**การประกาศของประชาธิปัตย์ที่เชิญชวนให้ประชาชนเลือกประชาธิปัตย์ เพื่อแสดงพลัง“ถอนพิษทักษิณ” เป็นกลยุทธ์ที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และประชาธิปัตย์ ต้องการให้คนเกิดความรู้สึกหวาดกลัวฝ่ายตรงข้ามคือ ทักษิณ ชินวัตร-พรรคเพื่อไทย
วิธีแบบนี้ประชาธิปัตย์ถนัดมานานในการลงสู้ศึกสนามเลือกตั้ง ด้วยการกล่าวหาทำลายฝ่ายตรงข้าม สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง ทั้งที่ อภิสิทธิ์และปชป. ก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเพื่อไทย
หากประชาธิปัตย์คิดจะชนะการเลือกตั้งที่ทำให้ผู้คนยอมรับ ก็ควรต้องสู้กันด้วยการทำให้ประชาชนเห็นว่า อภิสิทธิ์ และประชาธิปัตย์ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอย่างไร
ไม่ใช่การเล่นการเมืองกันแบบโจมตีคู่แข่งขัน ว่าชั่วร้ายเลวทราม ยกก้นตัวเองว่าดีเลิศ แถมยังข่มขู่ประชาชน ด้วยการทำให้เกิดความเข้าใจกันไปว่า ทักษิณ คือระเบิดปรมณูที่หากเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทักษิณ กลับเข้ามาเมื่อไร ปรมณูทักษิณ จะระเบิดทำลายล้างประเทศชาติ
**ทั้งที่ข้อเท็จจริง ตัว ทักษิณ ชินวัตร หมดสภาพทางการเมืองไปนานแล้ว ไม่ได้มีพิษสงรุนแรงอะไร ที่คนไทยต้องหวาดกลัวจนต้อง “ถอนพิษ”
ทักษิณวันนี้ถูกถอนพิษไปหมดแล้ว ตั้งแต่ สนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำประชาชนออกมาขับไล่ตั้งแต่ปี 2548 จนทักษิณ และระบอบเผด็จการของเขาถูกทำลายย่อยยับ อันเป็นสิ่งที่คนไทยได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายของคนๆนี้ และบริวาร จนหมายหัวคนเหล่านี้เป็น “ ศัตรูสาธารณะ” ตลอดไป หากดอดเข้าแผ่นดินไทยมาเมื่อไร ถ้าไม่ยอมติดคุก ก็ได้เจอประชาชนรุมประชาฑัณท์แน่
**ดังนั้น ใครก็รู้ว่า ทักษิณยากที่จะกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกแล้ว และยากอย่างยิ่งหากเพื่อไทยและ ยิ่งลักษณ์ คิดจะเอาทักษิณ กลับไทยโดยไม่ต้องรับผิด ก็ต้องเจอกับแรงต้านของคนทั้งประเทศ ที่จะลุกฮือขึ้นมาไม่ให้เพื่อไทย คิดชั่ว นิรโทษกรรมให้ทักษิณ
ไม่ว่าจะทำแบบไหน จะออกพระราชกำหนด-พระราชบัญญัติ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันจะต้องเจอกับการรวมตัวกันของประชาชนที่จะไปล้อมทำเนียบรัฐบาล –หน้ารัฐสภา ไม่ให้พวกนักการเมือง-รัฐมนตรีของเพื่อไทย เดินหรือเข้า ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภาได้ แม้จะต้องตาย ก็มีประชาชนจำนวนมากพร้อมยอมสละ
ไม่ใช่แค่คดีอาญาโทษจำคุกสองปี ที่ทักษิณหนีไปอยู่ต่างประเทศ ยังมีเรื่องที่ทักษิณ มันจาบจ้วง ละเมิดสถาบันฯ ไม่รู้ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ ทั้ง วีดีโอลิงค์-โฟนอิน-ให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบันฯ ครั้งแล้วครั้งเล่า ความชั่วเรื่องนี้ ก็มีผู้คนรอคิดบัญชีทักษิณ ทั่วประเทศ
**ทักษิณ มันหมดสภาพ เป็น “ผีตายซาก”ไปนานแล้ว
ขอย้ำว่า การถอนพิษทักษิณ คนที่ทำ และทำมานานแล้ว ก็คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 48 และทำกันอยู่ถึงทุกวันี้ มีการลากไส้ ถลกหนังระบอบทักษิณจนหมดเปลือก ความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ผู้คน รับรู้ และร่วมกันขับไล่ มานานแล้ว ประชาธิปัตย์ ไม่ต้องมาตอกย้ำ
การชูแคมเปญ ถอนพิษทักษิณ ของอภิสิทธิ์ นอกจากล่าช้า คิดช้ากว่าประชาชน หลายปีแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสทางการเมือง ในยามที่กำลังจะแพ้การเลือกตั้ง และอาจไม่ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งเท่านั้น เลยต้องสร้าง “ผีทักษิณ” ให้ผู้คนหวาดกลัว อภิสิทธิ์ หาได้มีความจริงใจในการต่อสู้กับความเลวร้ายของระบอบทักษิณแต่อย่างใด
หากอภิสิทธิ์ ต้องการถอนพิษทักษิณ ต้องทำตั้งแต่วันแรกที่ตั้งรัฐบาลแล้ว เอาแค่เรื่อง เอาตัวทักษิณกลับมารับโทษอาญา ตามคำตัดสินของศาลฎีกาฯ อย่างเดียวเป็นรัฐบาลกุมอำนาจรัฐแท้ๆ ยังทำอะไรไม่ได้
แถมยังโดนเย้ย ทักษิณ เล่นวีดีโอลิงค์-โฟนอิน มาป่วนทำลายประเทศกลางสี่แยกราชประสงค์- สะพานผ่านฟ้า ตอนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ รวมถึงอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น เชียงใหม่ และอีกหลายแห่งที่ ทักษิณส่งเสียงและเงามาปลุกปั่นมวลชนจนคนในชนบทเห็นอกเห็นใจเขา
อภิสิทธิ์ปล่อยให้นักโทษชาย ทักษิณ เย้ยกระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งปลุกระดมและสั่งการคนเสื้อแดงให้เผาบ้านเผาเมืองอย่างสะใจ ส่วนรัฐบาลก็มืดบอด ทำอะไรทักษิณไม่ได้
เป็นรัฐบาลมาสองปีกว่า ปิดหูปิดตาปล่อยให้ โจรเสื้อแดง เติบโตไปเรื่อยๆ ทั้งที่คนก็เตือนแล้วว่า ต้องควบคุม ถอนรากถอนโคน แต่ก็ไม่ฟัง เพราะมัวแต่กำลังเห่อ และกระหายอำนาจ หลังเป็นฝ่ายค้านมา 8 ปี จนคนเสื้อแดงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยกพวกมายึดเมืองหลวง ตั้งแต่มีนาคมถึงพฤษภาคม 53 บ้านเมืองฉิบหายหมด กว่าอภิสิทธิ์จะจัดการได้กินเวลาไปสามเดือน
ตอนที่แกนนำเสื้อแดง ยื่นขอประกันตัว จนต่อมาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จนแกนนำนปช.อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหวง โตจิราการ ได้ลงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย ทั้งอภิสิทธิ์-สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ทำเป็นโวยวายว่า เพื่อไทยเอาคนพวกนี้ที่ก่อความรุนแรงลงเลือกตั้ง
แล้วทำไมตอนพวกนี้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ไม่บอก ดีเอสไอ ว่าขอไปเป็นพยานจะเข้าไปเบิกความคัดค้านการประกันตัว ซึ่งหากคนอย่างนายกรัฐมนตรี-รองนายกรัฐมนตรี เบิกความพร้อมแสดงหลักฐานต่างๆ เช่น คลิปวีดีโอต่างๆ แบบที่เปิดที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อ 23 มิ.ย. ย่อมเป็นพยานที่มีน้ำหนักจนอาจทำให้แกนนำ นปช.ไม่ได้รับการปล่อยตัวแบบทุกวันนี้ก็ได้
** ทำไมตอนนั้น “อภิสิทธิ์ –สุเทพ” ไม่คิดจะทำ
ต้องรอให้ถึงวันนี้ ที่ปชป. กำลังหวั่นใจจะแพ้เลือกตั้ง “อภิสิทธิ์-สุเทพ” เลยออกมาแฉถึงขั้นกรีดน้ำตาแสดงความอ่อนแอ ออกมาเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น
อภิสิทธิ์ มายอมรับว่า สะอื้นไห้ หลังเหตุการณ์ 10 เมษายน 53 แต่ขอแรงใจจากประชาชนให้เลือกเบอร์ 10 ปชป. แต่ทีประชาชนไปหา ขอให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เข้าไปดูแลเรื่อง สำคัญๆ ที่จะมีผลกระทบต่ออธิปไตยของแผ่นดิน อย่างเรื่อง ปัญหาเขตแดนเขาพระวิหาร ที่ต้องการให้ยับยั้งสิ่งที่จะทำให้ประเทศเสียดินแดน เช่น การทำข้อตกลงเจบีซี มีการไปยื่นข้อเรียกร้องให้ อภิสิทธิ์หน้ารัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล อภิสิทธิ์ ก็ไม่เคยสนใจในยามที่มีอำนาจ แค่เพียงออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องของประชาชนก็ทำไม่ได้
ส่วนอีกคนหนึ่งที่น่าผิดหวังเช่นกัน ก็คือ นายชวน หลีกภัย ที่เที่ยวเล่าตำนานการจัดตั้งรัฐบาล หลังเลือกตั้งปี 39 เนื้อหาโดยสรุปจับความได้ว่า ไม่จำเป็นที่พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.อันดับหนึ่งจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นี่คือการเปลือยตัวตนของ ชวน หลีกภัย กลางสี่แยกราชประสงค์ ที่น่าผิดหวังอย่างมาก เพราะแทนที่ ชวน จะต้องยึดถือประเพณีการเมืองที่ว่าเมื่อประชาชนเลือกส.ส.พรรคไหนมาอันดับหนึ่ง ก็หมายความว่าเป็นพรรคที่ประชาชนไว้ใจมากที่สุด ก็ควรให้พรรคดังกล่าวได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน หากไม่สำเร็จค่อยมาพรรคอันดับสอง
แต่ ชวน หลีกภัย ผู้เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา กลับทิ้งหลักการอันนี้ไป ซึ่งแม้เรื่องนี้จะไม่ได้มีกฎหมายเขียนไว้ แต่เมื่อเป็นประเพณีการเมืองที่ควรต้องปฏิบัติ หลายคนก็เห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่ควรต้องยึดถือ
**ก็ควรที่นายชวน ในฐานะนักการเมืองอาวุโสของประชาธิปัตย์จะต้องบอกให้คนของปปช.ให้ยึดเอาไว้ แต่ ชวน กลับเก็บหลักการนี้เอาไว้ในลิ้นชัก
เพียงเพราะจะเชียร์อภิสิทธิ์อย่างเดียว อยากให้สุเทพ น้องรัก เป็นผู้จัดการรัฐบาลอีกสมัย พี่ชวนของมาร์คและเทือก เลยเลยแก้ผ้าล่อนจ้อน กลางสี่แยกราชประสงค์
**ดังนั้น ถ้าจะให้ดี อภิสิทธิ์ ไม่ต้องมาบอกให้คนไทย ถอนพิษทักษิณหรอก ถอนพิษร้ายในตัวนักการเมืองชั่วก่อน โดย
วิธีแบบนี้ประชาธิปัตย์ถนัดมานานในการลงสู้ศึกสนามเลือกตั้ง ด้วยการกล่าวหาทำลายฝ่ายตรงข้าม สร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง ทั้งที่ อภิสิทธิ์และปชป. ก็ไม่ได้มีอะไรดีไปกว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเพื่อไทย
หากประชาธิปัตย์คิดจะชนะการเลือกตั้งที่ทำให้ผู้คนยอมรับ ก็ควรต้องสู้กันด้วยการทำให้ประชาชนเห็นว่า อภิสิทธิ์ และประชาธิปัตย์ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยอย่างไร
ไม่ใช่การเล่นการเมืองกันแบบโจมตีคู่แข่งขัน ว่าชั่วร้ายเลวทราม ยกก้นตัวเองว่าดีเลิศ แถมยังข่มขู่ประชาชน ด้วยการทำให้เกิดความเข้าใจกันไปว่า ทักษิณ คือระเบิดปรมณูที่หากเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทักษิณ กลับเข้ามาเมื่อไร ปรมณูทักษิณ จะระเบิดทำลายล้างประเทศชาติ
**ทั้งที่ข้อเท็จจริง ตัว ทักษิณ ชินวัตร หมดสภาพทางการเมืองไปนานแล้ว ไม่ได้มีพิษสงรุนแรงอะไร ที่คนไทยต้องหวาดกลัวจนต้อง “ถอนพิษ”
ทักษิณวันนี้ถูกถอนพิษไปหมดแล้ว ตั้งแต่ สนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำประชาชนออกมาขับไล่ตั้งแต่ปี 2548 จนทักษิณ และระบอบเผด็จการของเขาถูกทำลายย่อยยับ อันเป็นสิ่งที่คนไทยได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายของคนๆนี้ และบริวาร จนหมายหัวคนเหล่านี้เป็น “ ศัตรูสาธารณะ” ตลอดไป หากดอดเข้าแผ่นดินไทยมาเมื่อไร ถ้าไม่ยอมติดคุก ก็ได้เจอประชาชนรุมประชาฑัณท์แน่
**ดังนั้น ใครก็รู้ว่า ทักษิณยากที่จะกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกแล้ว และยากอย่างยิ่งหากเพื่อไทยและ ยิ่งลักษณ์ คิดจะเอาทักษิณ กลับไทยโดยไม่ต้องรับผิด ก็ต้องเจอกับแรงต้านของคนทั้งประเทศ ที่จะลุกฮือขึ้นมาไม่ให้เพื่อไทย คิดชั่ว นิรโทษกรรมให้ทักษิณ
ไม่ว่าจะทำแบบไหน จะออกพระราชกำหนด-พระราชบัญญัติ หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ มันจะต้องเจอกับการรวมตัวกันของประชาชนที่จะไปล้อมทำเนียบรัฐบาล –หน้ารัฐสภา ไม่ให้พวกนักการเมือง-รัฐมนตรีของเพื่อไทย เดินหรือเข้า ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภาได้ แม้จะต้องตาย ก็มีประชาชนจำนวนมากพร้อมยอมสละ
ไม่ใช่แค่คดีอาญาโทษจำคุกสองปี ที่ทักษิณหนีไปอยู่ต่างประเทศ ยังมีเรื่องที่ทักษิณ มันจาบจ้วง ละเมิดสถาบันฯ ไม่รู้ฟ้าสูง แผ่นดินต่ำ ทั้ง วีดีโอลิงค์-โฟนอิน-ให้สัมภาษณ์พาดพิงสถาบันฯ ครั้งแล้วครั้งเล่า ความชั่วเรื่องนี้ ก็มีผู้คนรอคิดบัญชีทักษิณ ทั่วประเทศ
**ทักษิณ มันหมดสภาพ เป็น “ผีตายซาก”ไปนานแล้ว
ขอย้ำว่า การถอนพิษทักษิณ คนที่ทำ และทำมานานแล้ว ก็คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ทำกันมาตั้งแต่ปี 48 และทำกันอยู่ถึงทุกวันี้ มีการลากไส้ ถลกหนังระบอบทักษิณจนหมดเปลือก ความเลวร้ายของระบอบทักษิณ ผู้คน รับรู้ และร่วมกันขับไล่ มานานแล้ว ประชาธิปัตย์ ไม่ต้องมาตอกย้ำ
การชูแคมเปญ ถอนพิษทักษิณ ของอภิสิทธิ์ นอกจากล่าช้า คิดช้ากว่าประชาชน หลายปีแล้ว ยังเป็นการฉกฉวยโอกาสทางการเมือง ในยามที่กำลังจะแพ้การเลือกตั้ง และอาจไม่ได้กลับมามีอำนาจอีกครั้งเท่านั้น เลยต้องสร้าง “ผีทักษิณ” ให้ผู้คนหวาดกลัว อภิสิทธิ์ หาได้มีความจริงใจในการต่อสู้กับความเลวร้ายของระบอบทักษิณแต่อย่างใด
หากอภิสิทธิ์ ต้องการถอนพิษทักษิณ ต้องทำตั้งแต่วันแรกที่ตั้งรัฐบาลแล้ว เอาแค่เรื่อง เอาตัวทักษิณกลับมารับโทษอาญา ตามคำตัดสินของศาลฎีกาฯ อย่างเดียวเป็นรัฐบาลกุมอำนาจรัฐแท้ๆ ยังทำอะไรไม่ได้
แถมยังโดนเย้ย ทักษิณ เล่นวีดีโอลิงค์-โฟนอิน มาป่วนทำลายประเทศกลางสี่แยกราชประสงค์- สะพานผ่านฟ้า ตอนเสื้อแดงชุมนุมใหญ่ รวมถึงอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น เชียงใหม่ และอีกหลายแห่งที่ ทักษิณส่งเสียงและเงามาปลุกปั่นมวลชนจนคนในชนบทเห็นอกเห็นใจเขา
อภิสิทธิ์ปล่อยให้นักโทษชาย ทักษิณ เย้ยกระบวนการยุติธรรมไทย ทั้งปลุกระดมและสั่งการคนเสื้อแดงให้เผาบ้านเผาเมืองอย่างสะใจ ส่วนรัฐบาลก็มืดบอด ทำอะไรทักษิณไม่ได้
เป็นรัฐบาลมาสองปีกว่า ปิดหูปิดตาปล่อยให้ โจรเสื้อแดง เติบโตไปเรื่อยๆ ทั้งที่คนก็เตือนแล้วว่า ต้องควบคุม ถอนรากถอนโคน แต่ก็ไม่ฟัง เพราะมัวแต่กำลังเห่อ และกระหายอำนาจ หลังเป็นฝ่ายค้านมา 8 ปี จนคนเสื้อแดงเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ยกพวกมายึดเมืองหลวง ตั้งแต่มีนาคมถึงพฤษภาคม 53 บ้านเมืองฉิบหายหมด กว่าอภิสิทธิ์จะจัดการได้กินเวลาไปสามเดือน
ตอนที่แกนนำเสื้อแดง ยื่นขอประกันตัว จนต่อมาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว จนแกนนำนปช.อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหวง โตจิราการ ได้ลงสมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อไทย ทั้งอภิสิทธิ์-สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ทำเป็นโวยวายว่า เพื่อไทยเอาคนพวกนี้ที่ก่อความรุนแรงลงเลือกตั้ง
แล้วทำไมตอนพวกนี้ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ไม่บอก ดีเอสไอ ว่าขอไปเป็นพยานจะเข้าไปเบิกความคัดค้านการประกันตัว ซึ่งหากคนอย่างนายกรัฐมนตรี-รองนายกรัฐมนตรี เบิกความพร้อมแสดงหลักฐานต่างๆ เช่น คลิปวีดีโอต่างๆ แบบที่เปิดที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อ 23 มิ.ย. ย่อมเป็นพยานที่มีน้ำหนักจนอาจทำให้แกนนำ นปช.ไม่ได้รับการปล่อยตัวแบบทุกวันนี้ก็ได้
** ทำไมตอนนั้น “อภิสิทธิ์ –สุเทพ” ไม่คิดจะทำ
ต้องรอให้ถึงวันนี้ ที่ปชป. กำลังหวั่นใจจะแพ้เลือกตั้ง “อภิสิทธิ์-สุเทพ” เลยออกมาแฉถึงขั้นกรีดน้ำตาแสดงความอ่อนแอ ออกมาเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น
อภิสิทธิ์ มายอมรับว่า สะอื้นไห้ หลังเหตุการณ์ 10 เมษายน 53 แต่ขอแรงใจจากประชาชนให้เลือกเบอร์ 10 ปชป. แต่ทีประชาชนไปหา ขอให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เข้าไปดูแลเรื่อง สำคัญๆ ที่จะมีผลกระทบต่ออธิปไตยของแผ่นดิน อย่างเรื่อง ปัญหาเขตแดนเขาพระวิหาร ที่ต้องการให้ยับยั้งสิ่งที่จะทำให้ประเทศเสียดินแดน เช่น การทำข้อตกลงเจบีซี มีการไปยื่นข้อเรียกร้องให้ อภิสิทธิ์หน้ารัฐสภาและทำเนียบรัฐบาล อภิสิทธิ์ ก็ไม่เคยสนใจในยามที่มีอำนาจ แค่เพียงออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องของประชาชนก็ทำไม่ได้
ส่วนอีกคนหนึ่งที่น่าผิดหวังเช่นกัน ก็คือ นายชวน หลีกภัย ที่เที่ยวเล่าตำนานการจัดตั้งรัฐบาล หลังเลือกตั้งปี 39 เนื้อหาโดยสรุปจับความได้ว่า ไม่จำเป็นที่พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.อันดับหนึ่งจะต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
นี่คือการเปลือยตัวตนของ ชวน หลีกภัย กลางสี่แยกราชประสงค์ ที่น่าผิดหวังอย่างมาก เพราะแทนที่ ชวน จะต้องยึดถือประเพณีการเมืองที่ว่าเมื่อประชาชนเลือกส.ส.พรรคไหนมาอันดับหนึ่ง ก็หมายความว่าเป็นพรรคที่ประชาชนไว้ใจมากที่สุด ก็ควรให้พรรคดังกล่าวได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน หากไม่สำเร็จค่อยมาพรรคอันดับสอง
แต่ ชวน หลีกภัย ผู้เชื่อมั่นในระบบรัฐสภา กลับทิ้งหลักการอันนี้ไป ซึ่งแม้เรื่องนี้จะไม่ได้มีกฎหมายเขียนไว้ แต่เมื่อเป็นประเพณีการเมืองที่ควรต้องปฏิบัติ หลายคนก็เห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่ควรต้องยึดถือ
**ก็ควรที่นายชวน ในฐานะนักการเมืองอาวุโสของประชาธิปัตย์จะต้องบอกให้คนของปปช.ให้ยึดเอาไว้ แต่ ชวน กลับเก็บหลักการนี้เอาไว้ในลิ้นชัก
เพียงเพราะจะเชียร์อภิสิทธิ์อย่างเดียว อยากให้สุเทพ น้องรัก เป็นผู้จัดการรัฐบาลอีกสมัย พี่ชวนของมาร์คและเทือก เลยเลยแก้ผ้าล่อนจ้อน กลางสี่แยกราชประสงค์
**ดังนั้น ถ้าจะให้ดี อภิสิทธิ์ ไม่ต้องมาบอกให้คนไทย ถอนพิษทักษิณหรอก ถอนพิษร้ายในตัวนักการเมืองชั่วก่อน โดย