xs
xsm
sm
md
lg

โค้งสุดท้าย..การเมืองแบบไทยๆ

เผยแพร่:   โดย: บรรจง นะแส

โค้งสุดท้ายรณรงค์หาเสียงของนักการเมือง พรรคการเมืองต่างๆ ที่เสนอตัวจะเข้ามาทำหน้าที่แทนประชาชนในการบริหารประเทศชาติและบ้านเมือง ต่างโหมโฆษณานโยบายที่แตกต่างหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ที่แต่ละพรรคหวังจะได้คะแนนเสียงจากประชาชนคือนโยบายประชานิยม ชนิดประกาศลดแลกแจกแถม ทั้งบ้าน ทั้งรถยนต์ บัตรเครดิต ประกันรายได้ทั้งจากภาคเกษตรกร รวมไปถึงผู้ที่จะจบการศึกษา เช่น ประกันรายได้ที่เป็นเงินเดือนสำหรับผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท/เดือน ไม่มีแม้แต่พรรคเดียวที่จะมีนโยบายเด่นชัดว่าจะแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ที่ประเทศชาติกำลังเผชิญหน้าอยู่

ไม่ว่าปัญหาเชิงโครงสร้างของอำนาจที่ซ้ำซ้อนระหว่างการจัดรูปแบบการเมืองการปกครองออกเป็นส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น ที่เป็นปัญหาโดยภาพรวมในเชิงโครงสร้าง รวมไปถึงปัญหากระจายปัจจัยการผลิตและการสร้างกลไกเพื่อลดช่องว่างทางสังคมที่นับวันจะเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ ยังไม่รวมถึงปัญหาใหญ่ๆเฉพาะหน้าไม่ว่ากรณีปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปัญหาความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านกรณีเขาพระวิหารและดินแดน ปัญหาการรุกคืบยึดครองกอบโกยเศรษฐกิจของชาติ กรณีศูนย์การค้าต่างชาติอย่าง Makro Lotus Carrefour หรือการยึดกุมแหล่งพลังงานของชาติไม่ว่าแหล่งก๊าซ/น้ำมันทั้งบนบกและในทะเล ฯลฯ

อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมมีโอกาสแวะเวียนไปพบวงสนทนาของนักกิจกรรมทางสังคม สื่อมวลชนและผู้สนใจการเมืองกลุ่มหนึ่ง ที่สุมหัวร่ำสุรากันเป็นนิจเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารต่อกัน พวกเขามองการเลือกตั้งที่จะมาถึงในครั้งนี้ว่าจะเป็นอะไรที่ดุเดือด รุนแรงและซับซ้อน ในแต่ละประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมักจบลงด้วยการพนันขันต่อเล็กๆ น้อยๆ พอให้วงสนทนาได้ครื้นเครง อยากนำบางส่วนของการสนทนามาแบ่งปันกันเพื่อชี้ให้เห็นว่า ทำไมพวกเราจึงต้องผนึกกำลังกัน Vote No ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ เพราะการเมืองวันนี้ไม่ใช่ทางรอด ไม่ใช่ทางออกของประเทศ แต่มันคือเกมของผู้คนเพียงหยิบมือ ที่เอาการเลือกตั้งมาเป็นเครื่องมือในการยึดกุมการบริหารจัดการประเทศเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ประโยชน์ของประชาชน ของประเทศชาติโดยรวมไม่ได้อยู่ในความรู้สึกนึกคิดของพวกเขาเลยแม้นิดเดียว วงสนทนาคงพอให้ข้อมูลทำให้เห็นภาพการเมืองไทยในแง่มุมที่สำคัญๆ ได้ไม่น้อยทีเดียว.....

“ชูวิทย์ มาแรงเกินคาดว่ะ อย่างน้อยน่าจะเข้าป้ายไม่ต่ำกว่า 5 ที่นั่ง” บก.หนุ่มใหญ่ผู้คร่ำหวอดเอ่ยขึ้นอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาอธิบายต่อว่าเพราะสังคมเราวันนี้ต้องการความสะใจ และผู้คนที่หงุดหงิดรำคาญต่อความขัดแย้งที่ดำรงมายาวนาน ชูวิทย์คือตัวแทนของความรู้สึก ที่บอกว่าทนไม่ไหวแล้วนะ แล้วอยู่ๆ ก็มีคนอย่างชูวิทย์เสนอตัวออกมาว่า ผมนี่แหละจะเข้าไปซัดกับพวกมัน กระแสชูวิทย์จึงบดบังกรอบการนำเสนอภาพของการเป็นคนดี คนตรง คนซื่ออย่างท่านปุระชัยไปย่อยยับ แต่ก็นั่นแหละสายข่าวอีกฉบับก็เอื้อนเอ่ยว่างานนี้ “สรยุทธมันรับไปเต็มๆ และโคตรเนียน....ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระแสชูวิทย์ฟีเวอร์ว่ะ”

“พี่เนของเอ็งเหรอ...งานนี้หืดขึ้นคอ ลากเข้ามาได้สัก 20 ที่นั่งก็บุญแล้วล่ะ งานนี้เป็นโอกาสการชำระสะสางความแค้นที่สุมอกของคนต่างแดน พี่เนของเอ็งจะโดนล่อทั้งใต้ดิน บนดิน ใครว่าจะได้มามากกว่านี้ก็ต่อมา..” วงสนทนาเงียบไปชั่วครู่เมื่อวงสนทนาหยิบยกประเด็นขุนพลผู้ทรงอำนาจและอิทธิพลเหนือรัฐบาลอภสิทธิ์ในรอบ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา

“อย่าประมาทพี่เน....ผมเพิ่งมาจากอีสาน งานนี้บี้กันสุดๆ เคยเห็นทะเลที่เงียบปราศจากคลื่นลมไหมล่ะ หลังคลื่นลมสงบไร้ใบไม้ไหว มักมีปรากฏการณ์ของพายุลมแรงเสมอ...อย่าประมาทพี่เนของผม วันนี้ทุกกลไกที่อิงอยู่กับอำนาจรัฐพี่เนคุมได้เบ็ดเสร็จ..เอ้าผมต่อสองหนึ่งพี่เนมามากกว่า 30 ที่นั่ง” นั่นก็หมายถึงว่าการเลือกตั้งหนนี้จะเต็มไปด้วยการซื้อสิทธิขายเสียง การใช้อำนาจรัฐอำนาจอิทธิพลเพื่อเอาชนะกันในการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างแน่นอน

“แล้วหลังวันที่ 3 นี้เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร...” ผมมีโอกาสได้สอดแทรกคำถามที่ตัวเองสนใจ บก.ใหญ่ผู้อาวุโสมองผมด้วยแววตาเอ็นดู พร้อมกับกล่าวอย่างจริงจังว่า...

“เอางี้ก็แล้วกัน....มาร์คเขาไม่ร่วมกับเพื่อไทยแน่ๆ เพราะผมรู้จักเขาดีว่าเขาเป็นคนดีที่มีหลักการพอสมควร ที่ผ่านมาเขาล้มเหลวเพราะความเป็นเด็กเกินไป เป็นเด็กแล้วยังอหังการทั้งๆที่ไร้ฝีมือ ไร้ภาวะผู้นำ มาร์คเขาพูดมาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งว่าจะไม่ร่วมกับเพื่อไทย และผมเชื่อเขานะ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ปชป.จะไม่ร่วมนะ ข้อมูลที่เจ๊เง๊าะบินไปพบผู้กำหนดเกมที่ดูไบ ตอนนี้คอนเฟิร์มแล้ว หากทุกอย่างไม่พลิกผันมากจนเกินไปเขียนกระดาษปิดข้างฝาไว้ได้เลยว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไป ที่เพื่อไทยกะ ปชป.จับมือกันตั้งรัฐบาลสองพรรคจะมีนายกฯ ที่ชื่อสุเทพ ฮ่าๆๆๆ” วงสนทนาเงี่ยหูฟังผู้อาวุโสอย่างเงียบกริบอีกครั้ง

“เจ๊ปูแค่ตัวล่อทางการเมือง เป็นความฉลาดของคนกำหนดเกม ที่ใช้เกราะป้องกันตัวแสนยืดหยุ่น หากกวาดมาได้เกิน 270 ที่นั่งชื่อท่านประชา อดีต ผบ.ตร.คือตัวกลางที่ดีที่สุดที่จะทำให้การเดินไปข้างหน้าพรรคเดียวของเพื่อไทยปลอดโปร่งที่สุด ใครเห็นว่าไม่ใช่ท่านประชาต่อมาเท่าไหร่ก็ได้ฮ่าๆๆๆ” สายข่าวผู้ใกล้ชิดเพื่อไทยเสนออีกมุมมอง

“เอ้าแล้วน้องปูของผมล่ะ..” ผู้อาวุโสในวงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดัง

“อีโธ่...น้องปูของเพ่นะเหรอหากเป็นไปตามสายข่าวที่รายงานเข้ามา....อีก 3 วันก่อนหย่อนบัตร ก็จะโดนถล่มด้วยวิชามาร เท่าที่ทราบจะมีคลิปวิดีโออย่างน้อย 2-3 ช็อต จนต้องทำให้น้องปูของเพ่ ต้องถอยกลับเข้าไปอยู่ในรูตามเดิมน่ะสิฮ่าๆๆๆ”

“แล้วพวก Vote No ล่ะ...”

“Vote No จะเปลี่ยนข้างไปเพราะการกำหนดเขตเล็กในการเลือกตั้ง หนนี้ Vote No ในส่วนของพรรคจะสูงเพราะกระแสความไม่พอใจพรรคการเมืองยังดำรงอยู่ แต่ในส่วนของเขตจะต่ำเพราะวัฒนธรรมทางการเมืองในพื้นที่ขนาดเล็กจะมีความสัมพันธ์กันระหว่างผู้ลงสมัครกับผู้หย่อนบัตรมีสูง อย่างน้อยๆ ความสัมพันธ์ตรงนี้จะทำให้มีผู้ Vote No ผู้สมัครน้อย ยกเว้นผู้ที่ตระหนักเรื่องการเมืองว่าวันนี้การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบ ไม่ใช่ทางรอดของบ้านเมือง และพวกเขาก็ยังต้องการ “ตบโหลก” นักการเมืองและพรรคการเมืองอยู่เช่นเดิมฮ่าๆๆๆๆ” นักวิชาการอาวุโสที่นั่งนิ่งมาตลอดให้ข้อมูลแก่วงสนทนา

จากกระแสโหมโฆษณาชวนเชื่อของนักการเมือง พรรคการเมือง ผ่านระบบโพลที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ ผ่านการพนันขันต่อ ผ่านสื่อสาธารณะที่ตกอยู่ภายใต้อุ้งมืออุ้งเท้าของนักการเมืองและพรรคการเมือง ขาดการนำเสนอข้อมูลที่ตรงไปตรงมา ไม่เปิดโอกาสให้ความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยเฉพาะการนำเสนอข้อมูลของฝ่ายที่ตัดสินใจว่าทำไมพวกเราถึงต้อง Vote No ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องตัดสินใจในกรอบคิดที่จำกัดและไร้จินตนาการทางการเมืองการปกครองที่ดีกว่า ที่มีความหวังกว่าได้อธิบายได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุถึงผลและจังหวะก้าวต่อๆ ไปหลังการเกิดขึ้นของกระบวนการ Vote No จึงเป็นภาระหน้าที่อันหนักหน่วงของพวกเราชาว Vote No ที่จะต้องผนึกกำลังกันให้เข้มแข็ง ไม่ย่อท้อไม่หมดหวังและไม่สิ้นหวัง จงมาผนึกกำลังกัน Vote No เพื่อปฏิรูปประเทศไทยกันอีกครั้ง Vote No เพื่อสร้างขุมพลังการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมที่ดีกว่าในจินตนาการของพวกเราให้เกิดขึ้นมาให้ได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น