ปธ.สภาที่ปรึกษา ปชป.ดอดบุกหมู่บ้านเสื้อแดงฝ่าธงแดงพบแกนนำ เชื่อไม่ใช่ตัวชี้ขาด ชี้ก๊วนแดงป่วน “มาร์ค” หาเสียงแค่ต้องการสร้างกระแส วอนหยุดเคลื่อนไหวหันมาใช้เหตุผล “ถาวร” ห่วงช่วงโค้งสุดท้ายต้องพึ่งบารมี “ชวน” ฝ่ากระสุนดินดำ มั่นใจหากบล็อกได้ ปชป.กวาดทั้ง 11 ที่นั่ง
วันนี้ (20 มิ.ย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงการลงไปพื้นที่ อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นหมู่บ้านเสื้อแดงเพียงลำพังว่า ตนได้เดินเข้าไปบ้านแกนนำเสื้อแดงในหมู่บ้าน เจ้าของบ้านตกใจ ภรรยาเจ้าของบ้านดีมาก และสามีก็ไม่มีอะไรก็คุยกันดี ซึ่งชาวบ้านไม่รู้ว่าตนมา เพราะไปแบบส่วนตัว โดยบรรยากาศในหมู่บ้านมีการติดธงสีแดงตลอด เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ใช่เป็นตัวชี้ขาดในบางเรื่อง เพราะฉะนั้นต้องติดตามในเรื่องนี้อย่าให้คนส่วนน้อยก่อปัญหาให้
นายชวนยังกล่าวถึงการที่กลุ่มคนเสื้อแดงมาก่อกวนการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ส่วนตัวเชื่อว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ชอบการกระทำดังกล่าว ขณะที่ไปหาเสียงได้เกิดเหตุชาวบ้านเกือบจะตบกันแต่ถูกห้ามปรามไว้ ซึ่งบรรดาแม่ค้าส่วนใหญ่ก็บอกว่าถูกเข้าใจผิดว่าเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งหมด ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ และไม่เห็นด้วยกับการเผาศาลากลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเงื่อนไขที่ต้องการให้เป็นกระแสและเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตลอด เช่น มีคนมาฟังการปราศรัย 5 พันคน แต่มีแค่ 1 คนที่มีพฤติกรรมขัดขวางการหาเสียง คนคนนั้นก็จะได้เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม รู้สึกเป็นห่วงการหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มที่ จ.เชียงใหม่ จุดกำเนิดระบอบทักษิณ และพัฒนามาจนทุกวันนี้ ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อนเดินทางไปหาเสียงทางภาคเหนือ ชาวบ้านส่วนใหญ่กลัวไม่กล้ารับแม้กระทั่งโปสเตอร์ ใบปลิว โดยบอกกลัวว่าเดี๋ยวจะอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้เพราะว่ามีการคุกคาม
“ถ้าขอร้องได้ก็อยากขอร้องว่าอย่าทำเลย การเมืองเขาใช้เหตุผล ใครแพ้ใครชนะก็เป็นเรื่องธรรมดา ใครไปหาเสียงที่ไหนก็เป็นสิทธิของคนนั้นถ้าเราทำแบบที่เขาทำ ตอนคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปที่ จ.นราธิวาส ก็คงทำได้แต่ไม่มีใครทำ ไม่มีใครเอาก้อนอิฐปาเพราะมันเป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยก ผมดีใจที่ไม่มีกลุ่มคนมาก่อเหตุ ก็ยังเป็นห่วงไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น”
นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ในฐานะผู้ดูแลพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงยุทธศาสตร์ช่วงโค้งสุดท้ายในการรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งว่า หลังจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินสายพบประชาชนทั้งประเทศในภาคต่างๆ แล้ว ตนจะขอให้ท่านมาลงพบปะประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนการเลือกตั้ง เพราะมีประชาชนเรียกร้องเป็นจำนวนมาก
ส่วนภาพการหาเสียงในภาคใต้ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องยอมรับว่ามีการจัดการที่ดี โดยมีการเปิดบ้านหรือวังของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งบริเวณหน้าบ้านจะมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก และจัดคนเข้ามาในพื้นที่ และจัดเวทีใหญ่ภายในบริเวณบ้าน ภาพที่ออกมาจึงเหมือนการปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดบนเวทีเพียงแค่ 15-20 นาที โดยเฉพาะนโยบายและขายความเป็นตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
นายถาวรกล่าวต่อว่า ยุทธศาสตร์ที่นำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง วันนี้กลายเป็นสงครามระหว่างความเท็จกับความจริงว่าสามารถทำได้หรือไม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์นโยบายแต่ละอย่างที่ประกาศออกมาเราคิดแล้วว่าทำได้ แต่ของเขาพูดกันมันส์ปาก ทำได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่ก็ เป็นห่วงวว่าจะมีการใช้เงินในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งก็พยายามป้องกันอยู่ โดยให้อาสาสมัคร หรือหัวคะแนนของพรรคหาข่าว และต้องมีการจัดตั้งเป็นทีมสืบเสาะว่าคู่ต่อสู้มีการขนเงินเข้าพื้นที่อยู่ที่บ้านไหน ของใคร จะมีการกระจายอย่างไร เมื่อรู้พื้นที่และเป้าหมายก็จะเฝ้าติดตามตลอดเวลา หากมีการยิงลูกโดดหรือใช้เงินในโค้งสุดท้ายก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบ
“ถ้าเงินออกมาได้ ยอมรับว่าวันนี้เราแพ้ แต่ถ้าป้องกันได้ และเลือกตั้งในช่วงเวลานี้ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกวาดทั้ง 11 ที่นั่งได้ โดยเฉพาะที่แน่นอนแล้วมี 7-8 คน จากการลงพื้นที่มาโดยตลอด เชื่อว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงในบางเขตของบางจังหวัดเท่านั้น เช่น จ.นราธิวาส และปัตตานี ทั้งนี้ยอมรับว่าเงินเป็นตัวแปรสำคัญจากบางพรรคที่ใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งครั้งนี้”
นายถาวรกล่าวถึงนโยบายจัดตั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นมหานครพิเศษ หรือนครรัฐพิเศษว่า สามารถทำได้หรือไม่นั้น ขอตั้งคำถามว่าในสมัยที่พวกเขามีอำนาจทั้งในรัฐบาลยุค พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือรัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไมไม่คิดจะทำ แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้เดินหน้าพัฒนาแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างจริงจัง ซึ่งวันนี้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นเขตปกครองพิเศษแล้ว คือมีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รวมทั้งเพิ่มคณะกรรมการพัฒนายุทธศาสตร์ชายแดนใต้ (ก.พ.ต.) ซึ่งถือเป็นผลงานของพรรคประชาธิปัตย์
