ASTVผู้จัดการรายวัน-“พรทิวา”เร่งเครื่องเพิ่มคะแนนเสียง! สั่งลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดอีกรอบ คาดลงได้ขวดละ 5 บาท เหลือ 42 บาท หลังวัตถุดิบราคาลงต่อเนื่อง ชี้ไม่ต้องขออนุมัติกนป.อีก เหตุมาตรการคงราคาสิ้นสุด 30 มิ.ย.นี้ พร้อมออกมาตรการเคลื่อนย้ายหมูใน 24 จังหวัดชายแดนต้องขออนุญาต ป้องกันลักลอบส่งออกเพื่อนบ้านจนทำในประเทศขาดแคลน
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เรียกประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำน้ำมันพืชบริโภคในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด (1 ลิตร) ลงอีก 5 บาท หรือจากขวดละ 47 บาท เหลือ 42 บาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบผลปาล์มสดมีแนวโน้มราคาลดลงเหลือกก.ละ 4-5 บาท จึงต้องปรับลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลงให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง
โดยการพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในครั้งนี้ ไม่ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน เพราะมาตรการที่ให้ตรึงราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไว้ที่ 47 บาท จะหมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย. เท่ากับว่าเป็นการยกเลิกมติคงราคาดังกล่าวไปโดยปริยาย
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ตรวจสอบสถานการณ์ด้านราคามาเกือบ 1-2 เดือน พบว่าราคาผลปาล์มได้ปรับลดลงมาสู่ระดับปกติเฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 4-5 บาท เนื่องจากผลผลิตเพิ่มมากขึ้น จึงจะประกาศปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดลงมา ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ 9 บาท/ขวด พบว่าต้นทุนถั่วเหลืองยังทรงตัวสูง จึงยังไม่ประกาศปรับลดราคาน้ำมันถั่วเหลืองลงมาตามน้ำมันปาล์ม
วันเดียวกันนี้ นางพรทิวายังได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อพิจารณามาตรการดูแลราคาเนื้อสุกร โดยได้มีมติให้ออกประกาศห้ามขนย้ายสุกรใน 24 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดชายแดน มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยกำหนดให้ผู้ที่ต้องการขนย้ายหมูน้ำหนักเกินตัวละ 80 กก.ตั้งแต่ 10 ตัวขึ้นไปในจังหวัดต้องห้าม จะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานราชการก่อนถึงจะขนย้ายได้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำและปรับ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการลักลอบนำสุกรออกนอกประเทศ จนทำให้เนื้อหมูในประเทศขาดแคลน และราคาแพง เนื่องจากจากการตรวจสอบข้อมูลการส่งออกพบว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกหมูมีชีวิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านสูงเกินกว่าปกติ โดยเดือน ม.ค.-พ.ค.ปีที่แล้วมีการส่งออกเพียง 9.2 หมื่นตัว แต่พอถึงปีนี้กลับเพิ่มขึ้นถึง 93% เป็น 1.8 แสนตัว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หมูในประเทศตรึงตัว.
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เรียกประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาราคาแนะนำน้ำมันพืชบริโภคในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด (1 ลิตร) ลงอีก 5 บาท หรือจากขวดละ 47 บาท เหลือ 42 บาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบผลปาล์มสดมีแนวโน้มราคาลดลงเหลือกก.ละ 4-5 บาท จึงต้องปรับลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดลงให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริง
โดยการพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในครั้งนี้ ไม่ต้องขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธาน เพราะมาตรการที่ให้ตรึงราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดไว้ที่ 47 บาท จะหมดอายุลงในวันที่ 30 มิ.ย. เท่ากับว่าเป็นการยกเลิกมติคงราคาดังกล่าวไปโดยปริยาย
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ตรวจสอบสถานการณ์ด้านราคามาเกือบ 1-2 เดือน พบว่าราคาผลปาล์มได้ปรับลดลงมาสู่ระดับปกติเฉลี่ยอยู่ที่กก.ละ 4-5 บาท เนื่องจากผลผลิตเพิ่มมากขึ้น จึงจะประกาศปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดลงมา ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ 9 บาท/ขวด พบว่าต้นทุนถั่วเหลืองยังทรงตัวสูง จึงยังไม่ประกาศปรับลดราคาน้ำมันถั่วเหลืองลงมาตามน้ำมันปาล์ม
วันเดียวกันนี้ นางพรทิวายังได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เพื่อพิจารณามาตรการดูแลราคาเนื้อสุกร โดยได้มีมติให้ออกประกาศห้ามขนย้ายสุกรใน 24 จังหวัดที่มีอาณาเขตติดชายแดน มีผลตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.เป็นต้นไป โดยกำหนดให้ผู้ที่ต้องการขนย้ายหมูน้ำหนักเกินตัวละ 80 กก.ตั้งแต่ 10 ตัวขึ้นไปในจังหวัดต้องห้าม จะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานราชการก่อนถึงจะขนย้ายได้ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำและปรับ
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการลักลอบนำสุกรออกนอกประเทศ จนทำให้เนื้อหมูในประเทศขาดแคลน และราคาแพง เนื่องจากจากการตรวจสอบข้อมูลการส่งออกพบว่า ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ไทยมีการส่งออกหมูมีชีวิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านสูงเกินกว่าปกติ โดยเดือน ม.ค.-พ.ค.ปีที่แล้วมีการส่งออกเพียง 9.2 หมื่นตัว แต่พอถึงปีนี้กลับเพิ่มขึ้นถึง 93% เป็น 1.8 แสนตัว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หมูในประเทศตรึงตัว.
