xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"สนธิ" ตบโหลก กกต. ยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ย้อนศรวิชามารปชป.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ถ้าจะเอ่ยถึงองค์กรอิสระในประเทศไทย ที่หากจะวัดระดับความน่าเชื่อถือและศรัทธาในสายตาประชาชนทั่วไปซึ่งนับวันจะดำดิ่งลงไปเรื่อยๆ จบแทบไม่เหลือซาก เชื่อขนมกินได้เลยว่าจะต้องมีชื่อของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ขึ้นชื่อมาเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน

เพราะในขณะที่ประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญอย่างการเลือกตั้งครั้งใหญ่ที่จะมาถึงอีกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น แต่ประชาชนกลับต้องได้รับฟังข่าวอันน่าสลดใจอีกครั้งจาก กกต. เพราะในช่วงที่การเลือกตั้งเป็นไปอย่างดุเดือด ประชาชนคนไทยก็กลับต้องมาได้ยินได้ฟังกับข่าวที่กกต. 4 คน ประกอบด้วยนายอภิชาต สุขัคคานนท์ นายประพันธ์ นัยโกวิท นางสดศรี สัตยธรรม และ นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น ได้เดินทางไปสังเกตการณ์การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ณกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก และไปเยี่ยมคูหาสัญจรที่กรุงเรกยะวิก สาธารณรัฐไอซ์แลนด์

เพราะจะว่าไปแล้ว กกต.ก็น่าจะทราบดีว่า องค์กรของตัวเองกำลังจะหมดความน่าเชื่อถือลงไปทุกวันจากพฤติกรรมที่ผ่านมาก็น่าจะถือโอกาสในช่วงการเลือกตั้งครั้งนี้สร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้องค์กรตัวเอง แต่ก็กลับมิได้นำพาทำสิ่งที่สังคมคาดหวังได้เลยแม้แต่น้อย จึงอย่าได้แปลกใจกับผลสำรวจความเห็นประชาชนก็ชี้ชัดอยู่แล้วว่า คนไทยเกือบ 70% ไม่เชื่อมั่น กกต.ชุดนี้ว่าจะจัดการเลือกตั้งอย่างโปร่งใสบริสุทธิ์ยุติธรรม

และหากจะถามว่าความน่าเชื่อถือของ กกต.หายไปไหนในสายตาของประชาชน ก็เรียกว่ายาวเป็นหางว่าว เอาแค่ไม่ต้องอื่นไกล เพราะประชาชนทั่วประเทศรับรู้มาจนชินชา โดยเฉพาะในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ประชาชนก็ยิ่งเห็น นช.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ถือสัญชาติมอนเตเนโกร อย่างภาคภูมิ นักโทษหนีคดี มีหมายจับอยู่เกือบทุกประเทศ ออกหน้ากำกับบทชี้นิ้วสั่งการทุกความเคลื่อนไหว ความเป็นไปทุกอย่างของพรรคเพื่อไทย แปลไทยเป็นไทยก็คือ กกต.ก็ยังยอมให้อาชญากร คิดนโยบาย วางนโยบาย อันปรากฏแจ่มแจ้งแทงตาประชาชนอยู่บนป้ายพรรคหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่เขียนว่า"ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ" ได้อย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ข้อกฎหมายก็ยังระบุชัดเจนว่า กฎหมายเลือกตั้งได้ห้ามคนต่างชาติเข้ามามีส่วนสนับสนุนกิจกรรมการเมือง

ด้วยเหตุดังกล่าว นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงส่งตัวแทนยื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมือง ออกคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้งส่งหลักฐานชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแผ่นวีซีดี เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งและการโฟนอินทั้งหมด คำพูดของ นช.ทักษิณ เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง รวมถึงผู้สมัครที่กล่าวถึง นช.ทักษิณ หลายกรณี ทำให้เชื่อมโยงได้อย่างชัดเจนว่า นช.ทักษิณ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย

อาทิ 1.ข่าว กกต.เกี่ยวกับพลังประชาชนผิดคดีนอมินี 2.ข่าวเกี่ยวกับแกนนำพรรคเพื่อไทยบินไปพบทักษิณ ชินวัตร 3.ข่าวนโยบายหาเสียงทักษิณคิด เพื่อไทยทำ 4.ข่าวทีมเศรษฐกิจทักษิณเปิดนโยบายหาเสียง 5.ข่าวเกี่ยวกับทักษิณวีโอลิงก์เปิดนโยบายพรรคเพื่อไทย 6.ข่าวคำต่อคำทักษิณเปิดนโยบาย 7.ข่าวทักษิณมั่นใจเพื่อไทยเป็นรัฐบาล 8.ข่าวเพื่อไทยเปิดตัว ส.ส.ชูสโลแกน ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ 9.ภาพป้ายทักษิณคิด เพื่อไทยทำ10.คำพูดของทักษิณที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 11.ข่าวเกี่ยวกับทักษิณโฟนอินจังหวัดต่างๆ 12.คำถอดเทปคลิปเสียงโฟนอินของทักษิณ 13.แผ่นวีซีดีทักษิณเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการโฟนอิน

แน่นอน ว่าหลักฐานที่พันธมิตรฯ ได้ยื่นต่อกกต.ประชาชนย่อมจะรับรู้รับทราบเป็นอย่างดี ถึงพฤติกรรมต่างๆ นานา ของ นช.ทักษิณ และบรรดาพรรคเพื่อไทยที่เห็นเพียง กกต.เป็นหัวหลักหัวตอ เพียงเท่านั้น ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ว่าเรื่องทำนองเพิ่งจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ กกต.ที่ถือว่าเป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลพรรคการเมือง ก็ยังปล่อยให้บรรดา ส.ส.พรรคเพื่อไทย กระทำผิดกฎหมายแบบหน้าตาเฉย ถ้าหากจะไร่เรียงแล้วก็ยาวเป็นหางว่าเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นหัวหอกพรรคเพื่อไทยอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ยังนำชื่อ นช.ทักษิณ ไปประกาศเสียงใสในยุทธศาสตร์หาเสียงว่า เลือกพรรคเพื่อไทย เพื่อนำทักษิณ กลับบ้าน รวมถึงแกนนำพรรคเพื่อไทยอย่าง นางเยาวภา-นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ รวมทั้งแกนนำพรรคไทยรักไทย ได้แก่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล และอดีตแกนนำพรรคพลังประชาชน คือ นายยงยุทธ ติยะไพรัช ก็ยังยกขบวนไปเพื่อหารือถึงการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ

อย่างไรก็ดี ไม่ใช่เรื่องเกินเลยแต่อย่างใดเมื่อดูตามหลักฐานและสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ก็ยังตำตาในพฤติกรรมทั้งหลายของ นช.ทักษิณ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ปรากฏความเชื่อมโยงต่างๆ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ แต่กระนั้นก็ยังเกิดกระแสข่าวจากผู้สูญเสียผลประโยชน์อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ปลุกกระแสข่าววิชามาร ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เองก็ยังถึงกับต้องลงทุนออกมาให้สัมภาษณ์ เพื่อหวังผล 2ประการ คือเบรกกระแสโหวตโนของพันธมิตรฯ และดิสเครดิตนายสนธิว่า อยากย้อนถามกลับไปยัง นายสนธิ ว่าการออกมารณรงค์ให้ประชาชนโหวตโนนั้นเป็นการสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ เพราะเป็นการทำให้คะแนนเสียงของพรรคการเมืองอื่นลดลงไป

เป้าหมายของพรรคประชาธิปัตย์หาใช่อื่นใด นอกเสียจากกระสันกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งจนตัวสั่น จนต้องงัดวิชามารมาดักกระแสโหวตโน แต่หากใครติดตามกระแสโพลของสำนักต่างๆ ที่ออกมาฟันธงก็ล้วนออกไปทำนองเดียวกันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะแพ้คะแนนเลือกตั้งต่อพรรคเพื่อไทย โดยความเป็นจริงแล้วหาได้เกี่ยวข้องกับการที่พันธมิตรปลุกกระแสโหวตโนขึ้นมาเพื่อสกัดนักการเมืองชั่วเลยแม้แต่น้อย

ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จงอย่าได้โทษอื่นใดหากคะแนนนิยมของพรรคจะลดลง เพราะเป็นการลดลงที่มีผลมาจากการที่ตัวเองบริหารประเทศไม่ต่างจากเด็กอมมือ ที่สำคัญคือ ในความเป็นจริงแล้วแม้ไม่มีกระแสโหวตโน พรรคประชาธิปัตย์ก็หาใช่ว่าจะชนะพรรคเพื่อไทยในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่

ทั้งนี้ นายสนธิได้ออกมาปราศรัยชี้แจงแบบหมดข้อสงสัยว่า “มาบอกว่าผมรับเงินทักษิณ รับเรื่องโหวตโนมาทำ พวกเรานี่เวลาเราสู้กับใครเราไม่ต้องตอกย้ำตอกคิด หลักการพันธมิตรฯ เป็นอย่างไร ก็เป็นมานานไม่เปลี่ยนแปลง เราไม่จำเป็นต้องพูดทุกนาทีทุกครั้ง แต่เราพูดชัดๆ และชัดเจนว่า ถ้าทักษิณกลับมาแล้วแก้กฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมให้กับตัวเอง เจอผมแน่นอน ภาษาแค่นี้มันยังไม่เข้าใจ คนที่ไปรับเงิน มันจะกล้าประกาศได้ยังไงว่า ถ้าแก้กฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมต้องเจอกัน แค่นี้ยังไม่เข้าใจ"

“ผมเลยถามกลับ ผมประกาศสัจจะวาจาหลายครั้งแล้ว แม้แต่การมอบหมายให้นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ไปยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ก็เป็นหน้าที่ที่ผมทำตลอดเวลา ส่วนพรรคอื่นยังหาข้อมูลได้ไม่ครบ ถ้าได้ครบเมื่อไหร่จะยื่นยุบทุกพรรคเลย ผมจะพูดผ่านพี่น้องที่นั่งอยู่หน้าเวที ที่ดูทีวีอยู่ที่บ้าน พี่น้องชาวภาคใต้ทั้งหมด ผมจะบอกว่า พี่น้องทุกคนรวมทั้งตัวผมพูดชัดเจนว่า เราจะไม่ร่วมสังฆกรรมใดๆ กับพรรคเพื่อไทย ไม่ร่วมให้ความเห็นชอบไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราจะต่อต้าน ถ้ามีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ทักษิณเข้ามา”

“จุดยืนเราชัดเจน ถ้าอย่างงั้นจะขอจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง ขอให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ออกมาพูดให้ชัดเจนว่าหลังเลือกตั้ง ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีวันร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย พูดออกมาให้ฟังหน่อยได้ไหม จากวันที่เริ่มหาเสียง จนวันนี้ยังไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนี้เลย มีแต่แต่ว่าพรรคเพื่อไทยเผาบ้านเผาเมือง เพื่อหวังคะแนนให้พรรคตัวเอง และสอดแทรกการปรองดอง สอดแทรกเรื่องต่างๆ เข้าไป อยากให้พี่น้องชาวใต้ ช่วยถาม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทุกคนว่า ประกาศเป็นสัตยาบันได้ไหมว่าหลังเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีวันเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น”

แต่ในทางกลับกัน พรรคประชาธิปัตย์เอง ก็ยังอาศัยประโยชน์จากการไม่ทำหน้าที่อย่างเด็ดขาดของ กกต.เสียด้วยซ้ำ เพราะขนาดนายอภิสิทธิ์เองก็ยังเคยออกมาชมเชยนายเนวิน ชิดชอบ ผู้ชักใยพรรคภูมิใจไทย ผ่านเว็ปไซต์เฟซบุ๊กของตัวเอง เนื่องจากกล่าวอ้างว่านายเนวินกลับใจจาก นช.ทักษิณ มาอยู่ร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ประเทศถึงเดินหน้าไปได้ ทั้งที่ก็รู้ทั้งรู้ว่า นายเนวิน ก็ยังถือสถานะเป็นหนึ่งในซากศพการเมือง 111 คนอยู่เสียด้วยซ้ำ กล่าวคือผิดกฎหมายเลือกตั้งเต็มๆ แต่ก็ยังมิเคยนำพานายอภิสิทธิ์ ให้เบรกบรรดาซากศพการเมืองให้สงบปากสงบคำลงแต่อย่างใด ซึ่งไม่ผิดนักที่จะกล่าวว่าอะไรก็ตามจะเป็นประโยชน์ต่อผลประโยชน์ของพรรคประชาธิปัตย์ มีหรือนายอภิสิทธิ์ จะปฏิเสธได้ลง เพราะจนถึงวันนี้ นายอภิสิทธิ์และบรรดาพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังต้องอาศัยพรรคภูมิใจไทยของนายเนวิน เพื่อผนึกกำลังเป็นรัฐบาลอีกครั้ง

ดังนั้นแล้ว หากมองในแง่ดีการยื่นคำร้องของพันธมิตรฯ ครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้ กกต.ได้แสดงฝีมือ กู้วิกฤต ความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่แทบจะไม่หลงแล้วให้กลับคืนมาบ้าง เพื่อให้เกิดบรรทัดฐานการเมืองที่แท้จริง ไม่ใช่ปล่อยให้พวกนักโทษการเมืองในคดียุบพรรคการเมืองออกมาเพ่นพ่าน ทำตัวเป็นหัวหน้าพรรค เหมือนที่เกิดขึ้นมานมนานบนประเทศไทยจนประชาชนเห็นเป็นเรื่องปกติชินชาแล้ว

ที่สำคัญอานิสงส์ส่วนหนึ่งก็น่าจะทำให้พรรคการเมืองเก่าแก่ ที่ชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ หยุดเล่นวิชามารทางการเมือง สร้างความเข้าใจผิดแก่ประชาชน เพื่อผลประโยชน์แก่พรรคตนเองถ่ายเดียวได้อย่างดีอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น