xs
xsm
sm
md
lg

คุ้มไหมที่เป็นประชาธิปไตย

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

คณะกรรมการปฏิรูปได้จัดพิมพ์หนังสือชื่อ “แนวทางการปฏิรูปประเทศไทย” โดยมีหัวข้อย่อยว่า “ข้อเสนอต่อพรรคการเมือง และผู้มีสิทธิเลือกตั้ง” เมื่อเปิดอ่านแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีพรรคการเมืองใดสนใจที่จะนำเสนอเหล่านั้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง และหากดูจากป้ายโฆษณาหาเสียงแล้ว ก็มีแต่ข้อเสนอว่าจะให้อะไรแก่ประชาชนบ้าง บางข้อเสนอก็งี่เง่าสิ้นดี เช่น การไม่เก็บภาษีรถยนต์คันแรก และบ้านหลังแรก เป็นต้น บางพรรคก็เอาดื้อๆ ว่าจะขึ้นเงินคนชรา และคนพิการจาก 500 เป็น 1,000 บาท

มีพรรคเดียวที่ประกาศนโยบายไม่ลด แลก แจก แถม และมีนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชัน คือ พรรครักประเทศไทยของนายชูวิทย์ มีข่าวว่าคนหนุ่มสาวนิยมมาก และจะเลือกพรรคนี้ ทำให้ชูวิทย์มีหวังได้เข้าสภาแน่ๆ และจะสร้างสีสันให้กับการเมืองไทยเป็นอันมาก

ป้ายที่สะใจคนจำนวนไม่น้อยก็คือ ป้ายสิงสาราสัตว์ทั้งหลายของพันธมิตรฯ ที่ให้คนโหวตโน ต้องยอมรับว่าคนจำนวนมากที่เบื่อการเมือง มีคนพรรคประชาธิปัตย์ให้ข้อสังเกตว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการหยั่งกำลัง คือ ไม่ส่งคนลงเลือกตั้ง แต่จะดูว่าที่เขตเลือกตั้งใดบ้างที่มีคนโหวตโน ก็ถือว่าเขตนั้นสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ

ผมเห็นป้ายหาเสียงอีกเป็นจำนวนมากของพรรคต่างๆ ซึ่งไม่รู้ว่าส่งผู้สมัครทำไม บางคนถ่ายรูปสวมแว่นตาดำอีกต่างหาก บางคนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร เคยทำอะไรมาบ้าง ที่น่ารักคือป้ายของ “น้องขวัญ” ลูกสาวคุณสุวิทย์ คุณกิตติ มีชื่อว่า “สุวิภา” ลูกสาวคนนี้เรียนเก่ง สอบได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เวลาออกทีวีพูดจาฉะฉานรู้เรื่องดี ไม่ต้องก้มหน้าอ่านโพย คุณสุวิทย์ คงรู้ว่ามีคนนิยมชมชอบน้องขวัญมาก แม้จะสมัครบัญชีรายชื่อก็ยังทำป้ายติดทั่วกรุง

ที่เขตจตุจักร ผู้เลือกตั้งหลายคนเกิดความรำคาญ “โครงการสร้างท่อระบายน้ำพันปี” ของ กทม.ตรงหัวมุมโรงพยาบาลวิภาวดี ยังดีที่มีการทำถนนให้ดีแล้ว แต่เดิมมีการขุดถนนขรุขระ และโครงการนี้ทำมา 5 ปีแล้วยังไม่เสร็จ ทำให้คนบริเวณนี้จำนวนหนึ่งไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์

กว่าบทความนี้จะลงพิมพ์ ก็คงทราบผลการเลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกคุณยิ่งลักษณ์ เพราะหากพิจารณาจากจิตวิทยาการเมืองแล้ว คุณยิ่งลักษณ์ก็เข้าลักษณะของผู้สมัครที่ดี คือ ถ่ายรูปขึ้น หน้าตาไว้ใจได้ และพูดจาเรียบร้อย ไม่ก้าวร้าว ทำให้เป็นคู่แข่งที่น่ากลัว หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งครั้งนี้ ก็น่าจะมีการทบทวนบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์อย่างจริงจังว่าเหตุใดความนิยมของประชาชน จึงไม่เทมาให้พรรคประชาธิปัตย์

ผมเข้าใจว่า คะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลดลง ผู้สนับสนุนพรรคก็ยังคงเป็นคนกลุ่มเดิม กลุ่มพันธมิตรฯ นั้นส่วนใหญ่เคยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็มาแยกตัวออกไป เพราะไม่ชอบพรรคร่วมรัฐบาล และไม่ชอบท่าทีของพรรคกรณีเขาพระวิหาร

หากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล พรรคก็จะมีฐานะพิเศษแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ คือ มีแนวร่วมนอกสภาเป็นส่วนสนับสนุนอยู่ด้วย มีคนกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่แท้จริง ผู้มีอำนาจที่แท้จริงคือพวกเสื้อแดงต่างหาก

ถ้าพวกเสื้อแดงแยกตัวออกจากทักษิณได้จริง พวกเสื้อแดงก็เป็นฝ่ายประชาชนที่โจมตีสังคมไทยได้ตรงเป้า คือ ต่อต้านความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรม และเมื่อวิเคราะห์เครื่องมือของกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น วิทยุชุมชนแล้ว ก็จะเห็นว่าผู้สนับสนุนกลุ่มนี้เป็นชาวชนบทที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง และมีความรู้สึกรุนแรงในการต่อต้านอำนาจรัฐ ที่น่าสังเกตก็คือ วิทยุชุมชนบางแห่งมีการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง นอกจากนั้น ในต่างจังหวัดบางแห่งยังมีแหล่งผลิตใบปลิวโจมตีราชวงศ์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

หากใครอ่านข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปโดยละเอียดแล้ว จะเห็นได้ว่า เมืองไทยเรามีปัญหามาก ที่น่าเจ็บใจก็คือ มีผู้รู้ปัญหานี้ดี มีการศึกษา มีหนทางในการแก้ไข แต่ไม่ใช่ด้วยการให้ แต่ต้องแก้ปัญหาที่โครงสร้างอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ดิน ปัญหาเกษตรกรรม ปัญหาแรงงาน หรือปัญหาการศึกษา ล้วนเกี่ยวพันกันไปหมด

นักการเมืองชอบทำโครงการใหญ่ๆ เช่น โครงการแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เพราะเกี่ยวพันกับเครือข่ายธุรกิจก่อสร้าง ค้าวัสดุอุปกรณ์ ขนส่ง และบริษัทที่ปรึกษา จึงมักกำหนดเป็นโครงการที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ราคาแพง โครงการเหล่านี้มักไม่มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ มีการศึกษาพบว่า ระบบการสูบน้ำด้วยพลังงานไฟฟ้ามีประสิทธิภาพเพียง 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ และโครงการน้ำระบบท่อ 30 โครงการที่ใช้งบประมาณ 800 กว่าล้านนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

เราคงต้องทนกับการแบกรับต้นทุนของประชาธิปไตยต่อไปตราบเท่าที่ประชาชนส่วนหนึ่งยังขายสิทธิ และนิยมการแบมือขอให้รัฐบาลช่วยในทุกๆ เรื่อง คิดดูแล้วคุ้มหรือไม่ที่เราได้ชื่อว่าเป็นประชาธิปไตยแต่มีการเมืองที่น้ำเน่าอย่างนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น