ASTVผู้จัดการรายวัน – เอกชนท่องเที่ยวไม่เอา รมว.จากพรรค”ชาติไทยพัฒนา” พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง จี้”เพื่อไทย"หาพรรคใหม่มาดูแล หวังสร้างบรรยากาศเป็นแดนศิวิไลซ์ ย้ำต้องเดินหน้าปิดอีลิทการ์ด หนุนขยายโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อประโยชน์ต่อการท่องเที่ยว
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลกระทรวงท่องเที่ยวฯมาหลายปีแล้ว หากเปลี่ยได้ก็คงดี โดยอยากให้ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เข้ามาดูแลกระทรวงนี้เอง พร้อมปรับจากกระทรวงเกรดซี เป็นกระทรวงเกรดเอ จัดในหมวดกระทรวงเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นกระทรวงที่สร้างรายได้เข้าประเทศ และต้องทำงานร่วมกับหลาย หน่วยงาน เพราะวิสัยทัศน์ที่พรรคเพื่อไทยแสดงไว้ ว่า อีก 10 ปี ข้างหน้า ต้องการมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยจำนวน 30 ล้านคน จึงควรได้พรรคใหม่ๆเข้ามาดูแลเพื่อให้เกิดมุมมองใหม่ๆที่ดีขึ้น
“หากกระทรวงนี้ได้คนใหม่ๆเข้ามาดูแล แค่นี้ก็ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวสดใส ซาบซ่าแล้ว และถ้ายิ่งได้รัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ ให้เป็นประโยชน์ เชื่อว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 15% โดยไม่ต้องใช้งบเพิ่ม แค่นี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศท่องเที่ยวจากแดนสนธยาเป็น แดนศิวิไลซ์”
**ขอคนมีความรู้ดูแลท่องเที่ยว****
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า กล่าวว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เราต้องการให้รัฐบาลช่วยพิจารณา ส่งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีวิชั่น ด้านการท่องเที่ยว เป๋นคนตั้งใจทำงาน ถ้ามีประสบการณ์ผ่านโลก และเข้าใจตลาดการท่องเที่ยว จะยิ่งเป็นสิ่งที่ดี ไม่ต้องการให้พิจารณาโดยใช้ระบบโค้วต้าพรรคการเมืองแบบเก่า ซึ่ง พรรคใดมีโค้วต้าดูแลกระทรวงใด ก็ไปเลือกผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆ เพราะจะทำให้ได้ผู้ที่มีความสามารถไม่เท่าที่ควร เพราะนับจากนี้ไป ประเทศไทยและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องมองไปข้างหน้า เตรียมความพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นภายหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซี
“ อย่าให้ถึงกับต้องบอกว่า รัฐมนตรีควรมาจากพรรคการเมืองไหน แต่สิ่งสำคัญจะต้องเป็นคนมีความรู้เรื่องท่องเที่ยว พร้อมทำงานได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้งาน และต้องใช้งบเพื่อส่งเสริมการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากเป็นได้ ควรให้ท่องเที่ยวเป็นกระทรวงเกรด เอ เพราะถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศต่อมีจำนวนมาก ช่วยเศรษฐกิจไทยเติบโต”
***ยันอีลิทการ์ดควรปิด***
สำหรับสิ่งที่ต้องการให้ รัฐบาลใหม่ รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลกระทรวงการท่องเที่ยว เร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ได้แก่ ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ส่วน กรณี บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด ยังมองว่า ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการปิดกิจการตามที่รัฐบาลชุดเก่าพพิจารณาไว้เพราะ เป็นโครงการที่ขาดทุน กินงบประมาณของประเทศ การทำธุรกิจหากขาดทุนก็ไม่ควรดำเนินงานต่อไป
***โครงสร้างพื้นฐานหนุนท่องเที่ยว****
ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า ขอให้พรรคเพื่อไทย เน้นดูแลประเทศให้เกิดความสงบ เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวเหนื่อยกับความวุ่นวายทางการเมืองมานาน 3 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ท่องเที่ยวกำลังกลับสู่ภาวะปกติ ถ้าหลังเลือกตั้ง ไม่มีปัญหาความวุ่นวาย นักท่องเที่ยวเขาก็พร้องเดินทางมาประเทศไทย ส่วนเรื่องการบริหารงานต้องการให้รัฐบาลเร่ง วางโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม ซึ่งจะส่งให้ท่องเที่ยวเติบโต โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง ทัั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อขนส่งคนให้เดินทางท่องเที่ยวให้สะดวกขึ้น ไม่ต้องรอเที่ยวเฉพาะเทศกาลหยุด ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยว ที่ ททท. ตั้งเป้าหมายปีหน้า 19ล้านคน อย่ามองแค่นั้น ควรมองไปถึง 20-21 ล้านคน ก็ทำได้ เพียงแต่รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยดูแลส่งเสริม ขยายเส้นทางบิน รับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งเฉพาะประเทศจีน ยังมีอีกหลายเมือง ที่จะเพิ่มนักท่องเที่ยวได้
***จี้สางปัญหาอีลิทการ์ด***
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบาย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวว่า ต้องการให้พรรคเพื่อไทย เร่งสะสางปัญหาโครงการแปลก ที่เคยสร้างไว้ตั้งแต่สมัย พตท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เช่น โครงการ อีลิทการ์ด ซึ่งดำเนินงานภายใต้ และโครงการบริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ ว่าจะมีแนวทางการจัดการอย่างไรต่อไป โดยควรตอบให้ได้ว่าจะแก้ไขสิ่งผิดพลาดเหล่านี้อย่างไร และต้องการขอความเห็นใจรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ด้วยว่า อย่าริเริ่มที่จะเปิดโครงการอะไรแปลกๆ โดย ไม่มีแนวทางบริหารจัดการที่ดีมารองรับอีก เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มโรงแรมเอเชีย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาล จัด รัฐมนตรีเข้ามาดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อย่างน้อย 2 คน เพื่อแบ่งงานด้านท่องเที่ยวออกจากกีฬา จะได้ทำงานเต็มที่ทั้ง 2 ภาระกิจ
อย่างไรก็ตามรายงานข่าว แจ้งว่า พรรคพลังชล ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ได้เสนอขอดูแลกระทรวงการท่องเที่ยว เพราะก่อนหน้านี้ นายสนธยา คุณปลื้ม ก็เคยดำรงค์ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวมาแล้ว
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาดูแลกระทรวงท่องเที่ยวฯมาหลายปีแล้ว หากเปลี่ยได้ก็คงดี โดยอยากให้ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เข้ามาดูแลกระทรวงนี้เอง พร้อมปรับจากกระทรวงเกรดซี เป็นกระทรวงเกรดเอ จัดในหมวดกระทรวงเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นกระทรวงที่สร้างรายได้เข้าประเทศ และต้องทำงานร่วมกับหลาย หน่วยงาน เพราะวิสัยทัศน์ที่พรรคเพื่อไทยแสดงไว้ ว่า อีก 10 ปี ข้างหน้า ต้องการมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทยจำนวน 30 ล้านคน จึงควรได้พรรคใหม่ๆเข้ามาดูแลเพื่อให้เกิดมุมมองใหม่ๆที่ดีขึ้น
“หากกระทรวงนี้ได้คนใหม่ๆเข้ามาดูแล แค่นี้ก็ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวสดใส ซาบซ่าแล้ว และถ้ายิ่งได้รัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถ ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ ให้เป็นประโยชน์ เชื่อว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 15% โดยไม่ต้องใช้งบเพิ่ม แค่นี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศท่องเที่ยวจากแดนสนธยาเป็น แดนศิวิไลซ์”
**ขอคนมีความรู้ดูแลท่องเที่ยว****
นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า กล่าวว่า ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เราต้องการให้รัฐบาลช่วยพิจารณา ส่งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ และมีวิชั่น ด้านการท่องเที่ยว เป๋นคนตั้งใจทำงาน ถ้ามีประสบการณ์ผ่านโลก และเข้าใจตลาดการท่องเที่ยว จะยิ่งเป็นสิ่งที่ดี ไม่ต้องการให้พิจารณาโดยใช้ระบบโค้วต้าพรรคการเมืองแบบเก่า ซึ่ง พรรคใดมีโค้วต้าดูแลกระทรวงใด ก็ไปเลือกผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนั้นๆ เพราะจะทำให้ได้ผู้ที่มีความสามารถไม่เท่าที่ควร เพราะนับจากนี้ไป ประเทศไทยและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องมองไปข้างหน้า เตรียมความพร้อมรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นภายหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ เออีซี
“ อย่าให้ถึงกับต้องบอกว่า รัฐมนตรีควรมาจากพรรคการเมืองไหน แต่สิ่งสำคัญจะต้องเป็นคนมีความรู้เรื่องท่องเที่ยว พร้อมทำงานได้ทันทีไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้งาน และต้องใช้งบเพื่อส่งเสริมการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากเป็นได้ ควรให้ท่องเที่ยวเป็นกระทรวงเกรด เอ เพราะถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เข้าประเทศต่อมีจำนวนมาก ช่วยเศรษฐกิจไทยเติบโต”
***ยันอีลิทการ์ดควรปิด***
สำหรับสิ่งที่ต้องการให้ รัฐบาลใหม่ รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะเข้ามาดูแลกระทรวงการท่องเที่ยว เร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม ได้แก่ ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเสื่อมโทรม พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ส่วน กรณี บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ด ยังมองว่า ควรปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการปิดกิจการตามที่รัฐบาลชุดเก่าพพิจารณาไว้เพราะ เป็นโครงการที่ขาดทุน กินงบประมาณของประเทศ การทำธุรกิจหากขาดทุนก็ไม่ควรดำเนินงานต่อไป
***โครงสร้างพื้นฐานหนุนท่องเที่ยว****
ด้านนายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน กล่าวว่า ขอให้พรรคเพื่อไทย เน้นดูแลประเทศให้เกิดความสงบ เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยวเหนื่อยกับความวุ่นวายทางการเมืองมานาน 3 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้ท่องเที่ยวกำลังกลับสู่ภาวะปกติ ถ้าหลังเลือกตั้ง ไม่มีปัญหาความวุ่นวาย นักท่องเที่ยวเขาก็พร้องเดินทางมาประเทศไทย ส่วนเรื่องการบริหารงานต้องการให้รัฐบาลเร่ง วางโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคม ซึ่งจะส่งให้ท่องเที่ยวเติบโต โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง ทัั้งในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อขนส่งคนให้เดินทางท่องเที่ยวให้สะดวกขึ้น ไม่ต้องรอเที่ยวเฉพาะเทศกาลหยุด ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยว ที่ ททท. ตั้งเป้าหมายปีหน้า 19ล้านคน อย่ามองแค่นั้น ควรมองไปถึง 20-21 ล้านคน ก็ทำได้ เพียงแต่รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยดูแลส่งเสริม ขยายเส้นทางบิน รับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งเฉพาะประเทศจีน ยังมีอีกหลายเมือง ที่จะเพิ่มนักท่องเที่ยวได้
***จี้สางปัญหาอีลิทการ์ด***
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบาย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวว่า ต้องการให้พรรคเพื่อไทย เร่งสะสางปัญหาโครงการแปลก ที่เคยสร้างไว้ตั้งแต่สมัย พตท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เช่น โครงการ อีลิทการ์ด ซึ่งดำเนินงานภายใต้ และโครงการบริษัท ไทยจัดการลองสเตย์ ว่าจะมีแนวทางการจัดการอย่างไรต่อไป โดยควรตอบให้ได้ว่าจะแก้ไขสิ่งผิดพลาดเหล่านี้อย่างไร และต้องการขอความเห็นใจรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ด้วยว่า อย่าริเริ่มที่จะเปิดโครงการอะไรแปลกๆ โดย ไม่มีแนวทางบริหารจัดการที่ดีมารองรับอีก เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มโรงแรมเอเชีย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาล จัด รัฐมนตรีเข้ามาดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อย่างน้อย 2 คน เพื่อแบ่งงานด้านท่องเที่ยวออกจากกีฬา จะได้ทำงานเต็มที่ทั้ง 2 ภาระกิจ
อย่างไรก็ตามรายงานข่าว แจ้งว่า พรรคพลังชล ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ได้เสนอขอดูแลกระทรวงการท่องเที่ยว เพราะก่อนหน้านี้ นายสนธยา คุณปลื้ม ก็เคยดำรงค์ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวมาแล้ว