ถึงเธอ พลังเงียบ ที่รัก
เหลือเพียงอีกไม่กี่วัน ก็จะถึงวันกำหนดหย่อนบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งที่ 26 ของประเทศไทยแล้ว ถ้าพลังเงียบสามสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างพวกเธอ ยังสงบนิ่งไม่รู้สึกไม่รู้สาเหมือนที่ผ่านๆ มา ปล่อยให้การหย่อนบัตรเลือกตั้งเป็นการต่อสู้เอาแพ้ชนะระหว่างผู้มีสิทธิที่ถูกจัดตั้งโดยฝ่ายนักการเมืองกับภาคประชาชนที่รักความเป็นธรรมตามยถากรรม วิกฤตการณ์ของการเมืองไทยที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติในครั้งนี้ คงหนักหนาสาหัสจนเกินกว่าเธอจะคาดหมายและรับมันไหว
ฉันมิได้กล่าวเกินเลยแต่อย่างใด ถ้าเธอและประชาชนคนไทยที่มีใจเป็นธรรม จะได้พินิจพิเคราะห์สถานการณ์การเมืองอย่างถ่องแท้
หลังการปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 การเมืองไทยทำได้แค่ขับไล่ นช.ทักษิณ ชินวัตร ออกไปจากประเทศ โดยปล่อยให้เครือข่ายองคาพยพของระบอบทักษิณคงอยู่ และกลับขยายตัวเติบใหญ่ภายใต้รัฐบาลของคณะปฏิวัติที่อ่อนด้อยและหน่อมแน้มอย่างผิดธรรมชาติ เขาลงทุนเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทำการรัฐประหาร เพียงเพื่อจะมีรัฐบาลมาเร่งจัดการเลือกตั้ง แล้วก็พ่ายแพ้พลพรรคของทักษิณ ชินวัตร อย่างหมดรูป ทำให้ทักษิณสามารถจัดตั้งรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีนอมินีถึงสองคน จนเดือดร้อนถึงภาคประชาชนในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งฉันเชื่อว่ารวมทั้งเธอและผองเพื่อนพลังเงียบไม่มากก็น้อยที่หลอมรวมอยู่ในขบวนการที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ต่อต้านจนล้มรัฐบาลหุ่นของทักษิณ ชินวัตร ทั้งสองรัฐบาลลงไปได้
หลังจากนั้น เราได้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเคยเป็นฝ่ายค้านที่แอบอิงกับการเมืองภาคประชาชนมาโดยตลอด ในช่วงที่ประชาชนผู้รักความเป็นธรรมรวมตัวกันต่อสู้กับระบอบทักษิณจนบาดเจ็บล้มตาย และต้องคดีนับไม่ถ้วนคดี เราเริ่มมีความหวังกับคำประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อ ที่จะพิทักษ์ความเป็นธรรมและแก้ไขการเมืองที่ล้มเหลว มีความหวังกับภาพลักษณ์ที่เปี่ยมด้วยคุณวุฒิและชาติตระกูลผู้ดีของนายกรัฐมนตรีหนุ่มรูปหล่อ ยอมมองข้ามทุกสิ่งที่ผิดฝาผิดตัว ผิดทำนองคลองธรรม ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวบุคคลอย่างเต็มเปี่ยม
แต่แล้วก็ไม่น่าเชื่อว่า ระบบการเมืองน้ำเน่ากับนักการเมืองขี้ฉ้อตอแหลตามสันดานเดิม จะตามมาหลอกหลอนทำร้ายประเทศชาติและประชาชนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างเจ็บปวด เราได้นายกรัฐมนตรีที่ดีแต่พูด ไม่ซื่อไม่ตรง ทำสวนทางกับคำพูดที่ฟังดูดีตลอดเวลา เป็นนายกรัฐมนตรีที่ลอยตัว ปล่อยให้พรรคร่วมบริหารแต่ละกระทรวงอย่างเอกเทศ ข่าวการทุจริตคดโกงลอยนวลผ่านกฎเหล็กที่กลายเป็นกฎตะกั่วไร้น้ำยา การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการที่ผิดหลักผิดเกณฑ์ ย่ำยีหลักคุณธรรม ตามด้วยข่าวกระพือเรื่องการซื้อขายตำแหน่งอย่างโจ๋งครึ่มที่นายกรัฐมนตรีทำหูทวนลม นั่งหัวโต๊ะ ครม.อนุมัติทุกตำแหน่งและทุกโครงการที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอ
พลพรรคเสื้อแดงที่นิยมทักษิณ ชินวัตรอย่างเปิดเผย เติบใหญ่ขยายตัวอย่างรวดเร็วภายใต้ความอ่อนแอและขาดภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี กำลังคนเพียงไม่ถึงพันคนสามารถบุกเข้าทุบทำลายโรงแรมที่พัทยาเป็นสถานที่ประชุมระดับนานาชาติของผู้นำอาเซียน ซึ่งต้องหนีตายกันอย่างอลหม่านหมดรูป แถมรถยนต์ที่นายกรัฐมนตรีไทยนั่งติดไฟแดงเกือบถูกคนเสื้อแดงลากลงมาทุบตีกลางเมืองพัทยา
ประชาชนคนไทยได้เห็นการถ่ายทอดทางทีวีภาพรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถูกทุบตีในกระทรวงมหาดไทย ต้องขับชนแหกประตูรั้วหนีตาย และคนในขบวนของนายกรัฐมนตรีถูกทุบตีปางตายกลางกระทรวงบำบัดทุกข์บำรุงสุขใจกลางพระมหานคร
นอกจากนั้น เราได้เห็นการเผารถเมล์กลางเมืองหลวง เห็นการยึดศูนย์กลางราชประสงค์สร้างค่ายคูประตูรบต่อสู้กับกองกำลังทหารของรัฐบาล มีคนตายถึง 91 ศพ และบาดเจ็บนับร้อยนับพันใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีทั้งทหารฝ่ายรัฐบาลและพลพรรคคนเสื้อแดง รวมทั้งผู้สื่อข่าว และประชาชนอื่นๆ ที่พลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย
ภาพการเผาศูนย์การค้า อาคารบ้านเรือน และศาลากลางจังหวัดต่างๆ ในต่างจังหวัด ยังคงติดตาคนไทยทุกคนที่เห็นชัดผ่านการถ่ายทอดสดทางทีวี
เมื่อเข้าตาจน นายกรัฐมนตรีนักเรียนนอกก็ประกาศยุบสภา อ้างว่าคืนอำนาจให้ประชาชน โดยไม่ยอมสะสางจัดการความวุ่นวายขัดแย้งทางสังคมที่ยังดำรงอยู่ และนับวันจะเพิ่มความขัดแย้งรุนแรง แล้วเดินหน้าหาเสียงเลือกตั้งโดยหว่านนโยบายลดแลกแจกแถมแบบหน้ามืดตามัวไม่ต่างอะไรกับแนวนโยบายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ที่ออกมาเกทับกันอย่างดูถูกดูแคลนประชาชน โดยทักษิณเชิดหุ่นน้องสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ไม่เคยมีประวัติการต่อสู้ทางการเมืองมาก่อน ออกมาต่อกรกับอภิสิทธิ์ โดยมีพลพรรคเสื้อแดงหนุนหลังอย่างย่ามใจ
ภาพการเมืองไทยขณะนี้ จึงเป็นการต่อสู้เอาชนะคะคานกันระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดยอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับพรรคเพื่อไทย ที่นำโดยทักษิณ ชินวัตร โดยมีพรรคขนาดกลางอย่างภูมิใจไทยของเนวิน ชิดชอบ พรรคชาติไทยพัฒนาของบรรหาร ศิลปอาชา พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินของสุวัจน์ ลิปตพัลลภ คอยเป็นตัวต่อรองรอเสียบร่วมรัฐบาลอย่างด้านได้อายอด เหมือนที่ผ่านๆ มา
ฝ่ายใดชนะก็มองไม่เห็นทางออกที่จะนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบร่มเย็น และผาสุกได้เลย ในทางตรงกันข้ามความขัดแย้งแบบไม่ยอมแพ้กันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยฝ่ายนักการเมืองเหล่านั้น จะไม่รับผิดชอบอะไรเลย
ในนาทีนี้ประชาชนที่รักความเป็นธรรม ต่างเห็นตรงกันว่า มีหนทางเดียวที่จะยับยั้งวิกฤตการณ์การเมืองไทยได้ คือต้องร่วมกันต่อต้านปฏิเสธด้วยการ Vote No เพื่อสู้กับคะแนเสียงจัดตั้งของฝ่ายการเมือง ซึ่งคำนวณดูแล้ว พลังเสียงขณะนี้ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเพื่อนำไปสู่การปฏิรูประบบการเมืองได้
ฉันจึงจำเป็นต้องเขียนถึงเธอ พลังเงียบ ที่รัก เพราะมีแต่การแปรความเบื่อหน่ายไม่แยแสทางการเมืองของเธอ ให้หันมาเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องช่วยกันออกมาเพื่อทำหน้าที่ปกป้องความเลวร้ายของบ้านเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าขืนปล่อยให้บ้านเมืองถูกนำพาโดยระบบการเมืองอันล้มเหลว และนักการเมืองที่เห็นแก่ตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมอีกต่อไป
จะให้ฉันกราบไหว้วิงวอน หรือทำอย่างไรก็ยอมทั้งนั้น ขอเพียงแต่ให้เธอ พลังเงียบทั้งหลาย ออกมากู้ชาติบ้านเมือง ด้วยการร่วมกับภาคประชาชนที่รักความเป็นธรรม เข้าคูหา กาช่องไม่ประสงค์จะลงคะแนนกันให้ท่วมท้นทุกเขตทุกคูหา
ซึ่งฉันขอยืนยันกับเธอว่า Vote No มีผลทางกฎหมาย ที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงการเมืองเลวบัดซบของประเทศนี้ได้อย่างแน่นอน
ด้วยความรักและปรารถนาดี
คนสีชมพู