xs
xsm
sm
md
lg

คนไทยโชคดีอีกแล้วคับทั่น จะได้นายกรัฐมนตรี 2 คน ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**ไม่น่าแปลกใจที่กัมพูชาจะเปิดแชมเปญฉลองกันยกใหญ่ กับชัยชนะของพรรคเพื่อไทย เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร ไร้ซึ่งอำนาจ ฮุน เซน ก็ยังถือหางแดง เดินเกมข้ามชาติกระแทกการเมืองภายในประเทศของไทย ชนิดแนบแน่นราวกับเป็นหุ้นส่วนต่างชาติยังไงยังงั้น
เมื่อวันนี้ อดีตที่ปรึกษานายกฯ ฮุนเซน ได้กลับมาบงการชีวิตกำหนดชะตาประเทศไทยอีกครั้ง ทุกอย่างก็คงพูดจากันง่าย หรือบางทีอาจแทบไม่ต้องพูดเพิ่มเติม เพราะชัดเจนในเชิงผลประโยชน์มาตั้งแต่ต้นที่ ฮุน เซน เลือกยืนข้างทักษิณ แทรกแซงกิจการการเมืองภายในประเทศไทยด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านอย่างไร้มารยาททางการทูตมาโดยตลอด
**สัมพันธ์แนบแน่นระหว่าง ทักษิณ กับ ฮุน เซน คงจะทำให้มีการปล่อยตัว “วีระ-ราตรี” ได้ในเวลาไม่นานนี้ คำถามคือ การปล่อยตัวดังกล่าวต้องแลกกับอธิปไตยเหนือดินแดน 4.6 ตารงกิโลเมตร รอบปราสาทพระวิหารไปด้วยหรือไม่
แนวทางในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับมรดกโลก ที่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช โดย นพดล ปัทมะ ผูกปมไว้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย จะสางปมนี้เพื่อชาติหรือทำได้แค่เดินตามแนวที่พี่ชายซึ่งเธอเรียกว่า "พ่อ" ขีดให้เดิน
ไม่เพียงอธิปไตยของชาติกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย สุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียในเขตแดนทางบกเท่านั้น แต่ผลประโยชน์ทางทะเล ก็คงมีการแบ่งเค้กก้อนโตกันอย่างลงตัวในหมู่นักการเมืองข้ามชาติ คือ ทักษิณ กับ ฮุน เซน
ที่ว่ากันว่ามีการดีลกันไว้ก่อนหน้านี้นานแล้ว เพียงแต่ยังปิดจ๊อบไม่ได้ เพราะ ทักษิณ กระเด็นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปเสียก่อน
เมื่อกลับมามีอำนาจเบ็ดเสร็จ สั่งการผ่านน้องสาวที่ทักษิณ ดูแลเหมือนลูก การชักใยจากต่างประเทศ เพื่อกำหนดทิศทางการบริหารจึงเป็นเรื่องที่ "ยิ่งลักษณ์" มิอาจหนีความจริงนี้พ้น
** ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสภาวะมี “นายกรัฐมนตรีสองคน”ในทางปฏิบัติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนหนึ่งเป็น “พี่ชาย” สั่งการจากต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ชี้นำรัฐบาลไทยชุดใหม่ผ่านสื่อ อีกคนหนึ่งเป็น “น้องสาว” ที่ถูกขีดเส้นให้เดินสู่ถนนสายการเมือง ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่มีความพร้อมที่จะก้าวสู่ชีวิตการเมืองมาก่อน
อย่าว่าแต่ความพร้อมในฐานะนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยเลย แม้แต่ตำแหน่งซีอีโอทางธุรกิจ ที่พี่ชายหยิบยื่นให้ ก็ไม่เคยการันตีฝีมือการบริหารงานของ "ยิ่งลักษณ์" ที่พี่ชายปูพรมให้เดินมาโดยตลอด
เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มรูปแบบ แม้จะมีบอดี้การ์ด ทั้งในการอารักขาความปลอดภัยในชีวิต และดูแลมลพิษในทางสื่อ ไม่ให้มีคำถามยุ่งยากหัวใจ ที่คนอย่าง "ยิ่งลักษณ์" ต้องตะกุกตะกัก ตอบคำถามปล่อยไก่ได้อย่างตลอดรอดฝั่งในช่วงการหาเสียงที่ผ่านมา
แต่ในสนามการเมืองเต็มรูปแบบ ที่ต้องตอบคำถามสื่อมืออาชีพ ทั้งไทยและเทศชนิดที่อาจไม่ทันตั้งตัว ย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แล้ว "ยิ่งลักษณ์" จะไปรอดไหม ?
ขณะเดียวกันผู้นำฝ่ายบริหารที่จะต้องถูกตรวจสอบโดยระบบรัฐสภา แม้จะมีเสียงข้างมากตุนไว้จนมั่นใจว่า มีเสถียรภาพเพียงพอที่จะยกมือครั้งใดก็ชนะ แต่ปฏิภาณไหวพริบที่ต้องตอบคำถามสด ๆ ในสภา โดยคนเขียนสคริปต์อาจเขียนให้ไม่ทัน
"ยิ่งลักษณ์" จะไปรอดไหม ยิ่งตอบจะกลายเป็น "ยิ่งเลอะ" หรือ "ยิ่งเละ" หรือไม่ ?
เพราะขนาดบนเวทีปราศรัยหาเสียง เธอยังเผลอเรียกประชาชนว่าเป็น "ลูกค้า" หรือแท้จริงแล้วเธอก็ยังคงวิธีคิดความเป็นนักธุรกิจ ที่มุ่งแสวงหากำไรจากลูกค้า คือประชาชน มิใช่การอาสาเข้ามารับใช้ประชาชน แต่เป็นประชาธิปไตยกอบโกย ไม่แตกต่างจากที่ ทักษิณ เคยทำไว้กับประเทศไทย
คุณหนูในตึกไทยคู่ฟ้า แม้จะถูกประคบประหงม ดูแลชนิดริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม แต่ในชีวิตจริง ไม่มีภูมิคุ้มกันภายนอกที่จะป้องกันได้ดีเท่ากับภูมิคุ้มกันภายในของแต่ละบุคคล ซึ่ง "ยิ่งลักษณ์" มิได้มีภูมิคุ้มกันทางการเมืองอยู่ในตัวเองเลย นอกจากต้องอาศัยคนอื่นเกื้อหนุนอิงบารมีพี่ชายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ยิ่งเธออยู่ในตำแหน่งนานเท่าไหร่ ก็จะเป็นการทำร้ายตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงแรกเธออาจจะตื่นเต้นดีใจ กับของเล่นใหม่ในตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดหญิงคนแรกของประเทศไทย แต่การต้องแอ๊บ คอยเก็บอาการกระดี๊กระด๊า ตามประสานักธุรกิจหญิงสุดเฉี่ยวอันเป็นที่รู้กันดีในแวดวงไฮโซ เธอจะเก็บอาการไว้ได้นานแค่ไหน
**สัมพันธ์ลึก และความแนบแน่นกับใครในแง่มุมใดที่เคยเป็นความลับ ไม่มีใครสนใจจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมาหรือไม่ ? หรือจะมีใครแบล็กเมล์เธอหลังก้าวสู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศหรือเปล่า เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา
แต่ที่เห็นชัดเจนนับจากนี้เป็นต้นไปคือ เธอไม่มีทางหนีร่มเงาทักษิณได้ และค่าความเป็นผู้นำประเทศก็จะมีความหมายเพียงแค่หุ่นเชิดพี่ชาย ซึ่งไม่เพียงรับรู้กันในประเทศ แต่ต่างชาติก็จับตา และเห็นพ้องด้วยเช่นเดียวกันว่า
**ไทยมีผู้หญิงเป็นผู้นำประเทศในทางกฎหมาย แต่มีนักโทษหนีคดี เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงในทางปฏิบัติ
ศักดิ์ศรีและความสง่างามในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีอยู่ในตัวของคนชื่อ "ยิ่งลักษณ์" แม้แต่น้อย เพราะหากเธอก้าวสู่เส้นทางการเมืองโดยไม่มีสกุลชินวัตรห้อยท้าย และไม่มีบารมีการเมืองและอำนาจเงินของพี่ชายหนุนหลัง นินทากันว่า เธอก็คงทำได้แค่เพียงแตะนิ้วส่งจูบให้ผู้คน ไม่ต่างจากพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ ไม่มีทางเดินถึงฝั่งนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของไทยอย่างแน่นอน
ชีวิตนับจากนี้ไป "ยิ่งลักษณ์" ยังต้องพบแรงเสียดทานอีกมาก ชนิดที่ว่าเธออาจต้องหลั่งน้ำตาอีกหลายหน แล้วบ่นกับพี่ชายที่เธอเรียก "พ่อ" ว่า
** "ทำร้ายปูทำไม"
กำลังโหลดความคิดเห็น