xs
xsm
sm
md
lg

ตร.รอพิสูจน์ใครชน"หมอ"-"พ.อ."กลับคำไม่ได้โต้เถียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจรอหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนแจ้งข้อหาคนชน"หมอมุก" ยอมรับสังคมเคลือบแคลงใครคือผู้กระทำความผิดตัวจริง ขณะที่เมีย พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ให้การตำรวจยันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด "พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์"กลับคำไม่ได้เถียงหมอมุก "พล.อ.ประวิตร"ยันกองทัพไม่ปกป้องลูกน้อง ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

วานนี้(23 มิ.ย.)เวลา 11.30 น.ที่ สน.พญาไท พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กองกลางสำนักงานปลัดบัญชีทหาร ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าขับรถชน พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา แพทย์ รพ.พระมงกุฎ ได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางมาที่ สน.พญาไท พร้อมด้วย นางสภาวัน ภู่กลั่น ภรรยา โดยนางสภาวัน แต่งกายในชุดเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงขายาวสีชมพู สวมหมวกปีกกว้างสีชมพู มีผ้าปิดบังใบหน้ามิดชิดลายลูกไม้สีเข้ม สวมแว่นตาสีดำ พร้อมด้วยทนายความและนายทหารพระธรรมนูญ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.เทพพิทักษ์ แสงกล้า พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.พญาไท เจ้าของคดี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ใช้ห้องประชุมชั้น 2 ของ สน.ในการสอบปากคำ โดยมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.1 พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รองผกก.สส.สน.พญาไท ร่วมทำการสอบปากคำ

พล.ต.ต.วิชัย เปิดเผยก่อนการสอบปากคำว่า ได้เชิญ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มาให้ปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับเชิญนางสภาวัน ภรรยา มาให้ปากคำในฐานะพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวนการสอบสวนคงไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับใคร เพราะคำให้การยังไม่ตรงกัน จึงต้องสอบสวนให้ชัดเจน และพิสูจน์ตัวบุคคลว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด เพราะขณะนี้สังคมเคลือบแคลงว่าใครเป็นผู้กระทำความผิดตัวจริง โดยคดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก ส่วนจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและหลังจากเกิดเหตุ ก็มีความสมบูรณ์มากและเป็นหลักฐานที่ดี

“ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งพยานแวดล้อม ประจักษ์พยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะนำหลักฐานทั้งหมดมาเปรียบเทียบกับหลักฐานที่มีอยู่ ซึ่งถ้าข้อมูลตรงกันก็จะแจ้งข้อกล่าวหากับ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าหากพยานหลักฐานไม่ตรงกัน ก็จะต้องสืบสวนไปถึงผู้กระทำความผิดตัวจริงต่อไป” พล.ต.ต.วิชัย กล่าวและว่า ส่วนลูกสาว ของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ และเพื่อนลูกสาวที่อยู่ในเหตุการณ์ คาดว่าจะนัดมาให้ปากคำประมาณ 1-2 วันนี้ เนื่องจากกำลังอยู่ระหว่างช่วงสอบ เมื่อถามเรื่องทหารยศ พ.ท.ที่มีกระแสข่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ พล.ต.ต.วิชัย ตอบว่า ยังไม่ได้เรียกมาสอบแต่อย่างใด

**เมีย"พ.อ."ยันเห็นเหตุการณ์จริง**

พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำนางสภาวัน เบื้องต้นให้การว่าอยู่ในเหตุการณ์จริง และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งยืนยันตรงกันกับคำให้การของทาง พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่ได้ให้การไว้ก่อนหน้า นอกจากนี้ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังได้นำภาพถ่ายในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายไว้ก่อนเกิดเหตุซึ่งถือว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญมามอบให้พนักงานสอบสวน หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่รอผลตรวจจากทางนิติวิทยาศาสตร์โดยกองพิสูจน์หลักฐานส่งมาให้เพื่อรวบรวมประกอบสำนวนคดีต่อไป

นางสภาวัน กล่าวเพียงสั้นๆว่า ได้เดินทางมาให้การในฐานะพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนรายละเอียดจะแจ้งให้กับพนักงานสอบสวนเท่านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีอะไรจะฝากถึงหมอมุกหรือไม่ นางสภาวัน กล่าวว่า ขอให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่า เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ายืนยันหรือไม่ ว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ขับขี่ชนหมอมุก นางสภาวัน กล่าวว่า “ขอให้การกับตำรวจค่ะ”

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบปากคำ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ และนางสภาวัน ภรรยา โดยใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง โดยเจ้าหน้าที่ได้นำกล้องวีดีโอ มาทำการบันทึกการสอบปากคำในครั้งนี้ด้วย รวมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเก็บรอยนิ้วมือและดีเอ็นเอ ของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ และนางสภาวัน เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐาน บริเวณรถโตโยต้า แคมรี่ สีบรอนทอง หมายเลขทะเบียน สต 4065 กรุงเทพ ของหมอมุก

**รอหลักฐานพิสูจน์ใครชน"หมอมุก"***

ต่อมา เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.อำนวย เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำว่า การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่ครบ โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนทำให้เห็นภาพไม่ชัดเจน จึงต้องให้ฝ่ายเทคนิคปรับภาพให้ชัดขึ้น เพื่อตรวจสอบว่ามีตัวละครใดและเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นอย่างไร แม้เวลานี้ในทางคดีจะมีหลักฐานมากพอสมควร แต่เจ้าหน้าที่จะยังไม่สรุปอะไร จนกว่าจะได้หลักฐานครบทั้งหมดจากกองพิสูจน์หลักฐาน

พล.ต.ต.อำนวย กล่าวอีกว่า ทางคดีเจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ใน 2 ประเด็น คือ พิสูจน์ว่าใครเป็นผู้กระทำผิด และมีความผิดฐานใด ผลตรวจดีเอ็นเอภายในรถ จะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเพื่อพิสูจน์ตัวบุคคลที่อยู่ภายในรถได้และใครนั่งอยู่ตรงไหน โดยขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 70-80% ดังนั้นจึงไม่อยากให้เร่งรัด เจ้าหน้าที่ต้องทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบจากหลักฐานที่มีทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นดีเอ็นเอ วงจรปิด ประจักษ์พยาน พยานวัตถุ พยานแวดล้อม ส่วนทางกองทัพก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และไม่มีการโน้มน้าวกดดันเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด เมื่อถามว่าเป็นการจับแพะหรือไม่ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่ทำสำนวนไปตามกระแส และมั่นใจว่าคดีมีความสมบูรณ์ไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน

**"พ.อ.ศักดิ์สิทธิ"กลับคำไม่ได้เถียงหมอมุก**

ด้าน พ.อ.ศักดิ์สิทธิ เปิดเผยว่า ตนพาภรรยามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำ และตนเองก็ได้ให้ปากคำเพิ่มเติม “ผมยืนยันและยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขับรถในวันนั้น ผมรู้สึกเสียใจและขอรับผิดในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” เมื่อถามว่าเหตุการณ์ในวันนั้นทำไมถึงไม่ยอมหยุดรถ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุผมขับรถวนไปวนมา2 รอบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น พ.อ.ศักดิ์สิทธิ ได้หยุดพูดพร้อมหยิบภาพถ่ายขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะยกมือไหว้สื่อมวลชน และเดินน้ำตาคลอเบ้าออกไปจากห้องประชุมโดยทันที โดยมีผู้สื่อข่าวเดินตามไปและถามว่า มีการโต้เถียงกับหมอมุก จริงหรือไม่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ กล่าวว่า “ไม่ครับ ผมไม่รู้จักเค้า”

ด้าน พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส. กล่าวว่า จากคำให้การของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ และนางสภาวัน ภู่กลั่น ภรรยา ซึ่งทั้งคู่ได้ให้การสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยเบื้องต้นคาดว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ น่าจะเป็นคนขับรถจริง แต่อย่างไรก็ตามจะต้องรอสอบปากคำลูกสาวและเพื่อนลูกสาว ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่เนื่องจากทั้งสองอยู่ระหว่างการสอบในระดับอุดมศึกษา อีกประมาณ 2-3 วัน ถึงจะเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่าไม่มีตัวละครเพิ่มเติม ส่วนเรื่องพ.ญ.พรรณกร อิ่มวิทยา แม่หมอมุก บอกว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ ไม่ได้เป็นคนชนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ก็ต้องหาความจริงโดยตรวจพิสูจน์จากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อไป

**"ประวิตร"ยันกองทัพไม่ปกป้องลูกน้อง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และฝ่ายทหารได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ตนได้กำชับไปยัง รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ ให้ดูแลหมอมุกอย่างเต็มที่ ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ทหารที่เข้ามารับสารภาพเป็นตัวจริงหรือไม่นั้น ตนไม่ขอพูดดีกว่า ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน เราอย่าเข้าไปก้าวก่าย เพราะเราไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่รู้ เมื่อถามว่า กองทัพยืนยันจะไม่ปกป้องลูกน้อง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่ใช่เรื่องของหน่วยงานอย่าเอาไปผูกกัน ทั้งนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าการตรวจสอบรถยนต์ที่ก่อเหตุ ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงสอบสวนและรายงานตามขั้นตอน
กำลังโหลดความคิดเห็น