียกร้องรัฐช่วยเด็กยากไร้เชียงราย

เชียงราย - อดีตนางงามจักรวาล “ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์” วอนคนไทยคิดถึงชาติบ้านเมืองก่อน หวังหลังเลือกตั้งเมืองไทยดีขึ้น เรียกร้องรัฐบาลใหม่ดูแลเด็ก-เยาวชน และสตรียากไร้เพิ่ม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา “ปุ๋ย” ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก อดีตนางสาวไทยและนางงามจักรวาลปี 2531 ได้เดินทางไปยังโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบำรุงที่ 87 บ้านอากู่ ต.เทอดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษาเชียงราย เขตที่ 3 ซึ่งเป็นโรงเรียนห่างไกลกลางหุบเขา เพื่อร่วมกับ ด.ต.พงศธร ยศหลวง ครูใหญ่ของโรงเรียนและคณะเยี่ยมดูนักเรียนชาวไทยภูเขาในโรงเรียนจำนวน 80 คน และโอกาสนี้ “ปุ๋ย-ภรทิพย์” ได้มอบอุปกรณ์การเรียนและเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่เด็กๆ ด้วย

อดีตนางงามจักรวาลกล่าวว่า ตามปกติตนจะเดินทางมาเยี่ยมนักเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นประจำทุกปี โดยครั้งนี้ได้เดินทางจากสหรัฐอเมริกาพร้อมครอบครัว เพื่อไปร่วมเลือกตั้ง ส.ส. จากนั้นก็หาโอกาสไปเยี่ยมเยียนเด็กๆ เหมือนเดิม ซึ่งดูสภาพความยากไร้ที่ยังมีอยู่ ก็จะได้ช่วยหาทุนการศึกษามาสนับสนุน รวมทั้งอยากเรียกร้องให้ภาครัฐช่วยดูแลเด็ก เยาวชนและสตรี ที่มีความยากไร้ดังกล่าวให้มากโดยตนจะขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือต่อไป
“หวังว่าเมืองไทยจะดีขึ้น อยากให้ทุกคนเป็นห่วงประเทศ เป็นห่วงอนาคตและชื่อเสียงของประเทศ เพราะทุกคนทั่วโลกต่างประเทศมองมาที่ประเทศไทยตลอด” ภรณ์ทิพย์กล่าว

วันเดียวกัน ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ ได้เดินทางไปบ้านชาโรม ในหมู่บ้านฟาร์มสัมพันธกิจ ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นบ้านที่มี 2 สามีภรรยาคือนายประเสริฐ พฤษภา อายุ 61 ปี และนางคำผง พฤษภา อายุ 60 ปี ที่ได้ช่วยเหลือเด็กยากจนและบิดามารดาเสียชีวิตจากการติดเชื้อ HIV มาเลี้ยงไว้ในบ้านเพื่อบรรเทาทุกข์เด็กๆ เหล่านี้ ปัจจุบันมีเด็กไปอาศัยอยู่กว่า 30 คน และทางบ้านชาโรมได้จัดการส่งให้เด็กๆ เหล่านี้ได้เรียนหนังสือตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษา โดยมีการจัดที่พักให้ ร่วมกันทำกิจกรรมทำสวนเกษตร เลี้ยงปลา เลี้ยงแพะ ฯลฯ โดยอดีตนางงามจักรวาลได้มอบเงินสนับสนุนบ้านชาโรม จำนวน 50,000 บาท และมอบทุนการศึกษาให้เด็กที่เรียนดีอีก 2 คนด้วย

นายประเสริฐกล่าวว่า ตนเริ่มต้นช่วยเหลือเด็กๆ ได้ประมาณ 10 ปีแล้วด้วยทุนไม่มาก เพราะมีอาชีพทำนา สาเหตุที่ทำเช่นนี้เพราะได้พบเห็นเด็กชายคนหนึ่งที่พ่อแม่เสียชีวิตจึงสงสารนำมาเลี้ยง และต่อมามีผู้ใจบุญบริจาคเงินให้ 6,000 บาท จึงเสาะหาเด็กยากจนคนอื่นๆ มาอุปการะเลี้ยงดูด้วย กระทั่งมีเด็กตามมาอยู่ด้วยมากขึ้น