ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กกต.ภูเก็ตเปิดเวทีปราศรัยให้ผู้สมัครเขต 1 หาเสียง “อัญชลี วานิช เทพบุตร” ผู้สมัครพรรค ปชป.เขต 1 มั่นใจคนภูเก็ตต้องการเดินหน้าพัฒนาประเทศต่อไปพร้อมกับพรรคประชาธิปัตย์ ด้านผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เน้นด้านการท่องเที่ยว และแทนคุณแผ่นดินเสนอแนวทางแก้ไขปัญหามุสลิม 3 จังหวัดชายแดนใต้
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต (กกต.) จัดเวทีกลางให้ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ตเขต 1 ปราศรัยหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย ที่บริเวณเวทีกลางสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งมีกองเชียร์จากพรรคประชาธิปัตย์และนักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ตเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
การเปิดเวทีกลางปราศรัยหาเสียงในครั้งนี้ มีผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 จากพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วมปราศรัย ประกอบด้วย นายวีรศักดิ์ วรเนติวงศ์ หมายเลข 17 จากพรรคแทนคุณแผ่นดิน ได้ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ 2 คน ขึ้นปราศรัยหาเสียงแทน
ในขณะที่ตัวผู้สมัครได้เดินแจกบัตรแนะนำกับกลุ่มนักศึกษา นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 10 และนายจตุพงศ์ เลิศศิลป์จิรดา จากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน หมายเลข 2
นางอัญชลี ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยหาเสียงกับนักศึกษา และประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับนโยบายของพรรคว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้วางนโยบายการทำงานทันที่และต่อยอดอนาคตต่อไป ทั้งเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเดือนละ 500 บาท เบี้ยยังชีพ อสม. นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่พบปะประชาชนได้รับข้อแนะนำจากผู้ปกครองส่วนใหญ่ที่ยังเป็นห่วงลูกๆ ที่จบมัธยมปลายแล้วอาจจะไม่มีเงินเพียงพอที่จะเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ได้ขอให้พรรคประชาธิปัตย์คิดต่อ ซึ่งพรรคจะตั้งกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพิ่มเติมขึ้น โดยให้เด็กนักเรียนที่จบมัธยมปลายได้ศึกษาต่อในระดับ ปวส. หรือปริญญาตรี สามารถกู้ยืมเงินกองทุนได้ปีละประมาณ 250,000 ราย
นอกจากนั้นก็จะมีในเรื่องสถาบันวิชาชีพ ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติและมีการจัดตั้งแล้วตามกฎหมาย ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นประโยชน์ในแง่ของการต่อยอดองค์ความรู้ สถาบันวิชาชีพก็จะอยู่ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ หรือว่าอยู่ที่กรมอาชีวะแล้วแยกตัวมาเป็นเอกเทศน์ คล้ายองค์การมหาชนต่อไปในอนาคต เพื่อดูแลในภาคของทักษะต่างๆ
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ ในเรื่องของกองทุนต้นกล้าธุรกิจ ก็จะเป็นการเชื่อมต่อ ซึ่งเราดำเนินการเรื่องของต้นกล้าอาชีพแล้ว ต่อไปในอนาคตเมื่อนักศึกษาที่จบการศึกษาแล้ว อยากจะประกอบธุรกิจส่วนตัวก็จะมีเรื่องของกองทุนต้นกล้าธุรกิจต่อไปในอนาคต
นางอัญชลีกล่าวถึงนโยบายของภาคประชาชนว่า พรรคจะต่อยอดในเรื่องสวัสดิการสังคม ที่ได้ทำค้างไว้ คือเรื่องกองทุนชาวบ้าน บำเหน็จภาคประชาชน บำเหน็จชาวบ้านคือเรื่องการประกันสังคม ตามมาตรา 40 บำนาญภาคประชาชน ในเรื่องการสร้างความสุข ความรักในชาติ ซึ่งจะเป็นการสมทบเงินระหว่างรัฐ กับพี่น้องประชาชนต่อไปในอนาคต
ส่วนในเรื่องของการลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ เป็นเรื่องของการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้กับผู้ใช้แรงงานทั้งหมด โดยการเพิ่มค่าแรงประมาณ 25% ภายใน 2 ปี ซึ่งภูเก็ตก็จะปรับไปสูงถึง 280 บาท
สำหรับด้านการท่องเที่ยว ยังยืนยันเหมือนเดิมที่ต้องการสร้างภูเก็ตให้เป็นประตูเชื่อมการท่องเที่ยวโลก สิ่งต่างๆ ที่เราวางแผนพัฒนาไว้ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการขยายสนามบิน ศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติ การลงทุนด้านสาธารณูปโภค สาธารณูปการ และสิ่งที่ได้มองต่อคือระบบขนส่งมวลชน ซึ่งจะเป็นปัญหาต่อไปในอนาคตของจังหวัดภูเก็ต ต่อไปในอนาคตต้องเพิ่มพื้นผิวจราจร โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางแยก ทางอ้อมต่างๆ การสร้างถนนสายที่สองคู่ขนานกับถนนเทพกระษัตรี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบขนส่งมวลชน คือรถไฟฟ้ารางเบา ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์กลับไปเป็นรัฐบาล นอกจากจะทำรถไฟความเร็วสูงแล้ว เราก็จะทำรถไฟฟ้าในภูเก็ตต่อไปในอนาคตด้วย ให้เป็นรอยเชื่อมต่อที่จะเพาะปลูกการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต
นางอัญชลีกล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงกับพี่น้องประชาชนด้วยว่า ตนได้ใช้เวลาในการหาเสียงเดินพบกับพี่น้องประชาชนทั้ง 2 เขต ซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนดีมาก เพราะว่าพี่น้องประชาชนวันนี้ค่อนข้างตัดสินใจชัดเจนว่าต้องการเดินหน้าต่อให้กับประเทศไทยไปพร้อมๆ กับพรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 3 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ เราก็หวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้รับความกรุณาจากพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตทั้ง 2 เขต
ด้าน นายจตุพงษ์ เลิศศิลปะจิรดา ผู้สมัครจากพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยได้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจาก 15.8 ล้านคนในขณะนี้ให้เป็น 25 ล้านคน ด้วยการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้นและทำให้เมืองไทยเป็นฮับด้านการท่องเที่ยวในเอเชีย
ขณะที่ตัวแทนของผู้สมัครจากพรรคแทนคุณแผ่นดิน กล่าวถึงปัญหาของชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
