ASTVผู้จัดการรายวัน - “สนธิ” ชี้จุดอ่อนปชป.พ่ายเพื่อไทยเหตุ หลงตัวเอง - เชื่อคารม“เนวิน” - ทิ้งพันธมิตรฯ ระบุ 2 ปี 7 เดือนระบอบทักษิณยังอยู่แค่เปลี่ยนหัวเป็นอภิสิทธิ์ ลั่น 2 ปัจจัยหลักพร้อมโหมโรงต้านรัฐบาลปูแดงหากออกกฎหมายนิรโทษกรรมและจาบจ้วงสถาบัน ย้ำพันธมิตรฯ จะไม่ยอมเป็นเครื่องมือให้ปชป.อีกต่อไปไล่ปชป.-เพื่อไทยไปสู้กันเองทั้งในละนอกสภาฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการคนเคาะข่าว รายการทีวีรายการใหม่ของสถานีข่าวเอเอสทีวีว่า การเริ่มต้นของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มาจากความต้องการเข้ามาแก้ปัญหาทางการเมืองไม่ได้ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมืองและล้มล้างระบอบทักษิณ ทำให้เกิดปัญหาสะสมตั้งแต่เมษายน 52 และมาถึง พฤษภาคม 53 โดยที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณและนายเนวิน ชิดชอบ ทำเพื่อให้ได้กลับมามีอำนาจหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปโดยวางนายเนวิน เป็นขุนพลภาคอีสาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นขุนพลภาคกลางและภาคใต้และพยายามทิ้งพันธมิตรฯ ที่เป็นก้างขวางคอออกไปด้วยการตั้งข้อหาผู้ก่อการร้าย
“เขาลืมพวกของเขาที่ร่วมต่อสู้เขาเหยียบศีรษะพวกของเขาร่วมมือกับนายเนวินทุกอย่างเพื่อกำจัดพันธมิตรฯ 2 ปีกว่าเขาไม่คิดแก้ปัญหาประเทศชาติ สิ่งทีคุณเนวินพ่ายแพ้ในภาคอีสานและภาคเหนือเพราะคนที่นั่นเขาคิดว่าคุณเนวินเนรคุณคุณทักษิณ” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า ปชป.เขาชอบการโต้วาทีและชอบสร้างภาพลักษณ์และภาพพจน์แต่กลับไปพลาดเรื่องเขาพระวิหารเพราะเป็นเรื่องอธิปไตยของชาติไม่สามารถสร้างภาพปิดบังได้ พันธมิตรจึงต้องเข้ามาเพื่อเปิดโปงข้อมูลที่พวกเรานำมาพูดหักล้างคุณอภิสิทธิ์ได้ทุกเรื่อง เสียดายที่คุณอภิสิทธิ์ที่คนทุกคนพร้อมให้โอกาสด้วยความใสซื่อแต่กลับมีวาระซ่อนเร้น เจ้าเล่แสนกล จนการตัดสินใจยุบสภาฯ ก็ตัดสินใจก่อนวันพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกเกิดความขัดแย้งระหว่างคนรักคุณอภิสิทธิ์และพวกเรา ทำให้เราตัดสินใจได้ว่าการต่อสู้กับทักษิณและอภิสิทธิ์ไม่ได้แตกต่างกันเลยจึงทำให้เราตัดสินใจโหวตโน
โดยในช่วง 2 ปี 7 เดือนเหมือนกับเราอยู่ในระบอบทักษิณโดยการนำของอภิสิทธิ์ที่ถูกส่งทอดต่อมาการพ่ายแพ้ของปชป.แพ้ด้วยตัวเองเพราะไม่ได้ทำที่ตัวเองพูดเอาไว้ การเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2544 2548 2550 และ 2554 ไม่เคยชนะทักษิณเลย ยิ่งการพึ่งเนวินโดยไม่แก้ไขทำลายโครงข่ายที่ทักษิณสร้างไว้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทหารที่เข้ามาหนุนเนวินและปชป.และยังฝันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนไม่ถึงครึ่งจึงมั่นใจว่าจะชนะทักษิณที่ภาคอีสานได้เขาจึงไม่สนพันธมิตรฯ และทอดทิ้งเราไม่จริงใจต่อเรา
“เรื่องบัตรเสียที่ประกาศออกมา 10 บัตร มี 3 บัตรที่โหวตโนและ 7 บัตรที่ไม่กาช่องใดเพราะไม่รู้จะเลือกใครเลยทิ้งไป ฮาร์ดคอร์พันธมิตรฯ จริงๆ ในขณะนี้มีอยู่ร่วม 1.5 - 2 ล้านคน ตอนนี้เราเกิดใหม่ไม่มีพันธนาการ เราผิดหวังจากอภิสิทธิ์ที่รังแกเราที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือเลือดเนื้อของพันธมิตรฯ ที่แท้จริง ประเด็นที่เราจะสู้กับรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมี 2 ประเด็นคือ หากมีการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมและการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์เราจะออกไปทันที เราจะไม่ออกไปทุกเรื่องเพราะฉะนั้นจะกลายไปเป็นมวลชนของประชาธิปัตย์ ดังนั้นหากประชาธิปัตย์ต้องการแนวร่วมมาต่อต้านก็ควรจะใช้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ออกมาออกมาเป็นแนวร่วมในการต่อต้านฝ่ายตรงข้ามและเลิกใส่ร้ายคนอื่น” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า การเมืองในขณะนี้มันสลับซับซ้อนมากขึ้นไม่อยากให้พันธมิตรฯ ต้องตกหลุมพราง แม้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะมาแต่ก็ไม่สามารถใช้พันธมิตรเป็นหมากได้อีกแล้ว หากปชป.ต้องการล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไปทำเองในสภาฯ หรือไม่ก็เอามวลชนของเขาที่เลือกเขาเข้าสภาฯ มาต่อสู้เอง เราจะไม่เป็นเครื่องให้กับปชป.อีกแล้ว
“ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ตามหากอยู่ในระบอบกลืนบ้านกินเมืองแล้วเราก็พร้อมที่จะออกไปต่อต้านทันที” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการคนเคาะข่าว รายการทีวีรายการใหม่ของสถานีข่าวเอเอสทีวีว่า การเริ่มต้นของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) มาจากความต้องการเข้ามาแก้ปัญหาทางการเมืองไม่ได้ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาบ้านเมืองและล้มล้างระบอบทักษิณ ทำให้เกิดปัญหาสะสมตั้งแต่เมษายน 52 และมาถึง พฤษภาคม 53 โดยที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณและนายเนวิน ชิดชอบ ทำเพื่อให้ได้กลับมามีอำนาจหลังการเลือกตั้งครั้งต่อไปโดยวางนายเนวิน เป็นขุนพลภาคอีสาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นขุนพลภาคกลางและภาคใต้และพยายามทิ้งพันธมิตรฯ ที่เป็นก้างขวางคอออกไปด้วยการตั้งข้อหาผู้ก่อการร้าย
“เขาลืมพวกของเขาที่ร่วมต่อสู้เขาเหยียบศีรษะพวกของเขาร่วมมือกับนายเนวินทุกอย่างเพื่อกำจัดพันธมิตรฯ 2 ปีกว่าเขาไม่คิดแก้ปัญหาประเทศชาติ สิ่งทีคุณเนวินพ่ายแพ้ในภาคอีสานและภาคเหนือเพราะคนที่นั่นเขาคิดว่าคุณเนวินเนรคุณคุณทักษิณ” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า ปชป.เขาชอบการโต้วาทีและชอบสร้างภาพลักษณ์และภาพพจน์แต่กลับไปพลาดเรื่องเขาพระวิหารเพราะเป็นเรื่องอธิปไตยของชาติไม่สามารถสร้างภาพปิดบังได้ พันธมิตรจึงต้องเข้ามาเพื่อเปิดโปงข้อมูลที่พวกเรานำมาพูดหักล้างคุณอภิสิทธิ์ได้ทุกเรื่อง เสียดายที่คุณอภิสิทธิ์ที่คนทุกคนพร้อมให้โอกาสด้วยความใสซื่อแต่กลับมีวาระซ่อนเร้น เจ้าเล่แสนกล จนการตัดสินใจยุบสภาฯ ก็ตัดสินใจก่อนวันพิจารณาของคณะกรรมการมรดกโลกเกิดความขัดแย้งระหว่างคนรักคุณอภิสิทธิ์และพวกเรา ทำให้เราตัดสินใจได้ว่าการต่อสู้กับทักษิณและอภิสิทธิ์ไม่ได้แตกต่างกันเลยจึงทำให้เราตัดสินใจโหวตโน
โดยในช่วง 2 ปี 7 เดือนเหมือนกับเราอยู่ในระบอบทักษิณโดยการนำของอภิสิทธิ์ที่ถูกส่งทอดต่อมาการพ่ายแพ้ของปชป.แพ้ด้วยตัวเองเพราะไม่ได้ทำที่ตัวเองพูดเอาไว้ การเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2544 2548 2550 และ 2554 ไม่เคยชนะทักษิณเลย ยิ่งการพึ่งเนวินโดยไม่แก้ไขทำลายโครงข่ายที่ทักษิณสร้างไว้ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทหารที่เข้ามาหนุนเนวินและปชป.และยังฝันว่าพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนไม่ถึงครึ่งจึงมั่นใจว่าจะชนะทักษิณที่ภาคอีสานได้เขาจึงไม่สนพันธมิตรฯ และทอดทิ้งเราไม่จริงใจต่อเรา
“เรื่องบัตรเสียที่ประกาศออกมา 10 บัตร มี 3 บัตรที่โหวตโนและ 7 บัตรที่ไม่กาช่องใดเพราะไม่รู้จะเลือกใครเลยทิ้งไป ฮาร์ดคอร์พันธมิตรฯ จริงๆ ในขณะนี้มีอยู่ร่วม 1.5 - 2 ล้านคน ตอนนี้เราเกิดใหม่ไม่มีพันธนาการ เราผิดหวังจากอภิสิทธิ์ที่รังแกเราที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือเลือดเนื้อของพันธมิตรฯ ที่แท้จริง ประเด็นที่เราจะสู้กับรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตรมี 2 ประเด็นคือ หากมีการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมและการจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์เราจะออกไปทันที เราจะไม่ออกไปทุกเรื่องเพราะฉะนั้นจะกลายไปเป็นมวลชนของประชาธิปัตย์ ดังนั้นหากประชาธิปัตย์ต้องการแนวร่วมมาต่อต้านก็ควรจะใช้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปัตย์ออกมาออกมาเป็นแนวร่วมในการต่อต้านฝ่ายตรงข้ามและเลิกใส่ร้ายคนอื่น” นายสนธิกล่าว
นายสนธิกล่าวว่า การเมืองในขณะนี้มันสลับซับซ้อนมากขึ้นไม่อยากให้พันธมิตรฯ ต้องตกหลุมพราง แม้ว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์จะมาแต่ก็ไม่สามารถใช้พันธมิตรเป็นหมากได้อีกแล้ว หากปชป.ต้องการล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ไปทำเองในสภาฯ หรือไม่ก็เอามวลชนของเขาที่เลือกเขาเข้าสภาฯ มาต่อสู้เอง เราจะไม่เป็นเครื่องให้กับปชป.อีกแล้ว
“ไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ตามหากอยู่ในระบอบกลืนบ้านกินเมืองแล้วเราก็พร้อมที่จะออกไปต่อต้านทันที” นายสนธิกล่าว