00 ในท่ามกลางข่าว “เฮงซวย”ของ พวกนักการเมือง นักเลือกตั้งกระจอกๆทั้งหลายที่กำลังเคลื่อนไหวหาเสียงเข้ามาช่วงชิงอำนาจรัฐ เข้ามาทุจริตคอรัปชั่นงบประมาณของบ้านเมืองในเวลานี้ กลับมีข่าวดีเล็กๆขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เพราะเป็นการจุดประกายความตื่นตัวของคนไทยมากขึ้น ซึ่งมีทั้งนักวิชาการที่เคยหลับไหลให้ตื่นขึ้นมาแสดงความเห็นสนับสนุนการถอนตัวของไทยพ้นจากภาคีมรดกโลก อย่างน้อยเป็นการตื่นตัวในการหวงแหนอธิปไตยของชาติ เป็น “ความรู้สึกร่วม” อย่างที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
00 สังเกตหรือไม่เวลานี้ได้มีนักวิชาการ นักการเมืองหลายพรรคยกเว้นพรรค “เพื่อเขมร” เอ้ย เพื่อไทย ต่างออกมาส่งเสียงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรฯในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาฝ่ายไทย ที่ตัดสินใจลาออกจากภาคีมรดกโลกในนาทีสุดท้าย ก่อนเสียท่า เสียอธิปไตยให้เขมร หากมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเรื่องแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบประสาทที่ผนวกเอาพื้นที่ของไทยเข้าไปด้วย คนพวกนี้สนับสนุนเป็นเสียงเดียวกัน ไม่ใช่เป็นความรู้สึกต้องการสันติภาพ อยากอยู่ร่วมกันอย่างสันติแบบไร้เดียงสาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เป็นความรู้สึก “คลั่งชาติ” อย่างที่เคยกล่าวหาพี่น้องคนไทยกลุ่มหนึ่งที่เสียสละต้องทนเดือดร้อนออกมาปักหลักชุมนุมกดดันรัฐบาลที่สะพานมัฆวานฯมานานหลายเดือนเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
00 กลายเป็นความตื่นตัวหวงแหนอธิปไตย ไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีได้อีกต่อไป ขณะที่ฝ่ายทหารก็รับปากแข็งขันว่าจะดูแลปกป้องทั้งดินแดนและชาวบ้านอย่างดี ให้เดือดร้อนน้อยที่สุด เป็นคำยืนยันออกมาจากปากของ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนกระทั่งมีการแถลงอย่างเป็นทางการของโฆษกกองทัพบกอย่าง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ว่าพร้อมรบเต็มที่ ซึ่งถ้าเทียบกับช่วงที่มีการปะทะกับกัมพูชาครั้งก่อนยังไม่มีบรรยากาศแบบนี้
00 ล่าสุดกลุ่มนักวิชาการหลายคนต่างเห็นสอดคล้องกันคิดไปไกลถึงขั้นให้ไทยถอนตัวพ้นจากสมาชิกคณะกรรมการองค์การ “ยูเนสโก” กันเลยทีเดียว เนื่องจากไม่มีประโยชน์อันใด หากองค์การแห่งนี้มัวแต่เล่นการเมืองลำเอียงหาประโยชน์ร่วมกับฝ่ายเขมรเอาเปรียบไทยอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญไม่คุ้มค่ากับเงินช่วยเหลืออันน้อยนิดในการบำรุงรักษา ประชาสัมพันธ์มรดกโลก เพราะไทยก็สามารถดูแลบำรุงรักษาโบราณสถานอย่างมีจิตสำนึกไม่แพ้ใครในโลกนี้
00 แต่ความรู้สึกดีๆดังกล่าวต้องยกเว้นไว้สำหรับพรรคเพื่อไทย ของไอ้ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้จนถึงวันนี้ยังไม่สำนึกยังเดินหน้า “ตะแบง” กลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง ที่ไปขายชาติยกดินแดนให้เขมรให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียวจนสร้างปัญหาจนถึงเดี๋ยวนี้ แต่กลับส่ง “ลิ่วล้อขายชาติ” อย่าง นพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศออกมาจีบปากจีบคอชวนกระทืบว่าไม่สมควรถอนตัวออกมา เพราะจะส่งผลกระทบต่อการขอขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งอื่น หรือแม้กระทั่งจะทำให้เราเสียเปรียบในเวทีโลก ถ้าคิดแบบ “หงอ” ต่างชาติ แบบนี้ก็ให้ไป “ลงนรก” เสียเถอะ คอยดูไปก็แล้วกันถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วยังมายุ่งวุ่นวายรื้อฟื้นเรื่องดังกล่าวให้เขมรขึ้นทะเบียนอีกรอบก็ต้องเจอพลังคนรักชาติหรือ “คลั่งชาติ” หลายเท่าตัว ลองดูก็แล้วกัน
00 ยอมรับออกมาจากปากเป็นครั้งแรกของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับสื่อนอกว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ปชป.อาจพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ผิดกับเมื่อก่อนที่ย้ำตลอดเวลาว่าไม่เชื่อผลโพล หาว่าเป็น “โพลปั่น” มั่นใจว่าพรรคของตัวเองจะชนะแบบสูสีประมาณ 5-10 เสียง แต่ไม่วายข่มขู่ชาวบ้านอีกว่าถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเกิดความรุนแรง ขอโทษเถอะไม่อยากขัดคอเพราะไม่ว่า ปชป.หรือเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมันก็เกิดความรุนแรงด้วยกันทั้งคู่ ก่อให้เกิดวิกฤติด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งนาทีนี้ไม่ต้องอธิบายกันแล้ว เพราะชาวบ้านเขารับรู้ และนี่แหละถึงต้องรณรงค์ “โหวตโน” ประท้วงนักการเมืองชั่วไงละ นั่นคือไม่เลือกใคร เพราะ “ห่วยแตก” เลวทั้งคู่ !!
00 สังเกตหรือไม่เวลานี้ได้มีนักวิชาการ นักการเมืองหลายพรรคยกเว้นพรรค “เพื่อเขมร” เอ้ย เพื่อไทย ต่างออกมาส่งเสียงสนับสนุนการเคลื่อนไหวของ สุวิทย์ คุณกิตติ รมว.กระทรวงทรัพยากรฯในฐานะหัวหน้าทีมเจรจาฝ่ายไทย ที่ตัดสินใจลาออกจากภาคีมรดกโลกในนาทีสุดท้าย ก่อนเสียท่า เสียอธิปไตยให้เขมร หากมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเรื่องแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบประสาทที่ผนวกเอาพื้นที่ของไทยเข้าไปด้วย คนพวกนี้สนับสนุนเป็นเสียงเดียวกัน ไม่ใช่เป็นความรู้สึกต้องการสันติภาพ อยากอยู่ร่วมกันอย่างสันติแบบไร้เดียงสาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ไม่ใช่เป็นความรู้สึก “คลั่งชาติ” อย่างที่เคยกล่าวหาพี่น้องคนไทยกลุ่มหนึ่งที่เสียสละต้องทนเดือดร้อนออกมาปักหลักชุมนุมกดดันรัฐบาลที่สะพานมัฆวานฯมานานหลายเดือนเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
00 กลายเป็นความตื่นตัวหวงแหนอธิปไตย ไม่ยอมให้ใครมาย่ำยีได้อีกต่อไป ขณะที่ฝ่ายทหารก็รับปากแข็งขันว่าจะดูแลปกป้องทั้งดินแดนและชาวบ้านอย่างดี ให้เดือดร้อนน้อยที่สุด เป็นคำยืนยันออกมาจากปากของ ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนกระทั่งมีการแถลงอย่างเป็นทางการของโฆษกกองทัพบกอย่าง พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ว่าพร้อมรบเต็มที่ ซึ่งถ้าเทียบกับช่วงที่มีการปะทะกับกัมพูชาครั้งก่อนยังไม่มีบรรยากาศแบบนี้
00 ล่าสุดกลุ่มนักวิชาการหลายคนต่างเห็นสอดคล้องกันคิดไปไกลถึงขั้นให้ไทยถอนตัวพ้นจากสมาชิกคณะกรรมการองค์การ “ยูเนสโก” กันเลยทีเดียว เนื่องจากไม่มีประโยชน์อันใด หากองค์การแห่งนี้มัวแต่เล่นการเมืองลำเอียงหาประโยชน์ร่วมกับฝ่ายเขมรเอาเปรียบไทยอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญไม่คุ้มค่ากับเงินช่วยเหลืออันน้อยนิดในการบำรุงรักษา ประชาสัมพันธ์มรดกโลก เพราะไทยก็สามารถดูแลบำรุงรักษาโบราณสถานอย่างมีจิตสำนึกไม่แพ้ใครในโลกนี้
00 แต่ความรู้สึกดีๆดังกล่าวต้องยกเว้นไว้สำหรับพรรคเพื่อไทย ของไอ้ “เหลี่ยมจัด” ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้จนถึงวันนี้ยังไม่สำนึกยังเดินหน้า “ตะแบง” กลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง ที่ไปขายชาติยกดินแดนให้เขมรให้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเพียงฝ่ายเดียวจนสร้างปัญหาจนถึงเดี๋ยวนี้ แต่กลับส่ง “ลิ่วล้อขายชาติ” อย่าง นพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศออกมาจีบปากจีบคอชวนกระทืบว่าไม่สมควรถอนตัวออกมา เพราะจะส่งผลกระทบต่อการขอขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งอื่น หรือแม้กระทั่งจะทำให้เราเสียเปรียบในเวทีโลก ถ้าคิดแบบ “หงอ” ต่างชาติ แบบนี้ก็ให้ไป “ลงนรก” เสียเถอะ คอยดูไปก็แล้วกันถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลแล้วยังมายุ่งวุ่นวายรื้อฟื้นเรื่องดังกล่าวให้เขมรขึ้นทะเบียนอีกรอบก็ต้องเจอพลังคนรักชาติหรือ “คลั่งชาติ” หลายเท่าตัว ลองดูก็แล้วกัน
00 ยอมรับออกมาจากปากเป็นครั้งแรกของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับสื่อนอกว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้ ปชป.อาจพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทย ผิดกับเมื่อก่อนที่ย้ำตลอดเวลาว่าไม่เชื่อผลโพล หาว่าเป็น “โพลปั่น” มั่นใจว่าพรรคของตัวเองจะชนะแบบสูสีประมาณ 5-10 เสียง แต่ไม่วายข่มขู่ชาวบ้านอีกว่าถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะเกิดความรุนแรง ขอโทษเถอะไม่อยากขัดคอเพราะไม่ว่า ปชป.หรือเพื่อไทยเป็นรัฐบาลมันก็เกิดความรุนแรงด้วยกันทั้งคู่ ก่อให้เกิดวิกฤติด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งนาทีนี้ไม่ต้องอธิบายกันแล้ว เพราะชาวบ้านเขารับรู้ และนี่แหละถึงต้องรณรงค์ “โหวตโน” ประท้วงนักการเมืองชั่วไงละ นั่นคือไม่เลือกใคร เพราะ “ห่วยแตก” เลวทั้งคู่ !!