การออกหน้ารับผิดแทนเพื่อน แทนพี่ แทนน้อง นับว่าเป็นผู้ที่มีน้ำใจอันประเสริฐ แต่การออกหน้ามาปกป้องคนผิด จะนับว่าเป็นผู้มีน้ำใจอันประเสริฐนั้นหามิได้ กรณีดังกล่าว ยังเป็นข้อกังขาของสังคม ในคดีที่พ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ผอ.กกล.สปช.ทหาร (ผู้อำนวยการกองกลาง สำนักงานบัญชีทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย) ที่ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนสน.พญาไท โดยอ้างว่าเป็นผู้ขับรถ คันที่เกิดเหตุชนพ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก อายุ 34 ปี แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า แต่ว่า ไม่ได้ขับพุ่งชน กลับเป็น"หมอมุก"เองที่กระโดดมาชนรถ เพราะอาจจะดูหนังฝรั่งมากเกินไป
ทั้งนี้ ระหว่างที่ พ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ กำลังให้การอย่างเป็นตุเป็นตะ กับพนักงานสอบสวน โดยมีสื่อมวลชนรุมล้อมถ่ายทอดคำให้การออกมาให้สังคมรับทราบนั้น นายทหารพระธรรมนูญที่เดินทางมาด้วย ได้เข้ากระซิบที่ข้างหูพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฉับพลันนั้นเอง ราวกับว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ถูกถอดปลั๊ก นั่งนิ่งเงียบ ไม่ได้เอ่ยเอื้อนอะไรออกมาอีก เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงหลุดออกจากปาก ฉะนั้น!
พ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ เป็นชายชาติทหารที่สำเร็จมาจากรั้วโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 32 (จปร.32) เพื่อนๆเรียกกันว่า"หม่อง" ลูกน้องอาจจะเรียก"เสธ.หม่อง" หรือ"ผู้พันหม่อง" ก็แล้วแต่สถานะ ซึ่งกรณีนี้ เราเชื่อว่า เพื่อนร่วมรุ่นจปร.32 รู้กันอยู่เต็มอกว่า "เพื่อนหม่อง" เป็นโชเฟอร์ตีนผีคันนั้นหรือไม่ หรือเป็น"แพะ" ที่ออกมายืดอกรับผิดแทนผู้อื่นตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางบนโลกของอินเตอร์เน็ต
ประการสำคัญ หนึ่งในคำให้การของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยอมรับว่า "ลูกสาว"เป็นผู้ที่ไปเขียนบนกระจกรถหมอมุกว่า "จอดรถไม่มีมารยาท" ซึ่งประเด็นนี้ หากผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานหลักฐานต่างๆออกมาว่าพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เป็นผู้ขับรถคันที่ชน"หมอมุก"จริง นั่นย่อมแสดงว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้จับมือที่ขาวสะอาดของบุตรสาว ให้กลายเป็นมือที่เปื้อนเลือดไปด้วยเสียแล้ว และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ หญิงสาวตัวเล็กๆจะยืนอยู่บนสังคมนี้ในอนาคตได้อย่างไร
ในโลกของสังคมออนไลน์ของคดีนี้ ได้กล่าวถึงตัวละครอีกตัว ซึ่งมียศ"พ.ท." เป็นชายชาติทหารจากรั้วจปร.เช่นเดียวกัน เป็นรุ่นน้องของพ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ถึง 7 รุ่น ทว่ารุ่นน้องคนนี้ ซึ่งมีรูปร่างค่อนข้างท้วม ตัวใหญ่กว่าพ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์)นั้น ว่ากันว่า เป็นลูกชายนายพลเอก นอกราชการ ซึ่งเป็นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของ"เสธ.มาเฟียสีขี้ม้า" ที่ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นรุ่นใหญ่ รุ่นเดอะ! ซ้ำรุ่นน้องคนที่ว่านี้ ยังเป็นศิษย์ก้นกุฏิของ "เสธ.มาเฟียสีขี้ม้า"คนดังกล่าวด้วย
ไม่มีบทสรุปที่ยืนยันว่า หากพ.ท.รุ่นน้องคนที่ว่า เป็นโชเฟอร์รถคันที่พุ่งชนหมอมุกจริง เพราะเหตุใด พ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ออกมารับผิดแทน จะว่าเป็นการทดแทนคุณของนายหรือ ก็อาจเป็นได้ แต่การที่ได้นำชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กล่าวอ้างถึงพฤติกรรมบุตรสาวที่สังคมอาจไม่ยอมรับ ทั้งยังทำให้จปร.32 พลอยแปดเปื้อนมลทินไปด้วยนั้น คุ้มค่าหรือไม่?
กรณีดังกล่าว นอกจากจะเป็นบทพิสูจน์ของ"ชายชาติทหาร"แล้ว ยังเป็นบทพิสูจน์ของ"ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์"ไปพร้อมๆกันด้วย ซึ่งต้องคอยจับตาดูกันต่อไปว่า คดีนี้ จะออกมาหัวหรือก้อย แต่ที่แน่ๆ เราจะไม่ยอมให้"หมอมุก"ต้องนอนรักษาตัวอยู่กับแม่และเพื่อนๆอย่างเดียวดายมาถึง 9 วันอีกแน่นอน!
ทั้งนี้ ระหว่างที่ พ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ กำลังให้การอย่างเป็นตุเป็นตะ กับพนักงานสอบสวน โดยมีสื่อมวลชนรุมล้อมถ่ายทอดคำให้การออกมาให้สังคมรับทราบนั้น นายทหารพระธรรมนูญที่เดินทางมาด้วย ได้เข้ากระซิบที่ข้างหูพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ฉับพลันนั้นเอง ราวกับว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ถูกถอดปลั๊ก นั่งนิ่งเงียบ ไม่ได้เอ่ยเอื้อนอะไรออกมาอีก เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงหลุดออกจากปาก ฉะนั้น!
พ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ เป็นชายชาติทหารที่สำเร็จมาจากรั้วโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 32 (จปร.32) เพื่อนๆเรียกกันว่า"หม่อง" ลูกน้องอาจจะเรียก"เสธ.หม่อง" หรือ"ผู้พันหม่อง" ก็แล้วแต่สถานะ ซึ่งกรณีนี้ เราเชื่อว่า เพื่อนร่วมรุ่นจปร.32 รู้กันอยู่เต็มอกว่า "เพื่อนหม่อง" เป็นโชเฟอร์ตีนผีคันนั้นหรือไม่ หรือเป็น"แพะ" ที่ออกมายืดอกรับผิดแทนผู้อื่นตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางบนโลกของอินเตอร์เน็ต
ประการสำคัญ หนึ่งในคำให้การของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยอมรับว่า "ลูกสาว"เป็นผู้ที่ไปเขียนบนกระจกรถหมอมุกว่า "จอดรถไม่มีมารยาท" ซึ่งประเด็นนี้ หากผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานหลักฐานต่างๆออกมาว่าพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้เป็นผู้ขับรถคันที่ชน"หมอมุก"จริง นั่นย่อมแสดงว่า พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ได้จับมือที่ขาวสะอาดของบุตรสาว ให้กลายเป็นมือที่เปื้อนเลือดไปด้วยเสียแล้ว และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ หญิงสาวตัวเล็กๆจะยืนอยู่บนสังคมนี้ในอนาคตได้อย่างไร
ในโลกของสังคมออนไลน์ของคดีนี้ ได้กล่าวถึงตัวละครอีกตัว ซึ่งมียศ"พ.ท." เป็นชายชาติทหารจากรั้วจปร.เช่นเดียวกัน เป็นรุ่นน้องของพ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ถึง 7 รุ่น ทว่ารุ่นน้องคนนี้ ซึ่งมีรูปร่างค่อนข้างท้วม ตัวใหญ่กว่าพ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์)นั้น ว่ากันว่า เป็นลูกชายนายพลเอก นอกราชการ ซึ่งเป็นเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของ"เสธ.มาเฟียสีขี้ม้า" ที่ถูกกล่าวขานกันว่าเป็นรุ่นใหญ่ รุ่นเดอะ! ซ้ำรุ่นน้องคนที่ว่านี้ ยังเป็นศิษย์ก้นกุฏิของ "เสธ.มาเฟียสีขี้ม้า"คนดังกล่าวด้วย
ไม่มีบทสรุปที่ยืนยันว่า หากพ.ท.รุ่นน้องคนที่ว่า เป็นโชเฟอร์รถคันที่พุ่งชนหมอมุกจริง เพราะเหตุใด พ.อ.(พิเศษ)ศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ออกมารับผิดแทน จะว่าเป็นการทดแทนคุณของนายหรือ ก็อาจเป็นได้ แต่การที่ได้นำชื่อเสียงวงศ์ตระกูล ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กล่าวอ้างถึงพฤติกรรมบุตรสาวที่สังคมอาจไม่ยอมรับ ทั้งยังทำให้จปร.32 พลอยแปดเปื้อนมลทินไปด้วยนั้น คุ้มค่าหรือไม่?
กรณีดังกล่าว นอกจากจะเป็นบทพิสูจน์ของ"ชายชาติทหาร"แล้ว ยังเป็นบทพิสูจน์ของ"ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์"ไปพร้อมๆกันด้วย ซึ่งต้องคอยจับตาดูกันต่อไปว่า คดีนี้ จะออกมาหัวหรือก้อย แต่ที่แน่ๆ เราจะไม่ยอมให้"หมอมุก"ต้องนอนรักษาตัวอยู่กับแม่และเพื่อนๆอย่างเดียวดายมาถึง 9 วันอีกแน่นอน!