ASTVผู้จัดการรายวัน-“สุพจน์” เตรียมจับเข่าคุย "อารีพงศ์" คาใจคลังตั้งแง่หาแหล่งเงินกู้ให้แอร์ร์ตลิ้งค์ ทั้งที่เป็นมติครม. ชี้ต้องถกภาพรวมไปถึงรถไฟฟ้าสีน้ำเงินและสีเขียวที่คลังต้องหาแหล่งเงินกู้ให้ด้วย หวั่นกระทบก่อสร้างล่าช้า ยอมรับแอร์พอร์ตลิ้งค์มีปัญหา เร่งแก้ทางเข้าออกไม่สะดวก ยันเสร็จสมบูรณ์ในปี 55
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังปฏิเสธการค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) ว่า ในสัปดาห์หน้าจะนัดหารือกับนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลที่คลังจะต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ แอร์พอร์ตลิ้งค์ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงจะหารือถึงโครงการอื่นๆ ที่คลังต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ดำเนินการด้วย เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) สำหรับดำเนินการในปี 2555 หลังจากที่ ล็อตแรก 8,000 ล้านบาท สำหรับปี 2554 นั้นคลังจัดหาให้ค่อนข้างล่าช้า และรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งได้ประกวดราคาก่อสร้างสัญญาที่ 1 แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการลงนามสัญญาก่อสร้างและการเบิกจ่ายของผู้รับเหมา
ทั้งนี้ ตามมติครม.คลังจะต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ให้แอร์พอร์ตลิ้งค์รวม 1,860 ล้านบาท โดยล็อตแรกจำนวน 420 ล้านบาท หรือ 3 เท่าของทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท เป้าหมายเพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหารจัดการและการจัดหาอะไหล่สำรอง เป็นต้น ซึ่งหากไม่มีเงินมา ก็จะแก้ปัญหาการบริหารจัดการได้ยาก ซึ่งการเสนอให้คลังจัดหาแหล่งเงินกู้ให้นั้นได้มีแผนในการบริหารความเสี่ยง แผนพัฒนาธุรกิจเรียบร้อยแล้ว
“เรื่องเงินกู้ คลังมีหน้าที่จัดหาแหล่งให้แต่คลังไม่ได้รับภาระหนี้ เพราะบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จะรับภาระหนี้ทั้งหมด หากไม่มีเงินทุนไม่มีเงินซื้ออะไหล่ที่จำเป็น เมื่อรถเสีย ก็มีปัญหาในการให้บริการ ระดับปลัด 2 กระทรวงคงต้องคุยกันให้เข้าใจ เพราะเรื่องนี้ได้มีการตกลงกันแล้วดังนั้นใครมีหน้าที่อะไรก็ต้องไปทำ ถ้าคลังมีเงื่อนไขอะไร ก็ให้บอกมา เพราะเงินกู้นี้จะนำมาใช้ในการบริหารจัดการ ถ้าไม่มีเงิน ก็คงทำให้ดีขึ้นไม่ได้แน่”นายสุพจน์กล่าว
นายสุพจน์กล่าวว่า ปัญหาของแอรฺพอร์ตลิ้งค์หลายอย่างไม่อาจแก้ไขได้ เช่น การออกแบบที่เกิดความจำเป็น, ตำแหน่งที่ตั้งของสถานีมักกะสันไม่เหมาะสม, การมีระบบเช็คอินที่สถานีมักกะสันซึ่งประเทศอื่นไม่มี ส่วนปัญหาที่อยู่ระหว่างการแก้ไข คือ การก่อสร้างและปรับปรุงทางเข้า-ออกสถานีให้เกิดความสะดวกมากขึ้น โดย จะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 2555 ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารมีความสะดวกมากขึ้น และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผู้โดยรวมประมาณ 40,000 คนต่อวัน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา( City Line) ประมาณ 40,000 คนต่อวัน รถไฟฟ้าด่วน (Express Line) ประมาณ 1,000 คนต่อวัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ เป็นโครงข่ายที่มีความจำเป็นสำหรับการเชื่อมการเดินทางระหว่างเมืองกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงการคลังปฏิเสธการค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด หรือโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ต เรล ลิงค์) ว่า ในสัปดาห์หน้าจะนัดหารือกับนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลที่คลังจะต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ แอร์พอร์ตลิ้งค์ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงจะหารือถึงโครงการอื่นๆ ที่คลังต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ให้ดำเนินการด้วย เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) สำหรับดำเนินการในปี 2555 หลังจากที่ ล็อตแรก 8,000 ล้านบาท สำหรับปี 2554 นั้นคลังจัดหาให้ค่อนข้างล่าช้า และรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งได้ประกวดราคาก่อสร้างสัญญาที่ 1 แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการลงนามสัญญาก่อสร้างและการเบิกจ่ายของผู้รับเหมา
ทั้งนี้ ตามมติครม.คลังจะต้องจัดหาแหล่งเงินกู้ให้แอร์พอร์ตลิ้งค์รวม 1,860 ล้านบาท โดยล็อตแรกจำนวน 420 ล้านบาท หรือ 3 เท่าของทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท เป้าหมายเพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหารจัดการและการจัดหาอะไหล่สำรอง เป็นต้น ซึ่งหากไม่มีเงินมา ก็จะแก้ปัญหาการบริหารจัดการได้ยาก ซึ่งการเสนอให้คลังจัดหาแหล่งเงินกู้ให้นั้นได้มีแผนในการบริหารความเสี่ยง แผนพัฒนาธุรกิจเรียบร้อยแล้ว
“เรื่องเงินกู้ คลังมีหน้าที่จัดหาแหล่งให้แต่คลังไม่ได้รับภาระหนี้ เพราะบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จะรับภาระหนี้ทั้งหมด หากไม่มีเงินทุนไม่มีเงินซื้ออะไหล่ที่จำเป็น เมื่อรถเสีย ก็มีปัญหาในการให้บริการ ระดับปลัด 2 กระทรวงคงต้องคุยกันให้เข้าใจ เพราะเรื่องนี้ได้มีการตกลงกันแล้วดังนั้นใครมีหน้าที่อะไรก็ต้องไปทำ ถ้าคลังมีเงื่อนไขอะไร ก็ให้บอกมา เพราะเงินกู้นี้จะนำมาใช้ในการบริหารจัดการ ถ้าไม่มีเงิน ก็คงทำให้ดีขึ้นไม่ได้แน่”นายสุพจน์กล่าว
นายสุพจน์กล่าวว่า ปัญหาของแอรฺพอร์ตลิ้งค์หลายอย่างไม่อาจแก้ไขได้ เช่น การออกแบบที่เกิดความจำเป็น, ตำแหน่งที่ตั้งของสถานีมักกะสันไม่เหมาะสม, การมีระบบเช็คอินที่สถานีมักกะสันซึ่งประเทศอื่นไม่มี ส่วนปัญหาที่อยู่ระหว่างการแก้ไข คือ การก่อสร้างและปรับปรุงทางเข้า-ออกสถานีให้เกิดความสะดวกมากขึ้น โดย จะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในปี 2555 ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารมีความสะดวกมากขึ้น และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จำนวนผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผู้โดยรวมประมาณ 40,000 คนต่อวัน โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารขบวนรถไฟฟ้าธรรมดา( City Line) ประมาณ 40,000 คนต่อวัน รถไฟฟ้าด่วน (Express Line) ประมาณ 1,000 คนต่อวัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ เป็นโครงข่ายที่มีความจำเป็นสำหรับการเชื่อมการเดินทางระหว่างเมืองกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
