ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สัปดาห์หลังจากเลือกตั้ง จะเห็นข่าว พรรคการเมือง ผู้สมัคร ออกมาแถลงว่า “คัดค้านการเลือกตั้ง” ทั้งให้นับคะแนนใหม่ อ้างว่าถูกใส่ร้าย ถูกกล่าวหา พบทุจริต บัตรเสียเกิน ต่างๆนานา ซึ่งก็ถือว่าทำได้ เพราะเป็นไปตามกฎหมาย
พ.ร.ป.(พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2550 กำหนดในหมวดที่ 9 ว่าด้วย “การคัดค้านการเลือกตั้ง”
มาตรา 114 กำหนดว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้สมัคร หรือพรรคการเมืองซึ่งมีสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งใดเขตเลือกตั้งหนึ่ง มีสิทธิยื่นคัดค้านต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง หรือไม่ชอบด้วยกฎหมายผู้มีสิทธิยื่นคัดค้านการเลือกตั้งตามวรรคหนึ่ง
อาจยื่นคัดค้านก่อนวันประกาศผลการเลือกตั้ง หรือภายในสามสิบวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง เว้นแต่การร้องคัดค้านเพราะเหตุตามมาตรา 50 หรือมาตรา 52 ให้ยื่นภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งได้รับคำคัดค้านการเลือกตั้ง ให้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงโดยพลันวิธีการยื่นคำคัดค้านการเลือกตั้ง และการพิจารณาให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด มาตรา 115 ในกรณีที่มีการยื่นคัดค้านก่อนวันประกาศผลการเลือกตั้ง ให้นำมาตรา 103มาตรา 104 มาตรา 105 มาตรา 106 มาตรา 107 มาตรา 108 มาตรา 109 มาตรา 110 มาตรา 112 และมาตรา 113 มาใช้บังคับโดยอนุโลมมาตรา 116 ในกรณีที่มีการยื่นคัดค้านก่อนวันประกาศผลการเลือกตั้งแต่ผลการสืบสวนสอบสวนแล้วเสร็จหลังวันประกาศผลการเลือกตั้ง
หรือยื่นคัดค้านหลังวันประกาศผลการเลือกตั้ง และผลการสืบสวนสอบสวนปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย และคณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นควร “ให้มีการเลือกตั้งใหม่” ในเขตเลือกตั้งใด หรือ “เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง” ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ใด ให้นำความในมาตรา 111 มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในกรณีที่ผลการสืบสวนสอบสวนปรากฏว่าการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใดหรือเขตเลือกตั้งใดเป็นไปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งเห็นว่ายังไม่มีเหตุที่จะต้องให้มีการเลือกตั้งใหม่เพราะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งอาจมีคำสั่งให้ยุติเรื่องก็ได้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด
อย่างล่าสุดมีเรื่องร้องเรียบเกือบร้อยเรื่อง ที่ส่งตรงมายัง “กรรมการเลือกตั้ง” ที่เห็นจากตัวอย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ออกมาขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 28 ที่บุตรชาย วัน อยู่บำรุง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. “สอบตก”
โดยอ้างว่า มีหลักฐาน ยืนร้องเรียนกกต. คือ ให้นับคะแนนใหม่ โดยอ้างผลการนับคะแนนมีบัตรเสีย 4 พันเศษ จากจำนวน 158 หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งถือว่ามีบัตรเสียจำนวนมากเกินกว่าเหตุ ในขณะที่นายวัน มีคะแนนแพ้พรรคประชาธิปัตย์ เพียง 1,136 คะแนนเท่านั้น
พร้อมอ้างว่า มีหลักฐานการทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง มีการขนคน มากกว่า 3-4 เรื่อง
หรือที่ “พรรคประชาธิปัตย์” โดย “น.ส.จิตร์ภัส ภิรมย์ภักดี” และ “แทนคุณ จิตอิสระ” ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 และ เขต 12 กทม. ออกมาเรียกร้องให้เลอืกตั้งใหม่ เนื่องจากพบว่า มีบัตรเสียที่มากเกินไป รวมถึงเรื่องถูกกล่าวร้าย เสียดสี
รวมทั้งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 1 จ.กาญจนบุรี “อัฏฐพล โพธิพิพิธ” ที่อ้างว่าได้คะแนนน้อยกว่าผู้ที่ได้รับชัยชนะประมาณ 160 คะแนน ขณะที่มีบัตรเสียถึง 4,500 ใบ
นอกจากนี้ ยังมี มาตรา 53 ว่าด้วย “ห้ามมิให้ผู้สมัคร หรือผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองโดยเป็น พฤติการณ์จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้” ที่มีการร้องเรียนมายัง กกต.จังหวัด นครราชสีมา มีผู้ร้อง นำพยาน หลักฐาน จาก หนังสือพิมพ์ส่วนกลาง เสนอภาพ-ข่าว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ผัดหมี่โคราชแจกชาวบ้าน ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ( ย่าโม ) ในระหว่างการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.เขต หาเสียง ซึ่งร้องเรียนว่า “เป็นความผิด มาตรา 53”
ขณะเดียวกันมีการจับบตากันว่า เขตที่อาจจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่ โดยเฉพาะ 3 เขต ที่มีการร้องเรียน คือ เขต 28 กทม.เขต 12 นครราชสีมา และ เขต 2 ยะลา ผู้ที่แพ้ร้องเรียนเนื่องจากมีคะแนนใกล้เคียงกัน และมีบัตรเสียจำนวนมาก
ต่อไปนี้ ก็จะเข้าสู่ฤดูคัดค้าน 180 วัน ภายหลังการเลอืกตั้งวันที่ 3 ก.ค. หาก กกต.ตัดสินใจให้ใบเหลือง ใบแดง หรือมีพิรุธจริง
ก็คงต้องมีเลือกใหม่ตามมา!!!!
