xs
xsm
sm
md
lg

"เอสพีซีจี"เล็งขายพีโอมูลค่าพันล.ระดมทุนสร้างโรงไฟฟ้า-ลุยนอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- บล.กสิกรไทย เผย เอสพีซีจี เล็งขายหุ้นพีโอ มูลค่า 1 พันล้านบาท ภายในสิ้นไตรมาส3 ปี54 ล็อตแรก หลังจากได้รับตั้งเป็นที่ปรึกษาหาแหล่งระดมทุน มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท เพื่อลงทุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ จากมูลค่าเงินลงทุนรวม 2.1 หมื่นล้านบาท 34 โครงการ "วันดี" หวังบริษัทเป็นโรงฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่สุดในโลก คาดปีหน้าเริ่มลงทุนในต่างประเทศ

นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทได้รับแต่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจากการพิจารณาในเรื่องการระดมทุนของ SPCG คาดว่าจะออกหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (PO) มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3 ปี 54 ส่วนที่เหลือก็จะมีการพิจารณาว่าจะระดมทุนจากช่องทางใดเพิ่ม

ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 2 ปี SPCG จะมีการย้ายเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จากปัจจุบันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เพื่อที่จะทำให้กองทุนต่างประเทศสนใจในการเข้ามาลงทุนมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีกองทุนต่างประเทศบางแห่งที่ยังติดเงื่อนไขในการลงทุน ซึ่งการที่ทาง SPCG ยังไม่สามารถเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯได้เพราะติดในเรื่องกำไรที่ยังไม่เป็นไปตามเกณฑ์

" การที่เอสพีซีจี จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มอีก 31 โครงการ ซึ่งมีขนาดโครงการละ 6 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ในปี 2556 บริษัทจะมีโรงไฟฟ้าพลังงานเสงอาทิตย์รวมเป็น 34 โครงการ ทำให้มีกำลังการผลิตรวม 204 เมกกะวัตต์ "นางณัฐรินทร์ กล่าว

นายชาญชัย กุลถาวรากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG กล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าจะต้องเพิ่มทุนเป็นมูลค่ารวมประมาณ 3,000 -4,000 ล้านบาท บาท เพื่อรองรับการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่บริษัทมีแผนจะลงทุนให้ครบจำนวน 34 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท ให้เสร็จสิ้นภายในปี 2556 ซึ่งปัจจุบันสร้างเสร็จและมีการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าภูมิภาค (กฟภ.) แล้ว 3 โครงการ โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการเพิ่มทุนในสัดส่วน 30% ซึ่งได้ให้ทาง บล.กสิกรไทยเป็นผู้ศึกษาหาแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำให้กับบริษัท

สำหรับอีก 70% จะมาจากการกู้เงินโดยทางธนาคารกสิกรไทย เป็นแกนหลักในการหาแหล่งเงินกู้ให้กับบริษัทฯ และขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินการหาแหล่งเงินกู้ นอกจากนี้ยังได้เจรจาแหล่งเงินกู้จากธนาคารโลกด้วย รวมถึงบริษัทยังเปิดกว้างที่จะให้พันธมิตรเข้ามาถือหุ้น ในเอสพีซีจี โดยตรง รวมทั้งเปิดกว้างให้พันธมิตรที่สนใจเข้ามาถือหุ้นในบริษัทย่อย หรือเป็นรายโครงการ ซึ่งโครงการที่1-3 นั้นมีกองทุนกองทุนไอเอฟซี หรือ บรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินของกลุ่มธนาคารโลก จะเข้ามาลงทุน ส่วนโครงการอื่นๆอยู่ระหว่างการเจรจา อย่างไรก็ตามบริษัทมีนโยบายหลัก ที่จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่

ด้านนางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ SPCG กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน และมีแผนที่จะเป็นผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในโลก และ จากการที่ไทยจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียนนั้น บริษัทมองเห็นโอกาสในการที่จะไปลงทุนต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาที่ประเทศอินเดียและมาเลเซีย คาดว่าภายในปีหน้าจะไปลงทุนในต่างประเทศได้ตามแผน
กำลังโหลดความคิดเห็น