วานนี้( 29มิ.ย.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ศาลยังไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยว่า เรื่องนี้ยังต้องรอวันที่ 3 ก.ค.ว่า ศาลจะปล่อยตัวนายจตุพรออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้หรือได้หรือไม่ ถ้าหากไม่ได้ก็จะต้องไปดู มาตรา 19 ประกอบมาตรา 8 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าสมาชิกภาพการเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยสิ้นไป เพราะไม่ไปใช้สิทธิ์ในวันเลือกตัั้้ง นอกจากนี้ยังต้องดูองค์ประกอบของของกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญทั้งมาตรา 100,106(4)ที่ขาดคุณสมบัติมาตรา 101 (3) ซึ่งจะเข้าลักษณะการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองฯ จากนั้นจึงจะต้องดูมาตรา 20 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองที่ระบุคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกภาพของพรรคการเมืองที่จะต้องไม่ต้องห้ามตามมาตรา 19 ซึ่งจะมีความเชื่อมโยงต่อกัน และในข้อกฎหมายหากเปิดดูก็จะรู้ว่า
“กรณีนี้ถ้าเป็นนักกฎหมายก็จะเห็นแล้วว่า กฎหมายระบุไว้ชัดเจนในเรื่องต่างๆ หากอ่านดีๆก็สามารถที่จะดำเนินการร้องขอต่อศาลให้นายจตุพรออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ ถ้าทนายเขียนขออนุญาตศาลว่าขอเวลาออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อรักษาสิทธิ์ในการเป็นส.ส.แต่ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลก้าวล่วงไม่ได้ และจะมาเอาความเห็นของดิฉันไปอ้างอิงคงไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้น ทั้งที่กฎหมายมีความชัดเจนอยู่แล้ว ”นาวสดศรีกล่าว
เพราะถ้าหากสิ้นไปก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งส.ส.ได้ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบถ้วน โดยหลังจากวันเลือกตั้งกกต.จะมีหน้าที่พิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง และประกาศผล โดยหากพิจารณาแล้วเห็นว่าคุณสมบัติของผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดไม่ครบถ้วนกกต.ก็จะยื่นไปให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความในคุณสมบัติของผู้สมัครคนนั้น แต่ทั้งนี้ก็ยังจะต้องดูว่าในวันที่ 3 นายจตุพร ได้รับอนุญาตปล่อยตัวขชั่วคราวให้ไปเลือกตั้งได้หรือไม่
**“ประพันธ์” ชี้ “จตุพร” ไม่เสียสิทธิ์
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ในขณะนี้นายจตุพรถูกจำคุก จึงถือว่าไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากศาลไม่ให้ประกันตัว ซึ่งนายจตุพรไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และจะมีการขอแจ้งเหตุของการไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งต่อกกต. ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเคยมีลักษณะทำนองเดียวกันในการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งไปบวชเป็นพระภิกษุในช่วงที่เป็นวันเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ได้มีการพิจารณาแล้วว่าตามกฎหมายผู้ที่บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นเมื่อไม่มีสิทธิจึงไม่ถือว่าเสียสิทธิ อย่างไรก็ตามในกรณีของนายจตุพรที่ถูกคุมขัง แต่จะรักษาสิทธิ โดยการไปแจ้งเหตุก็ถือว่าไม่เสียสิทธิ ยกเว้นกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก ซึ่งจะเข้ามาตรา 102ของรัฐธรรมนูญที่ขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส. อย่างไรก็ตามกรณีนี้หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามากกต.ให้กกต.ทำการตรวจสอบก็จะต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
**แจ้งไม่ไปเลือกตั้งต้องมีเหตุอันสมควร
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีนายจตุพร ที่ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น จะสามารถไปแจ้งเหตุแห่งการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อรักษาสิทธิได้หรือไม่ ว่า กรณีการแจ้งเหตุที่ไม่สามารถไปลงคะแนนเลือกตั้งได้นั้น ต้องมีเหตุอันสมควร ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป โดยการแจ้งจะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เพื่อนายทะเบียนฯใช้ดุลยพินิจว่าเหตุดังกล่าวสมควรหรือไม่ หากมีเหตุอันสมควรก็อาจจะไม่ทำให้เสียสิทธิการเลือกตั้ง ทั้งนี้สามารถมอบฉันทะให้บุคคลอื่นบุคคลใดไปดำเนินการแทนหรือลงทะเบียนส่งทางไปรษณีย์ก็สามารถดำเนินการได้
**“เต้น”จวก”สดศรี”อย่าชี้นำศาล
ที่จ.ศรีสะเกษ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ออกมาระบุว่าหากศาลไม่ให้ประกันนายจตุพร ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็จะไม่ได้เป็นส.ส.นั้น เร็วๆ นี้จะยื่นคำร้องไปอีกครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งคิดว่าจะได้รับการพิจารณา แต่การออกมาพูดของนางสดศรีทั้งที่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นนั้น เป็นการพูดเพื่อชี้นำกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ รู้ได้อย่างไรว่าศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้นายจตุพรมาลงคะแนน แต่ก่อนหน้านี้คุณสมบัตินายจตุพรครบถ้วน พรรคได้ตรวจสอบหมดแล้วจึงส่งลงสมัคร จึงต้องถือว่านายจตุพรมีศักดิ์ และสิทธิโดยสมบูรณ์ โดยเช้าวันเดียวกันนี้ทีมทนายความได้ไปเยี่ยมนายจตุพร และฝากข้อความมาว่า พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมถึงที่สุด เพื่อให้มีโอกาสมาทำหน้าที่ในสภา ไม่ว่าผลการพิจารณาของศาลจะเป็นอย่างไร นายจตุพรยังคงมีขวัญและกำลังใจเต็มร้อย ช่วงระยะเวลาที่เหลือก่อนถึงวันเลือกตั้งยังมีเวลาที่ทีมทนายจะยื่นเรื่องต่อศาล ไม่อยากให้นางสดศรีตีความอะไรออกมาก่อน เพราะกกต.ไม่มีอำนาจชี้ขาด อยากให้รักษาความสง่างามเอาไว้
“กรณีนี้ถ้าเป็นนักกฎหมายก็จะเห็นแล้วว่า กฎหมายระบุไว้ชัดเจนในเรื่องต่างๆ หากอ่านดีๆก็สามารถที่จะดำเนินการร้องขอต่อศาลให้นายจตุพรออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้ ถ้าทนายเขียนขออนุญาตศาลว่าขอเวลาออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพื่อรักษาสิทธิ์ในการเป็นส.ส.แต่ทั้งนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลก้าวล่วงไม่ได้ และจะมาเอาความเห็นของดิฉันไปอ้างอิงคงไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้น ทั้งที่กฎหมายมีความชัดเจนอยู่แล้ว ”นาวสดศรีกล่าว
เพราะถ้าหากสิ้นไปก็ไม่สามารถดำรงตำแหน่งส.ส.ได้ เนื่องจากคุณสมบัติไม่ครบถ้วน โดยหลังจากวันเลือกตั้งกกต.จะมีหน้าที่พิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง และประกาศผล โดยหากพิจารณาแล้วเห็นว่าคุณสมบัติของผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดไม่ครบถ้วนกกต.ก็จะยื่นไปให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความในคุณสมบัติของผู้สมัครคนนั้น แต่ทั้งนี้ก็ยังจะต้องดูว่าในวันที่ 3 นายจตุพร ได้รับอนุญาตปล่อยตัวขชั่วคราวให้ไปเลือกตั้งได้หรือไม่
**“ประพันธ์” ชี้ “จตุพร” ไม่เสียสิทธิ์
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ในขณะนี้นายจตุพรถูกจำคุก จึงถือว่าไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากศาลไม่ให้ประกันตัว ซึ่งนายจตุพรไม่ได้มีเจตนาที่จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และจะมีการขอแจ้งเหตุของการไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งต่อกกต. ทั้งนี้กรณีดังกล่าวเคยมีลักษณะทำนองเดียวกันในการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งไปบวชเป็นพระภิกษุในช่วงที่เป็นวันเลือกตั้ง ซึ่งกกต.ได้มีการพิจารณาแล้วว่าตามกฎหมายผู้ที่บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ไปใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นเมื่อไม่มีสิทธิจึงไม่ถือว่าเสียสิทธิ อย่างไรก็ตามในกรณีของนายจตุพรที่ถูกคุมขัง แต่จะรักษาสิทธิ โดยการไปแจ้งเหตุก็ถือว่าไม่เสียสิทธิ ยกเว้นกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุก ซึ่งจะเข้ามาตรา 102ของรัฐธรรมนูญที่ขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส. อย่างไรก็ตามกรณีนี้หากมีเรื่องร้องเรียนเข้ามากกต.ให้กกต.ทำการตรวจสอบก็จะต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
**แจ้งไม่ไปเลือกตั้งต้องมีเหตุอันสมควร
นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวถึงกรณีนายจตุพร ที่ศาลไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น จะสามารถไปแจ้งเหตุแห่งการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อรักษาสิทธิได้หรือไม่ ว่า กรณีการแจ้งเหตุที่ไม่สามารถไปลงคะแนนเลือกตั้งได้นั้น ต้องมีเหตุอันสมควร ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป โดยการแจ้งจะต้องแจ้งต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน เพื่อนายทะเบียนฯใช้ดุลยพินิจว่าเหตุดังกล่าวสมควรหรือไม่ หากมีเหตุอันสมควรก็อาจจะไม่ทำให้เสียสิทธิการเลือกตั้ง ทั้งนี้สามารถมอบฉันทะให้บุคคลอื่นบุคคลใดไปดำเนินการแทนหรือลงทะเบียนส่งทางไปรษณีย์ก็สามารถดำเนินการได้
**“เต้น”จวก”สดศรี”อย่าชี้นำศาล
ที่จ.ศรีสะเกษ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ออกมาระบุว่าหากศาลไม่ให้ประกันนายจตุพร ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ก็จะไม่ได้เป็นส.ส.นั้น เร็วๆ นี้จะยื่นคำร้องไปอีกครั้ง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งคิดว่าจะได้รับการพิจารณา แต่การออกมาพูดของนางสดศรีทั้งที่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นนั้น เป็นการพูดเพื่อชี้นำกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ รู้ได้อย่างไรว่าศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้นายจตุพรมาลงคะแนน แต่ก่อนหน้านี้คุณสมบัตินายจตุพรครบถ้วน พรรคได้ตรวจสอบหมดแล้วจึงส่งลงสมัคร จึงต้องถือว่านายจตุพรมีศักดิ์ และสิทธิโดยสมบูรณ์ โดยเช้าวันเดียวกันนี้ทีมทนายความได้ไปเยี่ยมนายจตุพร และฝากข้อความมาว่า พร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมถึงที่สุด เพื่อให้มีโอกาสมาทำหน้าที่ในสภา ไม่ว่าผลการพิจารณาของศาลจะเป็นอย่างไร นายจตุพรยังคงมีขวัญและกำลังใจเต็มร้อย ช่วงระยะเวลาที่เหลือก่อนถึงวันเลือกตั้งยังมีเวลาที่ทีมทนายจะยื่นเรื่องต่อศาล ไม่อยากให้นางสดศรีตีความอะไรออกมาก่อน เพราะกกต.ไม่มีอำนาจชี้ขาด อยากให้รักษาความสง่างามเอาไว้
