วันเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม...งวดใกล้เข้ามาทุกที หลังจากทุกพรรคการเมืองที่ลงแข่งขันชิงชัย ลงพื้นที่ ตรวจกระแสมาระยะหนึ่ง ย่อมพอจับสัญญาณอาการของประชาชน และประเมินเก้าอี้ ส.ส.ที่ตัวเองจะได้ในยกแรกไปแล้ว
พรรคเพื่อไทย ซึ่งผลโพลทุกสำนักฟันธงว่าจะเข้าวินเป็นอันดับ 1 ก็ยังแรงเสมอต้นเสมอปลายมาถึงตอนนี้ ซึ่งยืนยันได้จาก “นิด้าโพล” จากสถาบันบันฑิตพัฒนบริหารศาสตร์เพิ่งออกมาเปิดเผยล่าสุดกับผลสำรวจครั้งที่ 5 เพื่อไทยยังเป็นที่หนึ่ง ระบุประชาชนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 30.47 เลือกเพื่อไทย แต่เก้าอี้ ส.ส.จะได้เท่าไหร่ ตัวเลขยังไม่นิ่ง ก็น่าจะอยู่ในระดับ 200 บวกแน่นอน จะเกินครึ่งหรือไม่ยังต้องดูกันยาวๆ ช่วงโค้งสุดท้าย
ตอนนี้ เพื่อไทยจึงวางยุทธศาสตร์ประคองตัว แย็บแล้วถอย ไม่ลงไปแลกหมัดเสี่ยงเสียแต้ม เสียอาการ
วางเกมให้ “ปูแดง” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ หญิง เล่นเกมติ๊ดชิ่งถอยฉาก ไม่เปิดหน้าปะทะ เหมือนมวยคะแนนนำ เต้นฟุตเวิร์กไปเรื่อยๆ รอคู่แข่งเป๋แล้วค่อยฉวยจังหวะซ้ำ
เรื่องดีเบตวัดฝีปาก ไม่เอาด้วยแน่ เพราะรู้ดีว่าแลกน้ำลายกันแล้ว มีแต่แพ้กับแพ้ ไม่ไหวจะต่อกรกับพรรคนักพูด
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ถ้าไม่หลอกตัวเอง ต้องยอมรับว่ากระแสเป็นรองพรรคเพื่อไทยอยู่หลายช่วงตัว เก้าอี้ ส.ส.จะได้ถึง 200 ยังเป็นเรื่องลำบาก ประเมินจากปัจจัยฐานเสียง ความแข็งแกร่งในพื้นที่ และ ส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม ก็ไม่หนีไปจากที่เคยได้เดิมสักเท่าไรนัก
หลังจากเข็นนโยบายออกมาเป็นชุดๆ ยังทำคะแนนตีคู่พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ช่วงนี้จึงเปลี่ยนมาเล่นเกมจับผิด ดิสเครดิต จี้จุดอ่อน เน้นไปที่ความพยายามนิรโทษกรรม เพื่อช่วยเหลือนช.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้หลบหนีคดีอาญาอยู่ต่างประเทศ ซัดแหลกเพื่อไทยจ้องทำเพื่อคนๆ เดียว
พร้อมหยิบเหตุการณ์ความรุนแรง เผาบ้านเผาเมืองมาสาดเสียเทเสีย ว่าเป็นเพราะน้ำมือคนเสื้อแดง พร้อมทั้งจับตาไปที่พรรคคู่อริแบบใกล้ชิด เหมือนติดตั้งวงจรปิดไว้ ถ้าเผลอการ์ดหลวมเปิดคาง ทำอะไรเป็นช่องให้โจมตีเมื่อไหร่ จะอัปเปอร์คัทแหวกการ์ดทันที เป็นยุทธศาสตร์แปรความผิดพลาดของคู่แข่งเป็นคะแนนของตัวเอง
สำหรับพรรคเอสเอ็มอี ขนาดเล็ก ขนาดกลาง หลังจากวัดกระแส-วัดผลโพลแล้ว ต้องปรับกระบวนทัพ กลยุทธ์กันขนานใหญ่ ที่คาดไว้เดิม คุยโตจะได้เก้าอี้เป็นกอบเป็นกำ วันนี้ต้องมาประเมินกันใหม่ เพราะลมกำลังเปลี่ยนทิศ กระแส “ไม่เอาอภิสิทธิ์ ไม่เลือกประชาธิปัตย์” รุนแรงเหลือเกิน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไต่ระดับอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง จำเป็นต้องประเมินอยู่ในหลักของความเป็นจริงมากขึ้น เพราะวันนี้เป้าที่วางไว้ผิดเพี้ยนไปแล้ว
และยังต้องคิดข้ามช็อตไปถึงการร่วมรัฐบาลด้วย เพราะพรรคใหญ่ เช่นพรรคเพื่อไทยเริ่มแบะท่า อ่อยเหยื่อ เลือกเฟ้นเจ้าสาวที่จะมาร่วมหอลงโรงเป็นรัฐบาลด้วยกัน ไว้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็แสดงตัวตน แสดงทางเลือกไว้ให้เห็นลางๆ เช่นเดียวกัน
ฉะนั้น พรรคขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่ 2 พรรคใหญ่หมายตาจะเอาเป็นอะไหล่เติมเต็มการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องแต่งองค์ทรงเครื่องให้พร้อมที่สุด ทำให้ตัวเองเนื้อหอมมากที่สุด
ชัดเจนที่สุดคือพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ทำตัวเป็นไผ่ลู่ลม พร้อมผสมพันธ์กับทุกขั้ว ทุกฝ่าย ชั่วโมงนี้เหมือนสาวรุ่น นมเพิ่งแตกพาน ใครๆ ก็ต่างจ้องตาเป็นมัน เพราะเป็นพรรคขนาดเล็กค่อนกลางที่การันตีจำนวน ส.ส.ไว้ได้แล้วระดับหนึ่ง อีกทั้งไม่เป็นศัตรู บาดหมางกับใคร
ส่วนพรรคเล็กๆ ก็ต้องหลบกระแส เบี่ยงทางเดินหลบลี้จากสายน้ำเชี่ยวกราก หาเสียงรูปแบบแหวกแนว พรรครักประเทศไทย ของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็หาเสียงแบบฉีกแนวมาก่อนใคร ขออาสาตัวเองเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชัน พรรครักษ์สันติของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก็ขายตัวตนเป็นนักการเมืองน้ำดี มาจัดการสิ่งสกปรกตกค้างในประเทศ ขันอาสาตัวเองเป็นผู้นำทางเลือกที่ 3
ในขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคขนาดกลาง ก็ใช้พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ แบ่งบทเล่นเกมขายสินค้าปรองดอง พร้อมผันตัวเองเป็นทางเลือกที่ 3 เสียบเป็นนายกฯ หากสถานการณ์ประเทศยังวุ่นวาย ในขณะที่ทีมหลงจู๊ บรรหาร ศิลปอาชา ก็เดินเกมรักษาฐานที่มั่น ไม่เปิดพื้นที่ให้พรรคการเมืองอื่นมาเจาะไข่แดง เดินคู่ขนานรักษาตัวเลขเก้าอี้ ส.ส. และเก็บเกี่ยวเพิ่มเติมจากนโยบายปรองดอง ไม่คลุกกับความขัดแย้ง
อย่างไรก็ดี พรรคที่ดูเหมือนจะตกที่นั่งลำบากมากที่สุด หนีไม่พ้น “พรรคภูมิใจไทย” ฝ่ายนู้นก็เกลียด ฝ่ายนี้ก็ไม่ชอบ เพื่อนรักเดิมก็คิดหักเหลี่ยมโหด ตีจากไปดื้อๆ
พรรคชาติไทยพัฒนาที่เคยจับมือคล้องแขนบอกจะเป็นพันธมิตรร่วมกันหลังเลือกตั้ง ชนิดไปไหนไปด้วยกันเป็นแพ็กเกจ วันนี้ดูเหมือนจะหมดโปรโมชั่นไปแล้ว พรรคชาติไทยพัฒนาเริ่มตีตัวออกห่าง หลังภูมิใจไทยตกเป็นเป้ารังเกียจของทุกพรรคการเมือง เต็มไปด้วยคราบไคลทุจริต ช่ำชองเกมใต้ดิน มีแต่ภาพเชิงลบ
พรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังมองด้วยหางตา เป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆ ถ้าตัวเองได้เสียงพอประมาณ แล้วไปกวาดต้อนพรรคเล็กพรรคน้อยจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยไม่ต้องมีพรรคภูมิใจไทย ก็จะทำแน่นอน เพราะเป็นรัฐบาลร่วมกันมา รู้เช่นเห็นชาติกันหมดแล้ว ว่านิสัยเป็นอย่างไร คบได้หรือไม่
ส่วนพรรคเพื่อไทยออกเป็นแถลงการณ์พรรคชัดเจนว่าหากได้เป็นรัฐบาล จะไม่เอาพรรคภูมิใจไทยมาร่วมเป็นรัฐบาลอย่างแน่นอน หลังจากที่เคยโดนแว้งกัดอย่างเจ็บแสบ ขนย้ายงูเห่าออกจากอกไปซบหนุ่มนักเรียนนอกจัดตั้งรัฐบาล บริหารประเทศบนกองบประมาณอย่างสนุกสนาน หนำซ้ำยังถูกเล่นเกมเตะตัดขา ตัดงบประมาณในพื้นที่ ส.ส.แบบย่ามใจ ด้วยสโลแกนทีใครทีมัน วันนี้เมื่อกระแสพลิกจึงเล่นเกมย้อนศรเอาคืนบ้างให้สาแก่ใจ
คนในพรรคภูมิใจไทยระดับซือแป๋การเมือง ผ่านร้อนผ่านหนาวสนามการเมืองมาโชกโชน ย่อมประเมินสถานการณ์นี้ออก แต่คนที่หนีไม่ออกอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” หันซ้ายทางตัน หันขวาเจอรองเท้า ก็ต้องกลับไปคิดหลายตลบ กำลังหาวิธีช่องทางจะนำพาตัวเองให้มีทางรอดอย่างไรในเวทีการเมืองยามนี้
ก่อนหน้านี้ “เนวิน” ก็ได้ออกมาประเมินแบบไม่มีใครนึกฝัน บอกพรรคเพื่อไทยจะได้เสียงมากที่สุด แต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์จะได้เสียงน้อยเกินควร แล้ว “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” จะต้องลาออกจากหัวหน้าพรรค ก็เล่นเอาฮือฮาวิเคราะห์กันไปต่างๆ นานาว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงหรือ หรือ “เนวิน” ได้รับสัญญาณพิเศษอะไรมา แต่ประเมินไปมาแล้วเห็นแต่เพียงอาการของคนธาตุไฟแตก
ด้านสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่พ่วงกันอยู่เดิมกับอนุชา นาคาศัย สามีพรทิวา นาคาศัย วันนี้ต้องคิดแล้วเหมือนกันว่าจะวางทางเดินอันใกล้ข้างหน้านี้อย่างไร หากคิดจะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ก็ไม่แน่ว่ามันอาจถึงเวลาที่ต้องแยกตัวออกมาอีกครั้ง กดปุ่มเอาตัวรอด ดีดตัวฉุกเฉินออกจากเครื่องบินที่ใกล้จะตก โดดร่มชูชีพ โรยตัวลงไปในจุดที่ตัวเองจะมีที่ยืนอยู่ได้ โดยสังคมไม่รังเกียจ
หลังเลือกตั้งอาจขนขบวนย้ายคอกกันไปเลย เป็นงูเห่าแบบไตรภาค หรือสงวนท่าที รักษาฟอร์มแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่พลางๆ เพื่อลดกระแสต่อต้าน
เมื่อสบโอกาสเหมาะค่อยเฮโลเข้าไปร่วมรัฐบาล ตามยุทธศาสตร์เล่นการเมืองเพื่อเป็นรัฐบาลเท่านั้น!!