xs
xsm
sm
md
lg

คำเบิกความ “เสธ.หนั่น” ปรองดอง!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
“ผมรู้จักกับนายวีระ เนื่องจากเคยทำงานทางการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 ส่วนนายณัฐวุฒินั้น รู้จักในฐานะที่เป็นหลานเขยของนายทหารที่เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่นเดียวกับผม ทั้งนี้ ผมเห็นว่าสภาวะของบ้านเมืองในขณะนี้ หากไม่ปรองดองกันก็จะไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ จึงเสนอแนวทางปรองดอง และเดินทางไปพบทุกพรรคการเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่ม นปช.และเดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อพูดคุยกับจำเลยในคดีก่อการร้าย ทั้ง 7 คนที่ถูกคุมขังอยู่ โดยเสนอแนะว่าหากศาลอนุญาตให้ประกันตัว ขอให้เข้าร่วมแนวทางปรองดองกับผม ซึ่งจำเลยทั้ง 7 คนในคดีก่อการร้ายรับปากว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย และเป็นส่วนหนึ่งของการปรองดอง ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 7 คน ยืนยันว่าจะไม่รับแนวทางนิรโทษกรรม จะสู้คดีจนกว่าศาลจะตัดสินและคดีถึงที่สุด นอกจากนี้ ภายหลังศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. ผมก็ได้เดินทางไปพูดคุยกับนายวีระเช่นกัน ซึ่งยืนยันว่าหากศาลกรุณาให้ประกันตัวก็จะช่วยพูดคุยกับจำเลยทั้ง 7 คนให้เข้าร่วมกับแนวปรองดอง ก่อนทิ้งท้ายว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าจำเลยทั้ง 7 คนที่อยู่ในเรือนจำจะไม่ออกมาสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก เพราะหากไม่มั่นใจตนก็คงไม่กล้ามาเบิกความเป็นพยานต่อศาล”

นั่นคือคำเบิกความต่อศาลอาญา ของ “พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์” รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2554 โดยวันนั้น “เสธ.หนั่น” ได้พูดถึงความดีของจำเลยก่อการร้าย เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว 7 แกนนำ นปช. ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายนิสิต สินธุไพร นายขวัญชัย ไพรพนา นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก กลุ่มบุคคลที่ร่วมกันกระทำความผิดชุมนุม เผาบ้าน เผาเมือง

โดยคำให้การวันนั้น “เสธ.ปรองดอง” เน้นย้ำว่า...

จำเลยทั้ง 7 คนในคดีก่อการร้ายรับปากว่าจะไม่ก่อความวุ่นวาย และเป็นส่วนหนึ่งของการปรองดอง

จำเลยทั้ง 7 คน ยืนยันว่าจะไม่รับแนวทางนิรโทษกรรม จะสู้คดีจนกว่าศาลจะตัดสินและคดีถึงที่สุด

ทำให้คำเบิกความในวันนั้น ถัดมาเพียง 1 วัน 22 ก.พ. 2554 ศาลอาญาจึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว 7 นปช. และวันนี้พวกเขาเหล่านั้น คือผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ที่รอวันเข้าไปนั่งในสภาผู้ทรงเกียรติและได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครอง ในฐานะ ส.ส.

ขณะที่ “เสธ.หนั่น” วันนี้เขาคือ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 2 ของพรรคชาติไทยพัฒนา โดยที่เขามีความใฝ่ฝันว่าอาจส้มหล่นได้นั่งนายกรัฐมนตรีปรองดอง

ภายใต้เหตุผลที่เขามองว่า “ประเทศของเราขณะนี้แบ่งเป็นหลายกลุ่ม ผมจึงเสนอแนวทางปรองดองเพื่อให้คนไทยเลิกเลือกสี เลือกฝ่าย จะเห็นว่าสองพรรคใหญ่ขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ไปพูดที่ไหนก็ฟังดูแล้วรวมกันไม่ได้แน่ ดังนั้น พรรคชาติไทยพัฒนาจะเป็นคนกลางในการพูดคุย ไกล่เกลี่ยเพื่อร่วมกันก้าวข้ามความเจ็บปวดทุกอย่าง ต้องรู้จักให้อภัย ขอโทษ จึงจะเห็นความสงบของบ้านเมืองเกิดขึ้น เพราะตอนนี้ทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทยเอง ก็บอกว่ายินดีให้ พล.ต.สนั่น มานั่งคุยกัน ซึ่งนั้นก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้เกิดการปรองดอง หากไม่ปรองดองหลังเลือกตั้งก็ยังทะเลาะกันอยู่”(พูด 8 มิ.ย.54)

จากโจทย์ปรองดองของ “เสธ.หนั่น” ข้างต้น...หากย้อนเวลากลับไปนับจากวันที่เขาเบิกความ 21 ก.พ.54 ถึง 9 มิ.ย.54 รวมแล้ว 109 วัน

ผลการปรองดองของ “เสธ.หนั่น” ในห้วง 109 วัน จึงเกิดขึ้นดังนี้!

จำเลย 7 นปช.ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากศาล สู่อิสรภาพนอกคุก
จำเลย 7 นปช.ได้ออกมาชุมนุมอย่างต่อเนื่อง และได้ร่วมกันกระทำความผิดเพิ่มฐานหมิ่นเบื้องสูง

โดยมี “จตุพร พรหมพันธุ์” เป็นคนพูด และวันนี้เขาคือหนึ่งเดียวที่ถูกคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

จำเลย 7 นปช.เขาคือผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่มีโอกาสเข้าสภาชัวร์
จำเลย 7 นปช.เขาคือคนของพรรคที่ชูธงนิรโทษกรรมหากได้เป็นรัฐบาล
โดยบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 พรรคเพื่อไทย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กับบัญชีรายชื่อหมายเลข 1 พรรคประชาธิปัตย์ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เสธ.หนั่นมองว่า หากไม่เอาเขาคงปรองดองยากและบ้านเมืองวุ่นวายแน่

ดังนั้น ตอบโจทก์ปรองดองของ “เสธ.หนั่น”ก็คือ ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ฝันสู่ตำแหน่งสูงสุดนั่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย ก็เท่านั้นเอง!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น