หมอมุกดีขึ้นเป็นลำดับ แม่มั่นใจลูกจะหายขาดและกลับมาทำงานปกติ พร้อมดูรูปตามข่าวลูกสาว “พ.อ.” เข้าให้ปากคำ และส่ายหน้าบอกว่า “ปกปิดหน้าขนาดนี้ ใครจะจำได้” ขณะที่ “อภิสิทธิ์” เข้าเยี่ยมอาการหมอมุกด้วย ส่วน “ผู้การแต้ม” เผยจะเรียก “พ.อ” ไปชี้จุดเกิดเหตุแต่ละจุด เพื่อนำประกอบสำนวนรวมกับผลตรวจ พฐ.ออกมาจะแจ้งข้อหาได้ทันที โดยไม่ต้องสอบปากคำ “หมอมุก” เพราะหลักฐานมีครบหมดแล้ว คาดสัปดาห์นี้ทุกอย่างจะชัดเจน จากนั้นจะนำตัว “พ.อ.” ขึ้นศาลทหาร โดยส่วนของ “หมอมุก” จะให้เล่าลำดับเหตุการณ์ ใครชนกันแน่ หากพูดไม่ตรงจะต้องรื้อสอบสวนใหม่
วันนี้ (5 ก.ค.) ที่หอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษ ชั้น 14/2 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา รพ.พระมงกุฎเกล้า พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุและเวชกรรมฉุกเฉิน รพ.พระมงกุฎเกล้า กล่าวถึงอาการล่าสุดของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า ว่า ขณะนี้อาการดีขึ้นมาก สมองไม่บวม เดินโดยใช้ไม้เท้าช่วยพยุง ซึ่งนักกายภาพบำบัดใช้แรงช่วยน้อยลงสามารถเดินได้ประมาณ 20 เมตร ใช้มือขวาตักอาหารทานเองได้แล้ว โดยวันนี้รับประทานข้าวต้ม 1 ถ้วย และรับประทานผลไม้ ซึ่งการกินผลไม้เป็นสัญญาณที่ดี เพราะผู้ป่วยสามารถแยกคายเมล็ดได้ แพทย์ได้ถอดสายยางให้อาหารออกแล้ว ส่วนการพูดตอนนี้ยังพูดไม่ได้ แต่บางครั้งเวลาหัวเราะจะมีเสียงออกมา ในช่วงบ่ายแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูจะมาทำกิจกรรมบำบัด โดยจะนำเกมฝึกทักษะง่ายๆ มาให้ทำ เช่น เกมจับคู่ ห่วงใส่แกนไม้
ด้าน พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาหมอมุก กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้หมอมุก และขอบคุณทุกคนที่ติดตามข่าว ทุกวันนี้มีของเยี่ยมมาให้หมอมุกไม่ขาด หมอมุกสามารถยืนทรงตัวได้ดีขึ้น มีเสียงออกมาบางครั้ง แต่ยังไม่เป็นประโยค สามารถตักอาหารทานได้ด้วยตัวเอง จะต้องฝึกให้ได้มากขึ้น ส่วนจะสามารถพัฒนาได้ถึงแค่ไหนคงต้องใช้เวลา และทำไปตามขั้นตอน ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าจะหายขาด และสามารถกลับมาทำงานได้ตามปกติ ซึ่งเมื่อแม่ของหมอมุกเห็นภาพถ่ายที่ลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น ที่เข้าให้ปากคำที่ สน.พญาไทเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามว่ารู้จักหรือจำได้ไหม แม่หมอมุกก็ส่ายหน้า แล้วพูดเพียงสั้นๆ ว่า “ปกปิดหน้าขนาดนี้ ใครจะจำได้”
ขณะที่ นายกอสล้าง วรรณรสพากย์ ญาติผู้พี่ กล่าวว่า ทางครอบครัวได้คุยปรึกษาหารือกันได้ตั้งทนาย เพื่อมอบให้ตนเป็นผู้ดูแลด้านคดีแทน พญ.พรรณกร ในสัปดาห์หน้า ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้พญ.พรรณกร ไปดูเทปวงจรปิดขณะเกิดเหตุที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเรียงลำดับเหตุการณ์ และให้ปากคำเพิ่มเติม ซึ่งตนก็จะเดินทางไปเป็นเพื่อนด้วย นอกจากนี้ พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณี รองผกก.สส.สน.พญาไท ติดต่อมาเพื่อให้หมอมุกให้ปากคำ ซึ่งตนได้บอกกับไปว่าทางด้านหมอมุกยังไม่พร้อม แต่ พ.ต.ท.โชติ กลับตอบว่า หากหมอยังให้การไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ใช่ประเด็น เพราะคดีที่มีเหตุรถชนคนตายทางเจ้าหน้าที่ยังสามารถนำสืบได้
ต่อมาเวลา 13.30 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าเยี่ยมอาการหมอมุก โดยมี พล.ต.นพ.ดิตถ์ สิงหเสนี ผู้อำนวยการ รพ.พระมงกุฎเกล้า พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุฯ และคณะให้การต้อนรับ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้ทักทายหมอมุก พร้อมกับจับมือกับหมอมุก ซึ่งหมอมุกได้ทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ให้กับนายอภิสิทธิ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส จากนั้นได้ร่วมเล่นเกมจับคู่กับหมอมุกพร้อมพูดคุยให้กำลังใจกับคุณแม่หมอมุกโดยใช้เวลากว่า 10 นาทีก่อนเดินทางกลับ
นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนได้เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจหมอมุกให้หายป่วยเร็วๆ เบื้องต้นแพทย์ได้บอกว่าอาการของหมอมุกดีขึ้นมาก แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูสมอง และต้องฝึกพูด ส่วนคดีความทางตำรวจยืนยันว่า มีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งตนได้กำชับว่าให้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ส่วนความเห็นเรื่องจับแพะหรือการช่วยเหลือผู้กระทำผิด ตนไม่มีความเห็นคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้ จะเดินทางไปไหนต่อหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ว่า ไม่ไปไหนแล้ว กลับบ้าน จะขังตัวเองอยู่ในบ้านแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ ลงมาจากชั้น 14 เพื่อออกมาขึ้นรถเดินทางกลับ ได้มีชายอายุประมาณ 60 ปี ยืนถือตีนตบตะโกนโห่ไล่นายอภิสิทธิ์ พร้อมทั้งตะโกนว่าคงไม่เจอกันอีกแล้ว และอย่ามาที่นี่อีก นอกจากนี้ ยังตะโกนด่าทอนายอภิสิทธิ์ว่าเป็นฆาตกร จิตใจโหดเหี้ยม ทำให้หญิงอายุประมาณ 50 ปี ที่เดินทางมารักษาตัว ตะโกนตอบโต้กลับไปว่า “ก็ยังดีกว่าพวกเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบมานำตัวชายคนดังกล่าวออกไป
ด้าน พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท เปิดเผยว่า หลังจากที่ น.ส.พิมพ์พิสุทธิ์ ภู่กลั่น บุตรสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน และตรวจดีเอ็นเอพร้อมทั้งเก็บลายนิ้วมือไปตรวจสอบแล้ว คาดว่าผลการตรวจพิสูจน์จากพฐ.น่าจะออกมาภายในสัปดาห์นี้ ส่วนรายละเอียดในการสอบสวนนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ น.ส.พิมพ์พิสุทธิ์ ให้การยืนยันว่าพ่อเป็นคนขับรถในวันเกิดเหตุ ซึ่งคงจะไม่ต้องเรียก น.ส.พิมพ์พิสุทธิ์ มาให้ปากคำอีก เพราะได้สอบปากคำไปครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว เหลือเพียงเพื่อนของลูกสาวที่จะต้องเดินทางมา แต่ยังไม่ได้มีการประสานกับตำรวจว่าจะเข้ามาวันใด
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 กล่าวว่า หลังจากนี้ จะเรียกเพื่อนของลูกสาวพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มาให้ปากคำด้วย เนื่องจากอยู่นั่งอยู่ในรถขณะเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานไปแล้ว คาดว่าจะเข้ามาให้ปากคำภายในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะเรียก พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เข้าพบด้วย เพื่อพาไปชี้จุดเกิดเหตุ แต่ละจุดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และอยู่ตรงจุดไหนบ้าง เพื่อเอาไปประกอบสำนวน จากนั้นเมื่อผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานออกมาก็จะสามารถแจ้งข้อหาได้ทันที โดยไม่ต้องสอบปากคำหมอมุก เพราะหลักฐานต่างๆ มีครบหมดแล้ว
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวอีกว่า ส่วนจะแจ้งข้อหาอะไรนั้นยังไม่สามารถเปิดเผยได้รอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนอย่างแน่นอน ซึ่งภายหลังจากแจ้งข้อหาแล้วก็ต้องนำตัว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ไปขึ้นศาลทหาร เนื่องจาก พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เป็นทหาร แล้วในส่วนของหมอมุกก็จะเป็นการสอบปากคำว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร โดยให้เล่าลำดับเหตุการณ์ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และใครเป็นคนชนกันแน่ แต่หากหมอมุกพูดไม่ตรงกันก็จะต้องมีการรื้อสอบสวนกันใหม่ เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป