“พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน” ขึ้นเบิกความพยานโจทก์ปากแรก ยันศาลคำถอดเทป “จตุพร พรหมพันธุ์-นิสิต สินธุไพร” เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ปราศรัยโดยมีข้อความหมิ่นเบื้องสูง ขณะที่คนเสื้อแดงร่วม 200 คน เดินทางให้กำลังใจ 9 นปช.
วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ได้เริ่มไต่สวนคำร้องที่พนักงานอัยการขอให้สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ที่ศาลอาญาได้กำหนดเงื่อนไขให้นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 62 ปี อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 44 ปี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 35 ปี นายแพทย์เหวง โตจิราการ อายุ 59 ปี นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 45 ปี นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา อายุ 58 ปี นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อายุ 52 ปี นายนิสิต สินธุไพร อายุ 54 ปี และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 58 ปี จำเลยที่ 1-8 และ 10 ในคดีก่อการร้าย ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ยื่นขอถอนการให้ประกันตัวชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมของแกนนำทั้ง 9 คน ผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว กรณีการขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ซึ่งเนื้อหาในการขึ้นปราศรัยมีลักษณะเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งโจทก์นำพยานเข้าไต่สวนจำนวน 5 ปาก เช่น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ถอดเทปคำปราศรัย
ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 9 คนเดินทางมาศาล และมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 200 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
เมื่อถึงเวลา นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 นำ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ขึ้นเบิกความโดย พล.ต.ต.อำนวย พยานโจทก์เบิกความเป็นคนแรกว่า ตนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบด้านกฎหมายและสอบสวน โดยตนเกี่ยวข้องการดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย เนื่องจากเป็นตัวแทนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่เข้าร่วมสอบสวนกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ทั้งนี้ ภายหลังจำเลยที่ 1-8 และจำเลยที่ 10 ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยทั้งหมดก็ได้ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงหรือ นปช.หลายครั้ง โดยมีการนัดชุมนุมเคลื่อนไหวกันทั้งใน กทม. เช่น บริเวณแยกราชประสงค์ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมทั้งในต่างจังหวัดด้วย ซึ่งตนในฐานะที่รับผิดชอบด้านกฎหมายและสอบสวน ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ไปบันทึกภาพและเสียงคำปราศรัยไว้อย่างต่อเนื่องทุกครั้ง จากนั้นจึงมีการถอดเทปคำปราศรัยแล้วส่งให้คณะกรรมพิจารณาข้อกฎหมายของนครบาลพิจารณาอีกครั้ง ว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหรือไม่
พล.ต.ต.อำนวยเบิกความต่อว่า จากการถอดเทปคำปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น พบว่า นายจตุพร จำเลยที่ 2 ได้ปราศรัยโดยมีข้อความหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งคำปราศรัยของนายนิสิต สินธุไพร จำเลยที่ 8 ซึ่งต่อมาในส่วนของกองทัพบก ก็ได้มอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญไปแจ้งความไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ พร้อมกับมอบหลักฐานเป็นแผ่นวีซีดีบันทึกภาพและเสียง ซึ่งต่อมาทางกองบัญชาการนครบาลได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อรวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการยื่นศาลขอไต่สวนเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งนี้ ช่วงเช้ามีการไต่สวนพยานโจทก์เพียงปากเดียวเท่านั้น ซึ่งจะมีการไต่สวนพยานโจทก์ต่อในช่วงบ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการเบิกความ อัยการได้นำแผ่นวีซีดีที่บันทึกการปราศรัยเปิดให้ศาลฟังในห้องพิจารณา ซึ่งมีข้อความตรงกับที่ พล.ต.ต.อำนวย เบิกความ
ขณะที่นายจตุพร แถลงต่อศาล ระบุว่าในการฟังคำปราศรัยที่บันทึกไว้อย่างให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่แค่บางช่วงบางตอนอย่างที่อัยการเปิดและนำพยานเบิกความ โดยยืนยันว่ามีเจตนาที่จะปกป้องสถาบัน สำหรับการซักค้านของทนายจำเลยซักค้านในประเด็นเกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ เคยร้องให้ถอนประกันจำเลยหลายครั้ง กระทั่งการไต่สวนดำเนินมาถึงเวลา 16.30 น. แล้ว ศาลได้มีคำสั่งให้เลื่อนนัดการไต่สวนพยานโจทก์ที่ประสงค์นำเข้าเบิกความอีก 4 ปากคือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้อำนวยการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทำการถอดเทปคำปราศรัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวไปฟังคำปราศรัยในพื้นที่ชุมนุม นอกจากนี้อัยการโจทก์ยังได้ขอส่งเอกสารคำถอดเทปรวม 25 ฉบับ และแผ่นวีซีดีบันทึกคำปราศรัยรวม 14 แผ่น ขณะที่ทนายความนายจตุพร จำเลยที่ 2 ขอส่งวีซีดีบันทึกคำปราศรัยจำนวน 1 แผ่น และนัดไต่สวนคู่ความครั้งต่อไปวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม นี้ เวลา 09.00 น.
ขณะที่วันนี้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 200 คนได้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจแกนนำนปช.ทั้ง 9 คนกันอย่างหนาตา โดยได้นั่งรออยู่ที่บริเวณด้านหน้าศาล และบางส่วนได้ไปเข้าฟังการไต่สวนของศาล จนเต็มห้องพิจารณาคดี
วันนี้ (4 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญา ได้เริ่มไต่สวนคำร้องที่พนักงานอัยการขอให้สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ที่ศาลอาญาได้กำหนดเงื่อนไขให้นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อายุ 62 ปี อดีตประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ อายุ 44 ปี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อายุ 35 ปี นายแพทย์เหวง โตจิราการ อายุ 59 ปี นายก่อแก้ว พิกุลทอง อายุ 45 ปี นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา อายุ 58 ปี นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก อายุ 52 ปี นายนิสิต สินธุไพร อายุ 54 ปี และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อายุ 58 ปี จำเลยที่ 1-8 และ 10 ในคดีก่อการร้าย ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ยื่นขอถอนการให้ประกันตัวชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่าพฤติกรรมของแกนนำทั้ง 9 คน ผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว กรณีการขึ้นเวทีปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ซึ่งเนื้อหาในการขึ้นปราศรัยมีลักษณะเข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งโจทก์นำพยานเข้าไต่สวนจำนวน 5 ปาก เช่น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ท.ถวัลย์ มั่งคั่ง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ถอดเทปคำปราศรัย
ทั้งนี้ จำเลยทั้ง 9 คนเดินทางมาศาล และมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 200 คน เดินทางมาให้กำลังใจ
เมื่อถึงเวลา นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 นำ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. ขึ้นเบิกความโดย พล.ต.ต.อำนวย พยานโจทก์เบิกความเป็นคนแรกว่า ตนเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบด้านกฎหมายและสอบสวน โดยตนเกี่ยวข้องการดำเนินคดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย เนื่องจากเป็นตัวแทนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่เข้าร่วมสอบสวนกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ทั้งนี้ ภายหลังจำเลยที่ 1-8 และจำเลยที่ 10 ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว จำเลยทั้งหมดก็ได้ไปร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงหรือ นปช.หลายครั้ง โดยมีการนัดชุมนุมเคลื่อนไหวกันทั้งใน กทม. เช่น บริเวณแยกราชประสงค์ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รวมทั้งในต่างจังหวัดด้วย ซึ่งตนในฐานะที่รับผิดชอบด้านกฎหมายและสอบสวน ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน ไปบันทึกภาพและเสียงคำปราศรัยไว้อย่างต่อเนื่องทุกครั้ง จากนั้นจึงมีการถอดเทปคำปราศรัยแล้วส่งให้คณะกรรมพิจารณาข้อกฎหมายของนครบาลพิจารณาอีกครั้ง ว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายหรือไม่
พล.ต.ต.อำนวยเบิกความต่อว่า จากการถอดเทปคำปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น พบว่า นายจตุพร จำเลยที่ 2 ได้ปราศรัยโดยมีข้อความหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวมทั้งคำปราศรัยของนายนิสิต สินธุไพร จำเลยที่ 8 ซึ่งต่อมาในส่วนของกองทัพบก ก็ได้มอบหมายให้นายทหารพระธรรมนูญไปแจ้งความไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ พร้อมกับมอบหลักฐานเป็นแผ่นวีซีดีบันทึกภาพและเสียง ซึ่งต่อมาทางกองบัญชาการนครบาลได้ส่งหลักฐานทั้งหมดไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อรวบรวมหลักฐานส่งให้พนักงานอัยการยื่นศาลขอไต่สวนเพื่อเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว ทั้งนี้ ช่วงเช้ามีการไต่สวนพยานโจทก์เพียงปากเดียวเท่านั้น ซึ่งจะมีการไต่สวนพยานโจทก์ต่อในช่วงบ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการเบิกความ อัยการได้นำแผ่นวีซีดีที่บันทึกการปราศรัยเปิดให้ศาลฟังในห้องพิจารณา ซึ่งมีข้อความตรงกับที่ พล.ต.ต.อำนวย เบิกความ
ขณะที่นายจตุพร แถลงต่อศาล ระบุว่าในการฟังคำปราศรัยที่บันทึกไว้อย่างให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบไม่ใช่แค่บางช่วงบางตอนอย่างที่อัยการเปิดและนำพยานเบิกความ โดยยืนยันว่ามีเจตนาที่จะปกป้องสถาบัน สำหรับการซักค้านของทนายจำเลยซักค้านในประเด็นเกี่ยวกับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและดีเอสไอ เคยร้องให้ถอนประกันจำเลยหลายครั้ง กระทั่งการไต่สวนดำเนินมาถึงเวลา 16.30 น. แล้ว ศาลได้มีคำสั่งให้เลื่อนนัดการไต่สวนพยานโจทก์ที่ประสงค์นำเข้าเบิกความอีก 4 ปากคือ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้อำนวยการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดีเอสไอ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทำการถอดเทปคำปราศรัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวไปฟังคำปราศรัยในพื้นที่ชุมนุม นอกจากนี้อัยการโจทก์ยังได้ขอส่งเอกสารคำถอดเทปรวม 25 ฉบับ และแผ่นวีซีดีบันทึกคำปราศรัยรวม 14 แผ่น ขณะที่ทนายความนายจตุพร จำเลยที่ 2 ขอส่งวีซีดีบันทึกคำปราศรัยจำนวน 1 แผ่น และนัดไต่สวนคู่ความครั้งต่อไปวันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม นี้ เวลา 09.00 น.
ขณะที่วันนี้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง ประมาณ 200 คนได้เดินทางมาร่วมให้กำลังใจแกนนำนปช.ทั้ง 9 คนกันอย่างหนาตา โดยได้นั่งรออยู่ที่บริเวณด้านหน้าศาล และบางส่วนได้ไปเข้าฟังการไต่สวนของศาล จนเต็มห้องพิจารณาคดี