ผลจากการวางกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างมืออาชีพ ซึ่งประกอบด้วยการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ใช้แรงงาน เป็นผู้หาเช้ากินค่ำที่ชื่นชอบเสพสิ่งที่เรียกว่ายาชูกำลัง ที่ถูกสร้างกระแสทำให้รู้สึกว่าคึกคักเพิ่มกำลังวังชาแล้ว แผนการตลาดด้านการโฆษณาชวนเชื่อในสื่อทุกชนิด แถมด้วยวางระบบขายตรง อัพไลน์ดาวน์ไลน์ กระตุกตลาดผู้ด้อยโอกาสด้วยการลดแลกแจกแถม และตามด้วยการส่งฉลากชิงโชคที่มีบ้าน รถยนต์ ทองคำ ฯลฯ เป็นตัวล่อแล้ว แถมยังสร้างสีสันของฉลากข้างกล่องไว้ 2 ด้านของกล่องด้วยสาวสวยอวบอึ๋มนุ่งน้อยห่มน้อย และอีกด้านคือภาพของหนุ่มกลัดมัน กล้ามเป็นมัดๆ แววตาเป็นประกายด้วยความมั่นใจ ยาชูกำลังรีแบรนด์ยี่ห้อ “เพื่อไทย” ก็สามารถตีตลาด ยึดครองตลาดได้อย่างเบ็ดเสร็จ ถล่มทลายตามคำคาดการณ์ของนักการตลาดทั้งหลาย
คำประกาศจากเจ้าของบริษัทตัวจริงจากดูไบผ่านสื่อต่างๆ ของเมื่อคืนในช่วงต้นๆ ดูท่านจะอ่อนน้อมถ่อมตน บ่ายเบี่ยงที่จะออกหน้าว่ามันคือแผนการที่ตัวเองเป็นคนกำหนด โบ้ยไปให้กรรมการบริษัทที่เป็นนอมินีแบบเนียนๆ แต่พอดึกขึ้นๆ จนแน่ใจว่าบริษัทกำชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ เสียงคำรามก็กระหึ่มจากดูไบสู่ยุทธจักรพ่อค้า นักลงทุนในแวดวงธุรกิจยาชูกำลังอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น ตามด้วยการสำทับกลไกของรัฐที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคว่าระวังตัวกันไว้ให้ดีๆ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา พวกคุณได้กระทำอะไรเอาไว้บ้างกับบริษัทของฉันให้เตรียมรับมือและกลับเนื้อกลับใจโดยด่วน
นี่คืออุปมาภาพรวมของปรากฏการณ์หลังทราบผลการเลือกตั้ง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ผลจากการโฆษณาชวนเชื่อ มอมเมา และติดสินบนประชาชนเป็นส่วนหนึ่งชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของพรรคอนุรักษนิยมอย่างประชาธิปัตย์ที่ทำหน้าที่ทางการเมืองไม่แตกต่างจากการบริหารของข้าราชการประจำ ที่บทบาทนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเป็นได้เพียง “ปลัดกระทรวงทบวงกรม” ที่หลงใหลได้ปลื้มกับยศ ตำแหน่ง เชิดหน้าชูคอระรื่นที่มีผู้คนคอยแห่แหนล้อมหน้าล้อมหลัง นั่งกระหยิ่มยิ้มย่องกับแผ่นผ้าต้อนรับตามพื้นที่ หาผลประโยชน์แบบตามน้ำจากเหล่าราชการที่เก๋าเกมที่หากินกับการทุจริตคอร์รัปชันและผู้รับเหมาใหญ่น้อย ผ่านการชงจากทีมงานที่ห้อมล้อม และสร้างกลไกป้องกันตัวเองอย่างชำนาญ
บทบาทปลัดประเทศไทยที่อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย ยึดถือปฏิบัติยังสืบทอดมายังนายอภิสิทธิ์ อย่างคงเส้นคงวา การพยายามสร้างวาทกรรมว่าคือพรรคที่เก่าแก่และเป็นสถาบัน วันนี้สังคมไทยก็ตาสว่างมากขึ้น โดยดูจากบทบาทและการคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งในแต่ละครั้งรวมทั้งในครั้งนี้ ก็พิสูจน์ได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นได้แค่สถาบันครอบครัว ที่สืบทอดตำแหน่งทางการเมืองกันด้วยสายสัมพันธ์ของครอบครัวมากกว่าความรู้ความสามารถของมวลสมาชิกพรรค โดยเฉพาะการคัดเลือกผู้สมัครในระบบเขต
ในพื้นที่ภาคใต้พอจะเป็นที่ยืนให้กับพรรคประชาธิปัตย์มาได้ทุกยุคทุกสมัยรวมถึงในครั้งนี้ ก็เพราะส่วนหนึ่งสังคมภาคใต้ อันเป็นภูมิภาคที่ผู้คนมีฐานทางเศรษฐกิจที่ประชาชนพอจะพึ่งตัวเองได้ ประชากรมีการศึกษาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ พวกเขาไม่ได้คาดหวังผลประโยชน์จากพรรคการเมืองหรือนักการเมืองมากนักในรูปแบบของเรื่องปากท้อง การสร้างระบบอุปถัมภ์ค้ำชูของนักการเมืองและพรรคการเมืองในภาคใต้จึงไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของกลไกในการปกป้องดูแล ระบบอุปถัมภ์จึงออกมาในรูปของการฝากฝังเรื่องทำงาน การปรับย้ายเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เรื่องฝากลูกเข้าโรงเรียน รวมไปถึงการช่วยปกป้องในเรื่องของการคุ้มครองผลประโยชน์ทั้งจากธุรกิจแบบตรงไปตรงมาหรือผิดกฎหมายจำพวกเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล
การคาดหวังบทบาทนักการเมืองของสังคมภาคใต้จึงมีไม่มาก จึงกลายเป็น “ของตาย” สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีโอกาสสืบทอดระบบครอบครัว การมีคำขวัญที่ว่า “เสาไฟฟ้า” หากนำมาติดป้ายลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตธ์ก็ยังสามารถได้รับการเลือกตั้งเข้าไปในสภาได้ พัฒนาการทางการเมืองของสังคมภาคใต้จึงพัฒนานักการเมืองและพรรคการเมืองของพวกเขาเป็นได้แค่ “ปลัดประเทศสู่เสาไฟฟ้าและนกกรงหัวจุก” เท่านั้น ในครั้งนี้จึงเป็นความสมหวังของสังคมภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง ที่จะได้เห็นบทบาทของนกเขาชวาหรือนกกรงหัวจุกได้ขันเจื้อยแจ้ว เป็นสันทนาการอย่างหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันหลังจากกลับจากออกทะเลจับปลาหรือกลับจากกรีดยาง
ทั้งพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีอยู่ รวมถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ใช่การตอบโจทย์ปัญหาของประเทศไทยที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ ไม่ว่าการปะทุขึ้นของปัญหาเดิมๆ ที่หมักหมมมายาวนาน คือ ปัญหาความยากจน ปัญหาความเป็นธรรมในการถือครองปัจจัยในการผลิตประชากรส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งเป็นเกษตรกร ปัญหาช่องว่างทางเศรษฐกิจ การศึกษา และทางสังคม ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองทั้งหมดไม่ได้หยิบยกปัญหาอันเป็นต้นตอของปัญหาอื่นๆ เหล่านี้ขึ้นมาเป็นนโยบายแม้แต่พรรคเดียว เพราะทุกพรรคการเมืองคือห้างหุ้นส่วน คือบริษัทเอกชนที่มุ่งหวังเพียงประโยชน์และผลกำไรมาแบ่งปันกันในหมู่พวกเท่านั้น
การจะเดินไปข้างหน้าที่จะสร้างความมั่นคงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ รูปธรรมของนโยบายจึงไม่ใช่การติดสินบนประชาชนด้วยการแจกแล็ปท็อป บ้าน หรือรถยนต์ การถมทะเล ประกันเงินเดือน 15,000 ประกันราคาข้าว ฯลฯ แต่มันคือการแก้ไขปัญหาทางโครงสร้าง ทั้งโครงสร้างทางการเมือง การปกครองตลอดจนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและกลไกการบริหารการจัดการที่เป็นธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ซึ่งเรื่องเหล่านี้หากทำให้โปร่งใสและตรงไปตรงมาก็จะกระทบกลุ่มผลประโยชน์ที่กุมกลไกสำคัญๆ ของประเทศนี้ โจทย์อันหนักอึ้งนี้จึงตกอยู่บนบ่าของผู้คน ของชุมชน ของภาคประชาชนผู้ไม่ยอมจำนนเท่านั้น
เสียงคำรามของเจ้าของบริษัทยาชูกำลังยี่ห้อเพื่อไทยเมื่อคืนนี้ หลังจากที่เขาทราบว่าบริษัทของเขายึดกุมตลาดได้เบ็ดเสร็จ แม้จะเอื้อนเอ่ยถึงความปรองดองและสมานฉันท์อันเป็นความหวาดผวาและฝันร้ายของสังคม แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเขาก็คือส่วนหนึ่งสาเหตุของปัญหา และก็ไม่ได้พูดถึงทางออกแห่งปัญหาในสิ่งที่บริษัทของเขาเคยบุกเบิกเอาไว้ก่อนๆ ไม่ว่าการอนุมัติให้บริษัทด้านพลังงานในการขุดเจาะสัมปทานแหล่งก๊าซและน้ำมันอย่างบริษัทนิวคอสตอลที่สงขลา และกำลังขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆที่นพ.พรหมมินทร์ อดีตรัฐมนตรีของเขาเคยทำไว้ การไม่สนใจมิติของการพัฒนาอื่นๆนอกจากระบบทุนนิยม อันนำไปสู่แกนความขัดแย้งและความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
การไม่ดำเนินการแก่ตำรวจที่สลายการชุมนุมทุบตีพี่น้องที่ลุกขึ้นมาคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลย์ที่ตัวเองผลักดัน ทั้งๆ ที่ศาลได้รับฟ้องและถูกดำเนินคดีอยู่ในศาลแล้ว ร้ายไปกว่านั้นคือนายตำรวจทุกนายได้รับบำเหน็จความดีความชอบจากการละเมิดความยุติธรรมกันทุกคน รวมไปถึงการจับกุมฟ้องร้องพี่น้องเกษตรกรที่ไร้ที่ทำกินทั้งในภาคเหนืออย่างลำพูน และในภาคใต้ที่พัทลุง กระบี่ สุราษฎร์ฯ ล้วนเกิดขึ้นในยุคที่คนของพรรคเพื่อไทยเรืองอำนาจและลุแก่อำนาจไม่สนใจขบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น
สิ่งที่กล่าวมาแม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของปัญหา ที่เจ้าของและบริษัท “ยาชูกำลังยี่ห้อเพื่อไทย” ที่ผู้บริหารบริษัทตัวจริงคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในอดีตเคยกระทำมาและเริ่มออกอาการอหังการเกรี้ยวกราดให้พวกเราเห็นทันทีที่รู้ว่าบริษัทของตัวเองได้รับชัยชนะเด็ดขาดในคืนที่ผ่านมา ล้วนส่งสัญญาณให้เราได้รู้ว่ายาชูกำลังยี่ห้อเพื่อไทย ที่รีแบรนด์ปิดฉลากใหม่ และใช้ยุทธวิธีโฆษณาชวนเชื่อ ติดสินบนลดแลกแจกแถมจนได้รับชัยชนะในครั้งนี้นั้น อาจจะมีอย่างอื่นที่มากกว่านั้น นั่นก็คือการเพิ่ม “แอมเฟตามีน” ลงไปเป็นส่วนผสมในยาชูกำลังขวดนี้อีกก็ได้ ขอให้จับตาดูกันต่อไป.
คำประกาศจากเจ้าของบริษัทตัวจริงจากดูไบผ่านสื่อต่างๆ ของเมื่อคืนในช่วงต้นๆ ดูท่านจะอ่อนน้อมถ่อมตน บ่ายเบี่ยงที่จะออกหน้าว่ามันคือแผนการที่ตัวเองเป็นคนกำหนด โบ้ยไปให้กรรมการบริษัทที่เป็นนอมินีแบบเนียนๆ แต่พอดึกขึ้นๆ จนแน่ใจว่าบริษัทกำชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จ เสียงคำรามก็กระหึ่มจากดูไบสู่ยุทธจักรพ่อค้า นักลงทุนในแวดวงธุรกิจยาชูกำลังอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้น ตามด้วยการสำทับกลไกของรัฐที่ดูแลรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภคว่าระวังตัวกันไว้ให้ดีๆ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา พวกคุณได้กระทำอะไรเอาไว้บ้างกับบริษัทของฉันให้เตรียมรับมือและกลับเนื้อกลับใจโดยด่วน
นี่คืออุปมาภาพรวมของปรากฏการณ์หลังทราบผลการเลือกตั้ง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา หลังจากที่พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ผลจากการโฆษณาชวนเชื่อ มอมเมา และติดสินบนประชาชนเป็นส่วนหนึ่งชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของพรรคอนุรักษนิยมอย่างประชาธิปัตย์ที่ทำหน้าที่ทางการเมืองไม่แตกต่างจากการบริหารของข้าราชการประจำ ที่บทบาทนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีเป็นได้เพียง “ปลัดกระทรวงทบวงกรม” ที่หลงใหลได้ปลื้มกับยศ ตำแหน่ง เชิดหน้าชูคอระรื่นที่มีผู้คนคอยแห่แหนล้อมหน้าล้อมหลัง นั่งกระหยิ่มยิ้มย่องกับแผ่นผ้าต้อนรับตามพื้นที่ หาผลประโยชน์แบบตามน้ำจากเหล่าราชการที่เก๋าเกมที่หากินกับการทุจริตคอร์รัปชันและผู้รับเหมาใหญ่น้อย ผ่านการชงจากทีมงานที่ห้อมล้อม และสร้างกลไกป้องกันตัวเองอย่างชำนาญ
บทบาทปลัดประเทศไทยที่อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย ยึดถือปฏิบัติยังสืบทอดมายังนายอภิสิทธิ์ อย่างคงเส้นคงวา การพยายามสร้างวาทกรรมว่าคือพรรคที่เก่าแก่และเป็นสถาบัน วันนี้สังคมไทยก็ตาสว่างมากขึ้น โดยดูจากบทบาทและการคัดเลือกผู้สมัครลงเลือกตั้งในแต่ละครั้งรวมทั้งในครั้งนี้ ก็พิสูจน์ได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นได้แค่สถาบันครอบครัว ที่สืบทอดตำแหน่งทางการเมืองกันด้วยสายสัมพันธ์ของครอบครัวมากกว่าความรู้ความสามารถของมวลสมาชิกพรรค โดยเฉพาะการคัดเลือกผู้สมัครในระบบเขต
ในพื้นที่ภาคใต้พอจะเป็นที่ยืนให้กับพรรคประชาธิปัตย์มาได้ทุกยุคทุกสมัยรวมถึงในครั้งนี้ ก็เพราะส่วนหนึ่งสังคมภาคใต้ อันเป็นภูมิภาคที่ผู้คนมีฐานทางเศรษฐกิจที่ประชาชนพอจะพึ่งตัวเองได้ ประชากรมีการศึกษาสูงเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ พวกเขาไม่ได้คาดหวังผลประโยชน์จากพรรคการเมืองหรือนักการเมืองมากนักในรูปแบบของเรื่องปากท้อง การสร้างระบบอุปถัมภ์ค้ำชูของนักการเมืองและพรรคการเมืองในภาคใต้จึงไม่ใช่ระบบเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของกลไกในการปกป้องดูแล ระบบอุปถัมภ์จึงออกมาในรูปของการฝากฝังเรื่องทำงาน การปรับย้ายเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง เรื่องฝากลูกเข้าโรงเรียน รวมไปถึงการช่วยปกป้องในเรื่องของการคุ้มครองผลประโยชน์ทั้งจากธุรกิจแบบตรงไปตรงมาหรือผิดกฎหมายจำพวกเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล
การคาดหวังบทบาทนักการเมืองของสังคมภาคใต้จึงมีไม่มาก จึงกลายเป็น “ของตาย” สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีโอกาสสืบทอดระบบครอบครัว การมีคำขวัญที่ว่า “เสาไฟฟ้า” หากนำมาติดป้ายลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตธ์ก็ยังสามารถได้รับการเลือกตั้งเข้าไปในสภาได้ พัฒนาการทางการเมืองของสังคมภาคใต้จึงพัฒนานักการเมืองและพรรคการเมืองของพวกเขาเป็นได้แค่ “ปลัดประเทศสู่เสาไฟฟ้าและนกกรงหัวจุก” เท่านั้น ในครั้งนี้จึงเป็นความสมหวังของสังคมภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง ที่จะได้เห็นบทบาทของนกเขาชวาหรือนกกรงหัวจุกได้ขันเจื้อยแจ้ว เป็นสันทนาการอย่างหนึ่งในวิถีชีวิตประจำวันหลังจากกลับจากออกทะเลจับปลาหรือกลับจากกรีดยาง
ทั้งพรรคเพื่อไทยที่ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีอยู่ รวมถึงการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ใช่การตอบโจทย์ปัญหาของประเทศไทยที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ ไม่ว่าการปะทุขึ้นของปัญหาเดิมๆ ที่หมักหมมมายาวนาน คือ ปัญหาความยากจน ปัญหาความเป็นธรรมในการถือครองปัจจัยในการผลิตประชากรส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งเป็นเกษตรกร ปัญหาช่องว่างทางเศรษฐกิจ การศึกษา และทางสังคม ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองทั้งหมดไม่ได้หยิบยกปัญหาอันเป็นต้นตอของปัญหาอื่นๆ เหล่านี้ขึ้นมาเป็นนโยบายแม้แต่พรรคเดียว เพราะทุกพรรคการเมืองคือห้างหุ้นส่วน คือบริษัทเอกชนที่มุ่งหวังเพียงประโยชน์และผลกำไรมาแบ่งปันกันในหมู่พวกเท่านั้น
การจะเดินไปข้างหน้าที่จะสร้างความมั่นคงของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ รูปธรรมของนโยบายจึงไม่ใช่การติดสินบนประชาชนด้วยการแจกแล็ปท็อป บ้าน หรือรถยนต์ การถมทะเล ประกันเงินเดือน 15,000 ประกันราคาข้าว ฯลฯ แต่มันคือการแก้ไขปัญหาทางโครงสร้าง ทั้งโครงสร้างทางการเมือง การปกครองตลอดจนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและกลไกการบริหารการจัดการที่เป็นธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน ซึ่งเรื่องเหล่านี้หากทำให้โปร่งใสและตรงไปตรงมาก็จะกระทบกลุ่มผลประโยชน์ที่กุมกลไกสำคัญๆ ของประเทศนี้ โจทย์อันหนักอึ้งนี้จึงตกอยู่บนบ่าของผู้คน ของชุมชน ของภาคประชาชนผู้ไม่ยอมจำนนเท่านั้น
เสียงคำรามของเจ้าของบริษัทยาชูกำลังยี่ห้อเพื่อไทยเมื่อคืนนี้ หลังจากที่เขาทราบว่าบริษัทของเขายึดกุมตลาดได้เบ็ดเสร็จ แม้จะเอื้อนเอ่ยถึงความปรองดองและสมานฉันท์อันเป็นความหวาดผวาและฝันร้ายของสังคม แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเขาก็คือส่วนหนึ่งสาเหตุของปัญหา และก็ไม่ได้พูดถึงทางออกแห่งปัญหาในสิ่งที่บริษัทของเขาเคยบุกเบิกเอาไว้ก่อนๆ ไม่ว่าการอนุมัติให้บริษัทด้านพลังงานในการขุดเจาะสัมปทานแหล่งก๊าซและน้ำมันอย่างบริษัทนิวคอสตอลที่สงขลา และกำลังขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆที่นพ.พรหมมินทร์ อดีตรัฐมนตรีของเขาเคยทำไว้ การไม่สนใจมิติของการพัฒนาอื่นๆนอกจากระบบทุนนิยม อันนำไปสู่แกนความขัดแย้งและความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
การไม่ดำเนินการแก่ตำรวจที่สลายการชุมนุมทุบตีพี่น้องที่ลุกขึ้นมาคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลย์ที่ตัวเองผลักดัน ทั้งๆ ที่ศาลได้รับฟ้องและถูกดำเนินคดีอยู่ในศาลแล้ว ร้ายไปกว่านั้นคือนายตำรวจทุกนายได้รับบำเหน็จความดีความชอบจากการละเมิดความยุติธรรมกันทุกคน รวมไปถึงการจับกุมฟ้องร้องพี่น้องเกษตรกรที่ไร้ที่ทำกินทั้งในภาคเหนืออย่างลำพูน และในภาคใต้ที่พัทลุง กระบี่ สุราษฎร์ฯ ล้วนเกิดขึ้นในยุคที่คนของพรรคเพื่อไทยเรืองอำนาจและลุแก่อำนาจไม่สนใจขบวนการยุติธรรมทั้งสิ้น
สิ่งที่กล่าวมาแม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของปัญหา ที่เจ้าของและบริษัท “ยาชูกำลังยี่ห้อเพื่อไทย” ที่ผู้บริหารบริษัทตัวจริงคือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในอดีตเคยกระทำมาและเริ่มออกอาการอหังการเกรี้ยวกราดให้พวกเราเห็นทันทีที่รู้ว่าบริษัทของตัวเองได้รับชัยชนะเด็ดขาดในคืนที่ผ่านมา ล้วนส่งสัญญาณให้เราได้รู้ว่ายาชูกำลังยี่ห้อเพื่อไทย ที่รีแบรนด์ปิดฉลากใหม่ และใช้ยุทธวิธีโฆษณาชวนเชื่อ ติดสินบนลดแลกแจกแถมจนได้รับชัยชนะในครั้งนี้นั้น อาจจะมีอย่างอื่นที่มากกว่านั้น นั่นก็คือการเพิ่ม “แอมเฟตามีน” ลงไปเป็นส่วนผสมในยาชูกำลังขวดนี้อีกก็ได้ ขอให้จับตาดูกันต่อไป.