xs
xsm
sm
md
lg

ภารกิจแรกของนายกฯ หญิงคนแรกในระบอบเผด็จการ

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

ผลการเลือกตั้งของระบอบเผด็จการของสองพรรคใหญ่พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกประมาณ 264-265 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ประมาณ 159-160 คน ก็แน่นอนว่าพรรคประชาธิปัตย์กลับไปเป็นฝ่ายค้านตลอดสมัย เพราะโอกาสที่จะพลิกขั้วตั้งรัฐบาลนั้นไม่มีอีกแล้ว ก็ถือว่าเป็นไปตามคาด

พรรคประชาธิปัตย์ ต้องสำรวจตรวจสอบตัวเอง แต่ยังไงๆ ก็คงหาไม่เจอความบกพร่องของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ คนนี้ เพราะความเข้าใจผิดสภาพการณ์ที่เป็นจริงที่การเมืองเป็นระบอบเผด็จการโดยกฎหมายรัฐธรรมนูญ นี่คือความจริงแบบสัจธรรมเลยทีเดียวแต่พรรคประชาธิปัตย์พวกเขากลับเข้าใจว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย ความเชื่อของลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ พรรคประชาธิปัตย์บริหารประเทศ ทั้งๆ ที่มีโอกาสมากสุดๆ แบบคนถูกรางวัลที่หนึ่ง แต่น่าเสียดายมุ่งแก้ปัญหาปลายเหตุ บริหารประเทศแบบเทศบาล มันจึงไม่เข้าตาประชาชน ผลออกมาจึง “ดีแต่พูด” ผลงาน “ห่วยแตก”

ส่วนพรรคเพื่อไทยแท้จริงก็เป็นพรรคเผด็จการลัทธิรัฐธรรมนูญเช่นกัน อีกขั้วหนึ่ง แต่พรรคนี้ฉลาด มีนโยบายในการเปลี่ยนแปลง ดูจากคำพูดของพรรคเพื่อไทยมีส่วนถูก ถูกตามกระแสความต้องการของประชาชน คือต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น เช่น “เราต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ขึ้น เรารู้ว่าแม้จะเป็นเพียงยุทธวิธีในการหาเสียงก็ตาม อย่างน้อยก็ถูกใจประชาชนทำให้มองไปข้างหน้าและอนาคต ส่วนจะจริงเท็จนั้นก็รอคอยพิสูจน์กัน”

พรรคเพื่อไทยฉลาดในวิธีการที่จะได้มาซึ่งชัยชนะ โดยการดึงเอาพวกพลังฝ่ายซ้ายทั้งหมดทั้งซ้ายแบบสาธารณรัฐ (Republic) ซ้ายสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ซึ่งพลังเหล่านี้แอบแฝงอยู่ในพรรคเพื่อไทย และทำงานให้กับพรรคเพื่อไทยและจะเพิ่มกำลังมากขึ้นๆ แบบก้าวกระโดดในอนาคตและอาจจะเป็นภัยต่อสถาบันหลักของชาติ

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ทำมิตรให้เป็นศัตรู ทำศัตรูให้แข็งแรงขึ้น ด้วยบุคลิกหยิ่งจองหองของหัวหน้าพรรค อวดตน ถือดี สำคัญตนผิด อกตัญญู กลั่นแกล้งมิตรและปฏิเสธนักปราชญ์ราชบัณฑิต นักคิด นักเขียน ผู้แนะนำโดยสุจริต จากที่ไม่ใช่ประชาธิปัตย์แต่สนับสนุนประชาธิปัตย์กว่า 10 ล้านคน เพราะไม่ต้องการอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ประมาณ 2 ปี 6 เดือน อภิสิทธิ์ ทำให้มหาชนเหล่านี้หายเกลี้ยงและย้อนชิงชังพรรค บริหารประเทศ “ห่วยแตก” เพราะเข้าใจผิด ไม่รู้สภาพการณ์ที่ดำรงอยู่จริงๆ ว่ามันเป็นเผด็จการ นั่นเอง ดังนั้นพรรคประชาธิปัตย์แพ้ทางการเมืองจึงต้องแพ้เลือกตั้งเป็นไปตามคาด

เราเคยแนะนำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร่วม 100 บทความ ก็พอรู้ได้ว่านายอภิสิทธิ์ ไปไม่รอดแน่ๆ คือไม่รู้ อ่อนหัดและหยิ่ง เชื่อมั่นในตัวเองสูง หลงตัวเองอยู่กับภาพลักษณ์ดูดีหน้าโพเดียม แน่นอนว่าอนาคตของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกไปพร้อมกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาคู่หูเร็วๆ นี้

ต้องยอมรับว่า การเลือกตั้งภายใต้ระบอบเผด็จการพรรคใหญ่ต้องใช้เงินเป็นปัจจัยหลัก ใช้เงินเป็นจำนวนมากหลายหมื่นล้าน ทั้งซื้อเสียงโดยตรงอย่างแนบเนียน ซื้อด้วยนโยบายประชานิยม ซื้อสื่อสารมวลชน วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ที่ซื้อได้เพื่อสร้างกระแสให้กับพรรค และตัวบุคคล

ผลจากการเลือกตั้ง คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้ตั้งรัฐบาลใหม่ มหาชนก็คิดว่ายังดีกว่าจมปลักอยู่กับความน่าเบื่อกับ รัฐบาลอภิสิทธิ์

ผู้เขียน ก็ขอทำหน้าที่แนะนำท่านนายกรัฐมนตรีต่อไป คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พิจารณารับฟังไว้เถิด เพราะเรารู้ดีว่าสภาพการณ์ที่แท้จริงของประเทศเป็นเผด็จการนั้น ปัญหาต่างๆ ที่ไม่พึงปรารถนาทั้งหลาย ทั้งที่เกิดอยู่และจะเกิดขึ้นต่อไปนั้น มันจะรุมเร้าหนักยิ่งขึ้นและยิ่งขึ้น ความคาดหวังของประชาชนก็มากขึ้น ในสถานการณ์เช่นนี้ หากรัฐบาลใหม่ไม่รู้สภาพการณ์ที่แท้จริง ก็จะหลงทาง ก็จะเกิดปัญหา ประชาชนจะต่อต้าน และหากรัฐบาลใหม่ออกนโยบายที่เป็นไปเพื่อตนเอง พวกพ้องญาติมิตร นิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ หรือบุคคลที่มีความผิดทางอาญา ก็เชื่อแน่ว่าประเทศต้องปั่นป่วนแน่นอน ประชาชนจะเห็นว่าแย่งชิงอำนาจก็เพื่อใครบางคนนี่เอง

ภารกิจแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะต้องศึกษารับฟังการแนะข้อเสนออะไรใหม่และถูกต้องเป็นธรรมเพื่อที่จะได้ร่วมมือกับทุกฝ่ายทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อร่วมจิตร่วมใจให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อผลักดันนโยบายในการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ เปลี่ยนเป็นสภาวการณ์ของประเทศจากเผด็จการเป็นสภาวการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ประเทศไทยเป็นเผด็จการ 2 ลักษณะ หนึ่งแบบรัฐประหาร สองแบบเลือกตั้ง มายาวนาน 79 ปี รัฐบาลและสื่อทั้งหลายอย่าได้พูดโกหกด้วยความไม่รู้ว่าเป็นประชาธิปไตยกันอีกเลย หากยังเข้าใจผิดอยู่ก็จะร่วมมือกันแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติไม่ได้ ศัตรูของคนไทยที่แท้จริงคือความเข้าใจผิดเห็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญระบบรัฐสภาว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย และความล้มเหลวที่เห็นๆ กันอยู่ก็ต้องสืบสาวไปหาเหตุ “ระบอบเลว รัฐบาลเลว นายกฯ เลว ...” ย่อมเป็นไปตามกฎอิทัปปัจจยตาหรือกฎแห่งกรรม รัฐบาลใหม่ควรจะมีนโยบายแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ ร่วมกันสร้าง (สถาปนา) “ระบอบโดยธรรม รัฐบาลโดยธรรม นายกรัฐมนตรีโดยธรรม”

ขอเพียงท่านนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเมืองไทยอย่าได้เข้าใจผิดตามนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ และอดีตนายกรัฐมนตรีอื่นๆ 27 คน อีกเลยขอเพียงนายกฯ ลำดับที่ 28 เข้าใจถูกเรื่อง “ระบอบ” สักคนเถิด
กำลังโหลดความคิดเห็น