"หมอมุก"สดใสขึ้น พยุงตัวยืนเองได้ คาดออกจากห้องไอซียูวันนี้ แม่ ยันไม่มียอมความ ดำเนินคดีถึงที่สุด ชี้คนก่อเหตุโหดร้าย ใจดำ อำมหิต เป็นภัยสังคม ขณะที่ รองผบก.น.1 คาด 2-3 วันจะได้ข้อสรุปผลตรวจสอบเสื้อผ้า "พ.อ." ตรงกับคนที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ในวันเกิดเหตุหรือไม่ ยันไม่มีการช่วยปกปิด -เปลี่ยนแปลงแก้ไขคดีแน่
วานนี้(30 มิ.ย.) ที่หออภิบาลผู้ป่วยหนัก อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่ง พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า พักรักษาตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าทีมกายภาพได้ทำการกายภาพบำบัดหมอมุก เป็นเวลานานประมาณ 30 นาที โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก คอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งหมอมุก มีสีหน้าที่สดใสขึ้น สามารถพยักหน้ารับรู้และปฏิบัติตามคำสั่งต่างๆ ได้ เช่น การลุกยืน ใช้ช้อนตักน้ำจากแก้วเข้าปาก จับและเปิดหนังสือได้ถูกทิศทาง และยังมีคนนำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมพร้อมเซ็นต์หนังสือให้กำลังใจไม่ขาดสาย
หลังเสร็จสิ้นการกายภาพบำบัด พ.ญ.พรรณกร เปิดเผยความคืบหน้าอาการล่าสุดของหมอมุก ว่า ขณะนี้หมอมุก อาการดีขึ้นมาก หน้าตาที่สดใส และยิ้มให้เมื่อรู้ว่าแม่มาเยี่ยม โดย หมอมุก สามารถพยุงตัวเองให้ยืนได้ โดยที่นักกายภาพบำบัดไม่ต้องออกแรงช่วยพยุงมาก นอกจากนี้ หมอมุก ยังสามารถเปิดหนังสือดูภาพประกอบได้อย่างถูกทิศ ไม่กลับหัว ซึ่งถือว่าสมองฟื้นฟูได้ดีขึ้น อีกทั้งสมองที่เคยบวม ขณะนี้ก็ลดลงเช่นกัน โดยคาดว่าจะสามารถย้ายออกจากห้องไอซียูได้ในวันนี้(1 ก.ค.) ซึ่งตอนนี้อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะถือว่าดีขึ้นมาก และเข้าใจว่าอาการกระทบกระเทือนทางสมองต้องใช้เวลา
ส่วนเรื่องคดีความ พ.ญ.พรรณกร ยืนยันว่า ไม่มีการยอมความกับผู้ที่ขับรถชนหมอมุก อย่างแน่นอน โดยจะให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุเป็นคนโหดร้าย ใจดำ อำมหิต เป็นภัยต่อสังคมและมีเจตนาจะฆ่าหมอมุก ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนมากติดต่อเข้ามาเพื่อจะมอบเงินช่วยเหลือหมอมุก แต่คิดว่าอยากให้เงินส่วนนี้เป็นการทำบุญกุศลร่วมกันและส่งผลบุญนี้ไปยังหมอมุกมากๆ จึงได้ประสานกับมูลนิธิผู้ป่วยอุบัติเหตุด้านสมอง ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยด้านนี้ เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง
ยังไม่สอบปากคำลูก พ.อ.
พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 เปิดเผยความคืบหน้าคดีของคดีว่า เหลือเพียงรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐาน และการสอบปากคำลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น และหมอมุก ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ ส่วนลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่ได้นัดหมายว่าจะเข้าให้ปากคำวันไหนและสถานที่ใด ซึ่งในการสอบปากคำสามารถสอบปากคำในสถานที่ที่เหมาะสมที่ใดก็ได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาที่ สน.พญาไท โดยจะพิจารณาจากความเหมาะสม ความเป็นธรรม ความสะดวกและไม่ถูกรบกวน เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยุติธรรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ขณะนี้ยังไม่มีความกระจ่าง เนื่องจากต้องรอหลักฐานลายนิ้วมือลูกสาวของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ นั้น พ.ต.อ.วีรวิทย์ กล่าวว่า ตรงนี้ก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ซึ่งลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังอายุไม่ถึง 20 ปี จึงต้องพิจารณาว่าจะสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ต้องรอความพร้อมของลูกสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนหลักฐานอื่นๆ ขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) อยู่ระหว่างการใช้กระบวนการทางเทคนิคทำภาพจากกล้องวงจรปิดให้มีความชัดเจนขึ้น เพราะตอนแรกที่เอาภาพมาดูตำรวจเองก็ดูไม่รู้เรื่อง และหลังจากที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เอาเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุส่งไปให้ พฐ. ตรวจสอบ ซึ่งคาดว่า 2-3 วัน น่าจะสามารถสรุปผลที่ชัดเจน
วานนี้(30 มิ.ย.) ที่หออภิบาลผู้ป่วยหนัก อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก รพ.พระมงกุฎเกล้า ซึ่ง พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือ หมอมุก แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้า พักรักษาตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าทีมกายภาพได้ทำการกายภาพบำบัดหมอมุก เป็นเวลานานประมาณ 30 นาที โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก คอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งหมอมุก มีสีหน้าที่สดใสขึ้น สามารถพยักหน้ารับรู้และปฏิบัติตามคำสั่งต่างๆ ได้ เช่น การลุกยืน ใช้ช้อนตักน้ำจากแก้วเข้าปาก จับและเปิดหนังสือได้ถูกทิศทาง และยังมีคนนำกระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมพร้อมเซ็นต์หนังสือให้กำลังใจไม่ขาดสาย
หลังเสร็จสิ้นการกายภาพบำบัด พ.ญ.พรรณกร เปิดเผยความคืบหน้าอาการล่าสุดของหมอมุก ว่า ขณะนี้หมอมุก อาการดีขึ้นมาก หน้าตาที่สดใส และยิ้มให้เมื่อรู้ว่าแม่มาเยี่ยม โดย หมอมุก สามารถพยุงตัวเองให้ยืนได้ โดยที่นักกายภาพบำบัดไม่ต้องออกแรงช่วยพยุงมาก นอกจากนี้ หมอมุก ยังสามารถเปิดหนังสือดูภาพประกอบได้อย่างถูกทิศ ไม่กลับหัว ซึ่งถือว่าสมองฟื้นฟูได้ดีขึ้น อีกทั้งสมองที่เคยบวม ขณะนี้ก็ลดลงเช่นกัน โดยคาดว่าจะสามารถย้ายออกจากห้องไอซียูได้ในวันนี้(1 ก.ค.) ซึ่งตอนนี้อาการไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเพราะถือว่าดีขึ้นมาก และเข้าใจว่าอาการกระทบกระเทือนทางสมองต้องใช้เวลา
ส่วนเรื่องคดีความ พ.ญ.พรรณกร ยืนยันว่า ไม่มีการยอมความกับผู้ที่ขับรถชนหมอมุก อย่างแน่นอน โดยจะให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ที่ก่อเหตุเป็นคนโหดร้าย ใจดำ อำมหิต เป็นภัยต่อสังคมและมีเจตนาจะฆ่าหมอมุก ทั้งนี้ มีประชาชนจำนวนมากติดต่อเข้ามาเพื่อจะมอบเงินช่วยเหลือหมอมุก แต่คิดว่าอยากให้เงินส่วนนี้เป็นการทำบุญกุศลร่วมกันและส่งผลบุญนี้ไปยังหมอมุกมากๆ จึงได้ประสานกับมูลนิธิผู้ป่วยอุบัติเหตุด้านสมอง ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยด้านนี้ เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง
ยังไม่สอบปากคำลูก พ.อ.
พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผบก.น.1 เปิดเผยความคืบหน้าคดีของคดีว่า เหลือเพียงรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐาน และการสอบปากคำลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น และหมอมุก ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญ ส่วนลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่ได้นัดหมายว่าจะเข้าให้ปากคำวันไหนและสถานที่ใด ซึ่งในการสอบปากคำสามารถสอบปากคำในสถานที่ที่เหมาะสมที่ใดก็ได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมาที่ สน.พญาไท โดยจะพิจารณาจากความเหมาะสม ความเป็นธรรม ความสะดวกและไม่ถูกรบกวน เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและยุติธรรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานที่ขณะนี้ยังไม่มีความกระจ่าง เนื่องจากต้องรอหลักฐานลายนิ้วมือลูกสาวของพ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ นั้น พ.ต.อ.วีรวิทย์ กล่าวว่า ตรงนี้ก็เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ซึ่งลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ยังอายุไม่ถึง 20 ปี จึงต้องพิจารณาว่าจะสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพหรือไม่ ถึงอย่างไรก็ต้องรอความพร้อมของลูกสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนหลักฐานอื่นๆ ขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) อยู่ระหว่างการใช้กระบวนการทางเทคนิคทำภาพจากกล้องวงจรปิดให้มีความชัดเจนขึ้น เพราะตอนแรกที่เอาภาพมาดูตำรวจเองก็ดูไม่รู้เรื่อง และหลังจากที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ เอาเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุส่งไปให้ พฐ. ตรวจสอบ ซึ่งคาดว่า 2-3 วัน น่าจะสามารถสรุปผลที่ชัดเจน