ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชป.ตอกลิ่ม “ราชประสงค์” ประจานตัวเองเต็มๆ ปล่อยให้ “เสื้อแดง” เผาเมือง “เทือก”สะอื้น!รับแทน“มาร์ค” โต้ “เผาไทย”ไม่ได้บงการสังหารหมู่ กรีด!ถ้าแพ้ “ไอ้ตู่เป็นรมต.” จะไปขุดรูอยู่ ด้าน “ไอ้เต้น” โต้ทันควัน ข้อมูลเก่าแต่เพิ่มร้องไห้ "ชวน" ย้ำถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ "มาร์ค"ปลุกคนไทยให้เลือกปชป.เกิน 250 เสียง ด้าน“สนธิ”เชื่อใช้ “ราชประสงค์”หวังยั่วยุ ยิ่งเห็นความอ่อนแอของ “อภิสิทธิ์”
เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (23 มิ.ย.) ที่สี่แยกราชประสงค์ บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดปราศรัยใหญ่ ภายใต้หัวข้อ “ดับไฟประเทศ” ถึงแม้ก่อนหน้านี้ถูกพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดงออกมาคัดค้านก็ตาม ซึ่งกำหนดการปราศรัยจะเริ่มต้นในเวลา 18.00 น. และสิ้นสุดก่อนเวลา 21.00 น. โดยจะมีผู้ปราศรัยหลัก 4 คน ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองหัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค โดยเนื้อหาปราศรัยจะเน้นไปที่การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงปี 2552-2553 ในกรุงเทพฯ โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมาติดตั้งรถถ่ายสดการปราศรัยหลายสำนัก
ทั้งนี้ มีผู้สนับสนุนเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อหลีกเลี่ยงการการจราจรที่ติดขัดมากขึ้น ท่ามกลางมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 700 นาย โดยมีตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ตำรวจจราจร ตำรวจสายตรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบ และยังมีหน่วยตรวจวัตถุระเบิดรอบพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ไม่พบว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงมาประท้วงคัดค้านการปราศรัยแต่อย่างใด ก่อนหน้านั้นนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำแยกราชประสงค์ พร้อมตรวจความเรียบร้อยสถานที่จัดงาน
**ยันมาร์คไม่ได้บงการสังหารหมู่***
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นปราศรัยว่า ที่ตัดสินใจมาพูดกับพี่น้องประชาชน เจตนารมณ์ของตนในวันนี้ เพราะมีการใส่ร้ายป้ายสี โฆษณาชวนเชื่อ ผ่าน วิทยุ ทีวี และสิ่งพิมพ์ มีการแจกใบปลิว ทั่วไปหมด กล่าวหาว่า นายกฯอภิสิทธิ์ สั่งฆ่าประชาชน จึงไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด ได้รับข้อมูลไม่ถูกต้อง ไม่อยากให้แม้คนเดียวเกลียดนายกฯ ด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ เมื่อ 18 มิ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวหาว่า นายกฯบงการสังหารหมู่ประชาชน เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เรื่องนี้ไม่ยุติธรรม ไม่จริงเลย
“เมื่อวันที่ 19 พ.ค 2553 ไม่มีคนตายเลยแม้คนเดียวที่ราชประสงค์ ไม่มีการสังหารหมู่ที่แยกราชประสงค์ ผมยืนยันได้ เพราะผมมีหลักฐานที่จะพิสูจน์”นายสุเทพกล่าวและว่า คนเสื้อแดงชุมนุมติดต่อกัน เหตุการณ์แรกที่มีคนตาย เกิดบนถนนราชดำเนิน 10 เม.ย. 53 มีคนตายวันเดียว 26 คน เป็นทหาร 5 คน พลเรือน 20 คน ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น 1 คน คนที่ทำคือคนเสื้อดำ ที่ชุมนุมอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดง ฆ่าและทำร้ายทั้งสองฝ่าย มีพยานยืนยันว่า รถฮอนด้า ซีอาร์วีสีดำ ขนคนเสื้อดำมาปฎิบัติการ ตามไปจับกุม ได้อาวุธสงคราม ปืนอาร์ก้า ปืนเอ็ม 16 ปืนคาร์บิน และกระสุนจำนวนมาก
** “เทือก”สะอื้น!รับแทน “มาร์ค”
ทั้งนี้ นายสุเทพ แสดงภาพคนเสื้อดำ และคลิปวีดีโอ ถึงปฎิบัติการของคนชุดดำ จนเป็นเหตุทำให้พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต ไม่นับทหารและพลเรือน เสียชีวิต นายสุเทพ กล่าวถึงเหตุการณ์ตอนที่นายอภิสิทธิ์เจรจากับแกนนำ นปช. ด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ผมกลัวว่านายอภิสิทธิ์ยอมรับเงื่อนไขของ แกนนำ นปช. โดยการตัดสินใจยุบสภา เพราะว่าหากมีการยุบสภาตอนนั้นบ้านเมืองจะวุ่นวายขนาดไหน”
ส่วนการที่เสธ.แดงถูกยิงนั้นตนสงสัยว่าฝ่ายนายจตุพรนั้นแหละเป็นคนยิง เพราะต้องการให้เป็นข่าวใหญ่โตเพื่อต่างประเทศจะได้สนใจ และเพราะว่าฝ่ายผมเป็นฝ่ายรักษากฎหมาย ซึ่งผมสงสัยเช่นนี้ ขณะนี้ไม่มีหลักฐานที่จะไปกล่าวหาใคร ทั้งนี้ตนเป็นนักการเมืองอาชีพพอ หากผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร ยอมรับ แต่หากพี่น้องประชาชนไม่เลือกนายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์เพราะข้อหาที่ว่าฆาตรกร แบบนี้ผมนอนร้องไห้ทุกวัน เพราะว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีส่วนในการสั่งการสลายการชุมนุม ซึ่งการดำเนินการในวันนั้นตนเป็นคนสั่งการ หากมีความผิดอย่างไรผมพร้อมจะถูกดำเนินคดี
**ระวังแดงขี้คอ “ปู”ไอ้ตู่รมต.ขุดรูอยู่
นายสุเทพ กล่าวว่าไม่แปลกใจที่ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ควบคุมคนเสื้อแดง ไม่ได้ และถ้าเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ขอให้ดูแกนนำเสื้อแดงจะขี่คอพรรคเพื่อไทย ตอนนี้โค้งสุดท้ายแล้วต้องช่วยชาติ ด้วยการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องไปยังพี่น้องประชาชน ผมดูบัญชีรายชื่อผู้สมัครส.ส.เพื่อไทยแล้ว อาจมีผู้ก่อการร้ายได้เป็นส.ส. นายจตุพร พรหมพันธ์ อาจได้เป็นรัฐมนตรี ถ้านายจตุพรได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หริอรองนายกฯความมั่นคง อาจต้องขุดรูอยู่
**“ไอ้เต้น”ส่วนข้อมูลเก่าแต่เพิ่มร้องไห้
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวตอบโต้ทันทีว่า เป็นความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะใช้ประเด็นนี้สร้างกระแสเพื่อให้ความนิยมในพรรคสูงขึ้น นายสุเทพไม่รับผิดชอบความสูญเสียต่อประชาชนที่เกิดขึ้น คำบอกที่ว่าไม่มีใครตายที่ราชประสงค์ แต่จะตายที่ไหนก็ตาย เพราะข้อเท็จจริงคือมีสไนเปอร์มีกำลังทหารออกมา มีทหารยิงใส่ประชาชนหลายที่ นายสุเทพเป็นรองนายกฯไม่ใช่หัวหน้ารปภ.ของราชประสงค์ “คุณสุเทพเที่ยวนี้พูดเรื่องเดิมแต่เพิ่มร้องไห้ แค่นั้นเอง และเราจะชี้แจงเท่าที่จำเป็น” นายณัฐวุฒิกล่าวในที่สุด
**"ชวน"ย้าถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ
นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเป็นคนต่อไปตอนหนึ่งว่า ในยุคที่ตนลงเลือกตั้งแข่งกับพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ในขณะนั้น ตนเคยกล่าวว่าถ้าได้เสียงน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายค้าน “ระหว่างเป็นนายกฯกับรักษาคำพูด ผมรักษาคำพูดดีกว่า” ตนจึงตัดสินใจไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่ง ถึงแม้จะตั้งแข่งได้ "เที่ยวนี้ท่านอภิสิทธิ์ไม่เคยพูดเลยว่า ถ้าเสียงน้อยกว่าจะเป็นฝ่ายค้าน เพราะถ้าพูดก็ต้องทำตามที่พูดเหมือนผม" นายชวนกล่าวและว่าจะต้องถอนรากถอนโคนระบอบทักษิณ เพราะประเทศไทยก็มีประวัติศาสตร์มาแล้ว ขอให้เลือกคนดีปกครองบ้านเมือง สกัดคนไม่ดีเติบโต
***"กอร์ปศักดิ์"แจงเหตุแผนปรองดองล่ม
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยถึงเหตุการณ์การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (อาเซียนชัมมิต) ที่ตนต้องพา นายกฯหนีไปอยู่ในห้องแคบๆ 4x4 เมตรหลังคนเสื้อแดงไปล้มการประชุม ยังพยายามพูดคุยเจราจาโดยได้ติดต่อกับ นพ.เหวง โตจิราการ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่สุดท้ายได้คุยกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ สุดท้ายการเจราก็ล้มเหลว ก็ได้มีการนำเอากลุ่มคนเสื้อแดง 5,000 คนมาที่ราบ 11 ต่อมาจึงเกิดการชุมนุมและเหตุวุ่นวายการชุมนุมเดือนเมษายนปี 53 ชัดเจนแล้วว่าแกนนำกลุ่ม นปช. ได้ปฏิเสธแนวทางการปรองดองที่รัฐบาลเสนอให้ซึ่งมาพร้อมคำพูดของคนบางคนว่า “ปรองดองอย่างไรผมไม่ได้อะไรเลย”
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวต่อว่า งานแรกที่พรรคเพื่อไทยจะทำหากได้เป็นรัฐบาลคือ ร่าง พรบ.แก้ไขคืนเงินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ 4.6 หมื่นล้านเพราะเขาบ่นมาแล้วว่าเงินเหลือแต่ 3 หมื่นล้านเอง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของคนที่มาฟังการปราศรัยดังสนั่น
*** มาร์คย้ำต้องใช้ราชประสงค์
ต่อมาเมื่อเวลา 20.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยว่า มีคนบอกว่าไม่ควรจะเปิดปราศรัยที่นี่เพราะจะเป็นการตอกย้ำเรื่องเดิม แต่ตนคิดว่าจำเป็นต้องการพูดเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน เพราะทุกพื้นที่เป็นของคนไทยทุกคน ตนไม่มีเจตนาจะไปตำหนิ ใส่ร้ายใคร ตนมาเพื่อเปิดใจว่าช่วงเหตุการณ์ของความวิกฤตของบ้านเมือง ทำอย่างไรให้ประชาชนตัดสินว่าเหมาะสมจะพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้าอีก4 ปีหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนมีสิทธิ์ที่จะพูดมากที่สุดว่า ไม่คิดจะแก้แค้นใคร แต่ตนจะพูดประโยชน์นี้ว่าตนไม่คิดจะแค้นใคร ตนเดินหน้าแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นรอบกรุง จนเหตุการณ์สงบลง ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต พี่น้องจะไม่ได้ยินจากปากตนว่า เป็นเรื่องชัยชนะ แต่พยายามเข้าหาพี่น้องที่ไม่เห็นด้วยกับตนด้วย การนำเข้าตรวจสอบในสภา ว่าไม่เคยคิดร้ายประชาชน หรือว่าใครก็ตาม แต่ในที่สุดเขาก็ไม่ละความพยายาม อุตส่าห์ตัดคลิปเสียงตน ว่าสั่งฆ่าประชาชน ทั้งที่ไม่มีคนเสียชีวิต ตนจึงต้องบอกว่าบางทีต้องเห็นใจ ถ้ารับข้อมูลไปผิดๆ อารมณ์ความรู้สึกย่อมนำไปสู่การตัดสินการกระทำหลายอย่าง คนที่ฟังรอบด้านรู้ความเป็นจริงซึ่งไม่เข้าใจเลยว่าเขาทำเพราะอะไร
หลังจากกล่าวหาในปี 52 เหตุการณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้นเพราะศาลตัดสินยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ 4.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนเลย คดีที่ตัดสินไม่ได้เกิดขึ้นในยุคตนด้วยซ้ำ แต่เขาต้องทำทุกวิถีทางที่จะกดดันให้ตนเป็นคู่ขัดแย้ง เพื่อต้องการล้มรัฐบาลของพี่น้องที่สภาเลือกเข้ามา เพียงเพราะไม่ใช่พวกของตัวเอง แล้วปี 53 จึงมีการปลุกระดมเงื่อนไขต่างๆมากมาย ที่สำคัญ มีการเตรียมกองกำลังที่ติดอาวุธ มีการกระดมคนมีพี่น้องมาร่วมจำนวนมากซึ่งตนเข้าใจหลาย คนไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม แต่ไม่ใช่เพราะรัฐบาลชุดนี้ แต่เป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นเวลานาน เคยเห็นหรือไม่ว่าการชุมนุมที่มีป้ายภาษาอังกฤษ เยอะมากที่สุด สื่อต่างชาติออกไปทั่ว เพราะเขาต้องการให้เห็นว่ารัฐบาลนี้นิยมความรุนแรง มีคนมาถามทำไมไม่สลายการชุมนุม วันนี้เริ่มเข้าใจตนแล้ว
นายอภิสิทธิ์ ได้บอกเล่าถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในเดือนเมษายน โดยกล่าวถึงบทบาทของกองทัพที่ต้องสูญเสียบุคคลากรที่มีคุณภาพ โดยผู้บังคับบัญชาหลายคนถึงกับน้ำตาซึม แต่ต้องการประคับประคองให้เดินไปข้างหน้า ยอมรับว่าคืนวันที่ 10 เม.ย. ตนรู้สึกเศร้ามากที่สุด แต่ไม่แสดงออกมากนัก เพราะตนมีหน้าที่ทำให้เย็นลง ต้องสารภาพว่า คืนนั้นเป็นคืนที่ตนร้องไห้อยู่นานมาก ที่เหตุการณ์เช่นนี้มาเกิดขึ้นในยุคที่ตนเป็นนายกฯ ตนทบทวนแล้วทบทวนอีก คิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร ทั้งที่ในใจรู้มาตลอดว่า ตนและเจ้าหน้าที่ของรัฐพูดชัดเจนแล้วว่า ต้องทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสีย แต่ตนรู้ว่า ไม่ว่าตัดสินใจอย่างไร ชีวิตตนไม่มีวันเหมือนเดิม ต้องมีคนโกรธ แค้น โดยธรรมชาติ
“ผมคิดหลายตลบ ไม่ตกผลึกว่าต้องทำอะไร แต่คนที่ให้สติผมคือ ภรรยา เขารู้ว่าชีวิตเขา และลูกของเราไม่มีวันเหมือนเดิม ผมรู้สึกผิด ที่อาสาเข้ามาอยู่การเมืองแต่พวกเขาไม่ได้อาสาเข้ามาอยู่การเมืองก็ต้องมาผูกติด เขาบอกว่า ถ้าเรามั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นผู้ทำเงื่อนไขให้เกิดขึ้น ทางเดียวที่ต้องรับผิดชอบคือ แบกรับปัญหาและแก้ปัญหาให้ลุล่วงต่อไป ถ้าหนี และหลีกเลียงปัญหา แก้ให้ลุล่วงไปไม่ได้"
***เสนอปรองดองแก้ปัญหา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในที่สุดตนก็หาทางออกด้วยการเสนอการปรองดอง การยุบสภาเลยไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง หากยุบเพราะมีมวลชนมากดดัน วันข้างหน้ารัฐบาลใครเข้ามาก็ไม่สามารถอยู่ได้ ระยะเวลาที่ตนเสนอแผน จนถึงวันเลือกตั้งเพียงแค่ครึ่งปีเพื่อให้ทุกคนไปเตรียมการ ถ้าเขารับแผนตน ก็คงเลือกตั้งไปนานแล้ว เพราะแผนนี้ไม่ได้ตอบโจทย์คนๆหนึ่งเท่านั้นเองที่ไม่ต้องการปฏิบัติตามกฏหมาย และต้องการให้คนที่มีอำนาจรัฐมาลบล้างออกไป ไม่เป็นธรรมที่จะมายัดเยียดว่าตน เป็นฆาตกร 91 ศพ เหตุการณ์ทั้งหมดพวกเราทุกคนควรจะเสียใจและควรคิดให้ทะลุให้ได้ว่า เราจะก้าวพ้นตรงนี้ได้อย่างไร ตนไม่เคยคิดว่าต้องมาตั้งเวทีอย่างนี้ จนกระทั่งเมื่อตนยุบสภา ได้เห็นกระบวนการที่จะสร้างข้อเท็จจริงชุดใหม่เพื่อมาปรักปรำตน และหลายคน ควบคู่กันไปคิดการที่พรรคเพื่อไทยพูดเรื่องนิรโทรกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ตนต้องการให้ประชาชนเห็นชัดเจนว่าใครเหมาะสมที่จะมาปรองดองในบ้านนี้เมืองนี้ พรรคเพื่อไทย กำลังส่งใครเข้าไปในสภา ในทำเนียบฯ บัญชีรายชื่อทั้งหลายเขาพร้อมที่จะประนีประนอมจริงหรือไม่ วันที่เขามีโอกาสที่จะประนีประนอม เลี่ยงความสูญเสียทุกครั้งทำไมเขาปฏิเสธ ฃทำไมนายใหญ่ของเขาจึงได้ปฏิเสธการปรองดองที่ผ่านมา ตนเข้าใจยากจริงๆว่า จิตใจของเขาทำด้วยอะไร ผู้สนับสนุนของเขาอยู่กับความยากลำบาก อยู่กับความเสี่ยง แต่เขาไม่พยายามจะปกป้อง ตนไม่ตำหนิพี่น้องที่มาชุมนุมโดยบริสุทธิ์ฟังความข้างเกียวย่อมมีจิตใจเช่นนั่น ไม่ตำหนิแกนนำบางคนเพราะรู้ว่าอยากจะประนีประนอม เคยบิอกนายใหญ่ว่าพ่น้องลำบากมากแล้วพอหรือยัง แต่สุดท้ายมันไม่พอ เพราะเขาไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
***ยืนยันไม่นิรโทษกรรมแม้ว
ตนจึงยืนยันการที่จะปรองดองเดินหน้าต่อไปนี้ 5 ข้อต้องเดินไปข้างหน้า ตนทำได้ทุกอย่างแต่ตนไม่สามารถนิรโทษกรรม คืนเงิน 4.6 หมื่นล้านให้ ทักษิณ ถ้าตนหาเงิน 4.6 หมื่นล้านได้เอง จะเดินไปให้ด้วยตนเอง แล้วบอกว่าให้หยุดทำร้ายประเทศไทย แต่นั่นเงินภาษีประชาชน ตนไม่มีสิทธิ์จะเอาไปให้ ถ้าตนพูดกับทักษิณได้ ตนก็จะบอกว่าถ้าสำนึกผิดยอมรับกฏหมาย เชื่อว่าสังคมไทยพร้อมจะให้อภัย แต่ถ้ายังยืนยันว่า เมื่อใดก็ตามถ้าศาลตัดสินว่าคุณถูกมีปัญหา ศาลตัดสินว่าผิดเป็นสองมาตรฐาน บ้านเมืองยอมไม่ได้ วันนี้การคัดสินใจจึงเป็นของประชาชน เพราะอย่าลืมว่า ทักษิณมีพี่น้องที่รักจำนวนมาก และหลายสิ่งที่ทักษิณ ชทำ และเป็นประโยชน์มี และตนยินดีทำต่อยอดให้ แต่วันนี้ทักษิณ กำลังเอาพี่น้องประชาชน และนโยบายบางเรื่องบวกกับที่เขาชำนาญให้กลับมาได้โดยมีเป้าหมายเหมือนเดิมคือ ลบล้างคำพิพากษา ร.ต.อ.เฉลิม ประกาศเองว่า เป็นเรื่องแรกที่ต้องทำ วันนี้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อยู่ที่ไหน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ไปดีเบทกับตน บอกว่ายังไม่มีนโยบายนิรโทษกรรม เพราะเขาเป็นหัวหน้าพรรค กก.บห. ยังไม่มีมติในเรื่องนี้ ที่เอาไปพูดไม่เกี่ยวกับพรรค ตนรู้ว่าเขาจะบอกต่อไปว่าไม่มีความคิดนิรโทษให้ทักษิณคนเดียว เขาจะล้างความผิดให้ ทุกสี ทุกกลุ่ม แล้วบอกว่า นี่คือความเสมอภาค แต่เขาจะหวังเป้าเดียว ตนยืนยันว่า จะช่วยคนๆนั้นให้ถึงที่สุด แต่ถ้าใครทำผิดกกฎหมาย ต้องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมเท่านั้น บ้านเมืองถึงจะเดินต่อไปได้
วันนี้ระหว่างปชป. ที่มีคนเดินหน้าปรองดองบนความถูกต้อง กับพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดง ตนอยากจะบอกว่า พรรคเพื่อไทย หรือหัวหน้าพรรคจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ ประสบการณ์ของตนสองปีที่ผ่านมา ตนไม่มีคำถามในใจว่าเป้าหมาย คืออะไร ตนได้บอกกับนายยงยุทธ ว่า ตนไม่ทราบพรรคเพื่อไทยมีนโยบายอะไร แต่ตนเห็นป้าย ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ และทักษิณประกาศจะกลับมาร่วมงานแต่งลูกสาว ถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่นิรโทษกรรมให้ จะเป็นไปได้อย่างไร ที่คุณยิ่งลักษณะเสนอตัวเป็นนายกฯ ถ้าคุณยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ จะเป็นคนที่น่าสงสารที่สุดคนหนึ่ง เพราะพี่ชายจะต้องคิดยื่นเงื่อนไขเรื่องการทำให้ตัวเองพ้นผิด ถ้าพี่น้องเป็นคุณยิ่งลักษณ์ จะทำอย่างไร
คนเป็นพี่น้องกัน ผมเชื่อในใจ ต้องชื่นชมคุณทักษิณ ที่เป็นพี่ใหญ่ บอกอยากกลับบ้านแล้วน้องสาวอยู่ในฐานะที่ทำให้กลับบ้านได้ จะทำอย่างไร แต่ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ ทำให้พี่ ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับประชาชนที่ต้องการความถูกต้อง อยากให้สถานการณ์อย่างนั้นหรือไม่เป็นผลดีกับใคร
***อ้อนเลือกปชป.เกิน250เสียง
แต่ถ้าพี่น้องไม่อยากเลือกเบอร์สิบ เพราะกลัวว่าเลือกแล้วเสื้อแดงจะไม่หยุด ตนก็ต้องบอกว่า ถ้าตัดสินใจอย่างนั้นอาจจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป แต่วันข้างหน้า ประชาชนจะเป็นตัวประกันของความรุนแรงตลอดไป หรือประชาชนไม่อยากเลือกเบอร์ สิบ อยากได้พรรคการเมืองเข้ามาแก้ปัญหานี้แล้วไปตายเอาดาบหน้า เรากำลังนำพาประเทศไปสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง โอกาสนี้ดีที่สุดที่เราจะถอนพิษทักษิณออกจากประเทศไทยไป คนไทยที่นิยมชมชอบสิ่งที่ทักษิณ เคยทำเอาไว้ต้องแยกให้ออกระหว่างนโยบายที่ทำไว้กับตัวตนของทักษิณ สิ่งเดียวที่เป็นอาวุธเหลืออยู่ตอนนี้คือ กล่าวอ้างว่าประชาชนนิยม ถ้าแน่จริงหยุดใช้การตลาด หยุดสร้างภาพลวงตา ประกาศอย่างเดียวว่าจะนิรโทษให้ทักษิณ วันนี้ต้องบอกกับประชาชนที่อยากจะเลือกเบอร์สิบว่า มีการปราศรัยที่ต่างจังหวัด โดยพรรคเพื่อไทยบอกว่า ถ้ามาเป็นที่หนึ่ง แล้วไม่ได้เป็นรัฐบาลจะเตรียมพี่น้องมาอีก ที่จริงระบอบรัฐสภาทั่วโลกสากล ถ้าได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งไม่มีใครทำอะไรได้อยู่แล้ว เห็นอวดอ้างว่าได้ 270 เสียง 300 เสียง แล้วมากลัวทำไมว่าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ดังนั้นถ้าอยากถอนพิษทักษิณโดยเด็ดขาด ต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็นที่หนึ่ง เลือกเกิน 250 แล้วเราจะได้ประกาศไปทั่วโลกว่า ไทยพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าต่อไปรักษาระรอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตรยิ์เป็นประมุข แล้วจะได้บอกกับคนไทยและชาวโลกว่า ประเทศไทยเงินซื้อไม่ได้ แล้วจะได้บอกคนไทยและชาวโลกว่าคนไทย จะไม่ยอมให้กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมาย และบอกว่าคนไทยประกาศอิรสะภาพจากความกลัวจากการข่มขู่แล้ว
และที่สำคัญที่สุดจะป็นการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า ประเทศไทยไม่ใช่ของคนหนึ่งคนหรือหนึ่งสี ประเทศนี้ต้องเป็นของทุกคนทุกสี ถ้าพี่น้องให้ความไว้วางใจตน อีก4 ปี ตนจะทุ่มเททำงานให้กับคนทุกคน ไม่ทำงานล้างผิดให้คนใดคนหนึ่ง
นายอภิสิทธิ์ ยอมรับว่า 2 ปีที่ผ่านมา ตนทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะตามกฏหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียง 8 ปีเท่านั้น ซึ่งถ้าพี่น้องจะเลือกตนมาอีก4 ปี ตนจะเอาชีวิตเป็นเดิมพันว่า สี่ปีข้างหน้าจะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า แต่ก็ต้องบอกพี่น้องว่าการต่อสู้ครั้งนี้ก็ต้องมีคนอื่นที่จะรับไม้ต่อไป เพราะตนต่อสู้เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นปัญหาต่างๆจริงๆ ทำได้ก็จะทุ่มเทต่อไป ทำไม่ได้ก็ต้องหลีกทางให้คนอื่นมาแทน ประชาชนต้องตัดสินใจเด็ดขาดไปเลย จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทยให้มันเด็ดขาดไปเลยจะได้รู้ว่าประเทศไทยจะเดินไปทางไหน
**อภิสิทธิ์งงเผาไทยพูดคนละเรื่อง
ช่วงเช้าที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความแปลกใจกรณีที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศในการประชันวิสัยทัศน์ว่า ไม่ได้มีนโยบายนิรโทษกรรม "ผมก็ยังงงอยู่เพราะว่าคุณเฉลิมพูดชัด พรรคเพื่อไทยก็บอกว่าคุณเฉลิมเป็นหัวหน้าทีมที่ทำเรื่องนี้ก็เลยไม่ทราบว่าจะให้ฟังใคร แต่ว่าถ้าดูตามป้าย"ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ"คุณทักษิณก็พูดชัดแล้วว่าจะกลับมาร่วมงานแต่งานลูกก็ต้องนิรโทษกรรมล่ะครับ"
ดังนั้นต้องไปถามพรรคเพื่อไทยเพราะตอนนี้พูดจาขัดกันเองที่บอกว่าสมาชิกพูดไม่ผูกพันพรรค ตนก็เลยไม่ทราบว่าบรรดานโยบายต่างๆต้องไปไล่ตรวจสอบกันหรือเปล่า ที่ พรรคเพื่อไทยได้ข้อมูลจากการข่าวว่าจะมีการวางระเบิดด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าววว่า ถ้าได้ข้อมูลมาก็เอามาให้พวกตนและเจ้าหน้าที่เราจะได้ดูแลได้ “ผมไม่ทราบว่าเจตนาเขาคืออะไร”
**โวยใส่ร้ายนิรโทษ.แม้ว ขอคืนเงิน
นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้อ่านจดหมายของนายอภิสิทธิ์ แล้ว รู้สึกเศร้าใจและสงสารนายอภิสิทธิ์ จดหมายที่ใส่ร้ายป้ายสีและกล่าวหา พตท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นความเท็จหลายตอน เช่น การกล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการนิรโทษกรรมและคืนเงิน 46,000 ล้านให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นการใส่ร้ายและสร้างภาพให้เห็นว่า คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะทำทุกอย่างเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องและหลักนิติธรรม ซึ่งนับว่าเป็นการกล่าวหาที่น่าละอาย ทั้งๆ ที่คุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยไม่เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะดำเนินการตามที่นายอภิสิทธิ์กล่าวหา
ทั้งนี้ เข้าใจว่า นายอภิสิทธิ์คงจะเครียดและหวั่นไหวที่ความนิยมตกต่ำลงจนขณะนี้ไม่นำเสนอนโยบายแล้ว แต่กลับหันมาโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณและพรรคเพื่อไทยด้วยความเท็จ ตนขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ใช้เวลาช่วงโค้งสุดท้ายหาเสียงอย่างสร้างสรรค์
**พท.ส่งทีมกฎหมายจับผิด ปชป.ปราศรัย
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง ที่ จ.กาฬสินธุ์ ถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์ โดยขอฟังเนื้อหาการปราศรัย ซึ่งทีมกฎหมายของพรรคจะติดตาม หากมีการพาดพิงถึงพรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคเสียหาย อาจจะฟ้องร้อง ส่วนตัวยืนยันว่า อยากเห็นบรรยากาศช่วงหาเสียงเลือกตั้งเป็นไปอย่างสร้างสรรค์
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่กังวลฝีปากของแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนายชวนจะขึ้นปราศรัยด้วย ตามที่เคยมีกรณีเกิดขึ้นว่าเมื่อนายชวนปราศรัยจุดประเด็นพล.ต.จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรมในขณะนั้นพาคนไปตาย ทำให้กระแสความนิยมของพรรคพลังธรรมลดลงทันทีนั้น เชื่อว่าประชาชนจะใช้วิจารณญาณในการตัดสินได้ด้วยตัวเอง พร้อมเชื่อมั่นว่านายชวนจะปราศรัยด้วยเจตนาดีต่อประเทศ
**นปช.สวนกลับทันทีหากปราศรัยจบ
นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เปิดเผยว่า หลังพรรคประชาธิปัตย์เปิดปราศรัยใหญ่ที่แยกราชประสงค์ ทางแกนนำ นปช.จะแถลงตอบโต้ทุกประเด็นทันที พร้อมขอร้องไม่ให้กลุ่ม นปช.ไปร่วมฟังการปราศรัย เนื่องจากกังวลถึงเรื่องการสร้างสถานการณ์
ส่วนการต่อต้านระหว่างการลงหาเสียงของนายอภิสิทธิ์ นั้น แกนนำ นปช.คงห้ามไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของแนวร่วมแต่ละคน ที่มีความอดทนไม่เท่ากัน
** “เสธ.หนั่น”เอาใจช่วย“ตู่”ใช้เอกสิทธิ์ส.ส.
ที่สำโรงทาบ จ.สุรินทร์ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เคยช่วยเป็นพยานให้แกนนำนปช.ให้ปล่อยตัวจากเรือนจำ แล้วจะเดินหน้าช่วยนายจตุพร พรหมพันธ์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า คงจะเป็นหลังเลือกตั้ง นายจตุพรได้เป็นส.ส.แล้วก็สามารถใช้เอกสิทธิ์ได้ เมื่อเปิดประชุมสภาก็ได้ประกันตัวแล้ว รออีกนิดเดียว แต่อย่างไรก็ตามตนจะช่วยทุกคนต้องหาความเป็นธรรมให้กับเขา ต้องเยียวยาให้ได้ พวกที่บาดเจ็บล้มตายอย่าไปคิดว่าเป็นฝ่ายโน้น
**ไอ้ตู่ อัดผ่านคุก “ย่ำยีคนตาย”
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ทำจดหมายเปิดผนึกหัวข้อ "จากใจนายจตุพร ถึงนายอภิสิทธิ์ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี" ตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เ ที่เปิดใจผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กกล่าวหาคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอนหนึ่งระบุว่า เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ บัดนี้เขา(คนเสื้อแดง)สูญเสียไปแล้ว นายกฯ ยังไม่ยัดเยียดข้อหาใส่เขาอีก"ซึ่งนายอภิสิทธิ์ กำลังจะไปปราศรัยยัดเยียดข้อหาให้ผู้สูญเสียที่สี่แยกราชประสงค์ แล้วอย่างนี้หากนายอภิสิทธิ์ ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะนำพาซึ่งความสมานฉันท์ ปรองดองของคนในสังคมได้อย่างที่พูดไว้หรือไม่
**คณิตซัดรับผิดชอบหากใช้ข้อมูลด้านเดียว
นายคณิต ณ นคร ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวว่า เป็นเรื่องของการหาเสียง ตนไม่อยากไปยุ่งเกี่ยว แต่ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบ ส่วนที่รัฐบาล ปชป.ตั้ง คอป.ขึ้นมาหาความจริง แต่เวลาจะนำไปพูดต่อสาธารณชนกลับนำข้อมูลตัวเองไปพูด นายคณิตกล่าวว่า คณะของเราทำงานโดยถือว่า ความรับผิดชอบต่อประชาชนมาก่อน ความรับผิดชอบต่อรัฐบาล ดังนั้นรายงานที่ คอป.จะสรุปจะทำออกมาเป็น 2 ภาษาให้ทั้งประชาชนและชาวต่างชาติได้รู้
“เราต้องการให้งานชิ้นนี้เป็นบทเรียนสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไป ผมเคยเป็นคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 แต่รายงานการตรวจสอบถึงวันนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน แม้แต่ตัวผมยังไม่มีเลย ทุกอย่างหายเข้ากลีบเมฆไปเลย แต่คราวนี้ไม่ใช่ เราจะตีแผ่ให้หมด ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพราะคิดว่าเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแล้ว ต่อไปจะเป็นตัวอย่างว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ดี ต้องช่วยกันป้องกัน ส่วนกรณีที่ต่างฝ่ายต่างหยิบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมาพูด ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเชื่อฝั่งไหน เพราะไม่ว่าจะมีเลือกตั้งหรือไม่มีเลือก ก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกเรา คอป.ยังทำงานตัวเป็นเกลียวต่อไป” นายคณิตกล่าว
**“สนธิ” ติงปราศรัยราชประสงค์ ส่อยั่วยุ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์จะปราศรัยก็น่าจะหาสถานที่อื่นที่ไม่ใช่สี่แยกราชประสงค์ ส่วนที่บอกว่าจะไม่กีดขวางจราจรนั้น เมื่อเป็นพรรคการเมืองไม่ได้เป็นภาคประชาชนก็ควรไปใช้สนามหลวง เรื่องนี้ประเด็นอยู่ตรงที่ทำไมต้องใช้สถานที่บริเวณราชประสงค์ การกระทำเช่นนี้น่าจะกลายเป็นการยั่วยุมากกว่าซึ่งตนไม่เห็นด้วย และไม่ควรทำอย่างยิ่ง และเหตุผลที่นายสุเทพ อ้างว่าใช้สถานที่เพื่อจะชี้แจงข้อกล่าวหานายอภิสิทธิ์ เรื่องนี้ไม่ต้องชี้แจงแล้ว เพราะผลการกระทำเกิดขึ้นว่าได้มีการชุมนุม เผาบ้านเผาเมืองจริง
“คำถามมีอยู่ว่า ก่อนที่จะมีการดำเนินการไปสู่ความรุนแรง ทำไมนายอภิสิทธิ์ถึงไม่ใช้อำนาจและจัดการให้เด็ดขาด ซึ่งยิ่งแก้ข้อกล่าวหาเท่าไร ก็ยิ่งเห็นความอ่อนแอของนายอภิสิทธิ์ ไม่ว่าจะพรรคการเมืองใด ก็ไม่ควรใช้สถานที่นี้ ไม่ถูกต้อง พรรคการเมืองไม่ควรใช้สถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ความขัดแย้ง ราชประสงค์นี่ไม่ควร จะไปหาเสียงที่อื่นก็ไปหาเถอะไม่เป็นไร” นายสนธิระบุ
**อัดกรุงเทพโพล ชื่นชอบเอแบค-ดุสิต
อีกเรื่อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงโพลที่ออกมาประชาธิปัตย์ยังตามหลังพรรคเพื่อไทยอยู่ ว่า ถ้าเป็นกรุงเทพโพลล์ไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว ไม่เคยดีเลยตั้งแต่ 2 ปีกว่ามาแล้ว แต่โพลของเอแบคโพลล์กับสวนดุสิตโพลล์ตนว่าบ่งบอกอะไรหลายอย่าง เพราะตอนนี้ส่วนต่างของคะแนนจะแคบลง และเราก็มั่นใจว่าเมื่อประชาชนได้มองเห็นรายละเอียดความแตกต่างในนโยบาย เช่น เรื่องจำนำกับประกัน การศึกษาเรียนฟรีหรือจะเอาคอมพิวเตอร์แจกเด็ก รวมไปถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเรื่องการนิรโทษกรรมล้างความผิดคืนเงิน 4.6 หมื่นล้าน ตนว่าประชาชนจะตัดสินใจง่ายขึ้น ไปจนถึงบทบาทของการทำหน้าที่ทางการเมืองที่กลุ่มคนเสื้อแดงที่มีแกนนำอยู่ในบัญชีรายชื่อก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่จะชี้ทุกอย่าง
**น้องเอม เปิดตัวช่วยหาเสียงพท.
รายงานแจ้งว่า วันที่ 24 มิ.ย.นี้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนนานาชาติฮาร์ดโร ย่านทุ่งสีกัน ดอนเมือง ของลูกชายในช่วงเช้า และในช่วงบ่ายจะเดินโดยเฮลิคอปเตอร์มาปราศรัยที่ จ.ชัยภูมิ
ขณะที่ 3 พี่น้องตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะ น.ส.พินทองทา ชินวัตร (เอม) จะร่วมหาเสียงให้ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยที่เขตห้วยขวาง โดยมีกระแสข่าวในเดือนธันวาคมนี้ น.ส.พินทองทา จะเข้าสมรสกับสถาปนิกหนุ่ม ทายาทนักธุรกิจเสื้อผ้าส่งออกและอสังหาริมทรัพย์