“ผู้การแต้ม” เผยลูกสาว “พ.อ.” จะให้ปากคำได้ภายในสัปดาห์นี้ก่อนวันเลือกตั้งแน่นอน ส่วนสถานที่ยังไม่ชัดเจน ขณะที่ “หมอมุก” แพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าสอบปากคำ หากได้ข้อมูลจาก พฐ. และสอบปากคำทุกฝ่ายครบถ้วนก็จะแจ้งข้อหาคนทำผิดได้ ยันตำรวจไม่ได้ยื้อเวลา ด้านอาการหมอมุกดีขึ้นมาก สามารถลุก นั่ง-เดิน-หัวเราะ พร้อมพูดชมพยาบาลว่า “สวย” ได้ด้วย
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยความคืบหน้าคดีของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้าว่า ขณะนี้การสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งเหลือเพียงรอการสอบปากคำลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น และ พ.ต.พญ.หทัยพร ส่วนผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เหลืออีกไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็จะครบถ้วนแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปก็จะสามารถแจ้งข้อหาแก่ผู้ที่กระทำความผิดได้ ทั้งนี้ เบื้องต้นลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาให้ปากคำภายในสัปดาห์นี้ ก่อนวันที่ 3 ก.ค.แน่นอน แต่จะเป็นที่ไหนและเวลาใดยังไม่สามารถบอกได้ ส่วนการเข้าสอบปากคำหมอมุกที่รพ.นั้น ทางแพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าไป
ด้าน พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะทำการประสานกับลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะเดินทางมาให้ปากคำวันไหนและเวลาใด ซึ่งคาดว่าวันนี้จะได้คำตอบ ส่วนเรื่องการเข้าให้ปากคำที่ถูกมองว่าล่าช้านั้นไม่ใช่การยื้อเวลา แต่ตำรวจต้องรอผู้ที่จะเข้าให้ปากคำมีความพร้อมจริงๆ สำหรับสถานที่คงไม่ใช่ที่บ้านแน่นอน แต่จะเป็นที่ สน.พญาไท หรือที่ไหนนั้น ต้องรอการยืนยันจากเจ้าตัวในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไปตามขั้นตอนและให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด ไม่มีการช่วยเหลือ ปกปิดหรือแอบเข้ามาให้ปากคำกับตำรวจแน่นอน หากลูกสาวของ พ.อ.ศักดิสิทธิ์เข้ามาให้ปากคำ ทางพฐ.ก็จะสามารถนำลายนิ้วมือไปตรวจสอบ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานยืนยันความชัดเจนในคดีนี้
ด้านพ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (รองผบก.น.1) ดูแลงานสอบสวน เปิดเผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ส่วนผลการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆยังรอเหมือนเดิม ซึ่งขณะนี้ผลการตรวจสอบน่าจะอยู่กับทาง พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร. แล้ว ซึ่งต้องรอผลตรวจอย่างเป็นทางการทั้งหมดอีกครั้ง จึงจะสรุปได้ ส่วนกรณีที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น นำหลักฐานมาให้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งเสื้อผ้าและกล้องถ่ายภาพในวันเกิดเหตุนั้น ก็ได้ส่งให้ทาง สพฐ.ตร. ตรวจสอบอยู่ว่าภาพของหมอมุกที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ เป็นภาพจากกล้องตัวเดียวกันหรือไม่ เพราะหากเป็นภาพจากกล้องที่ถ่ายมาจริง ก็แสดงว่าภาพดังกล่าวได้ใช้ในวันเกิดเหตุจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่ยังไม่มาให้การนั้น ถือว่าบ่ายเบี่ยงหรือไม่ และทางตำรวจจะถึงกับออกหมายเรียกหรือไม่ พ.ต.อ.วีรวิทย์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขณะนั้น ซึ่งทราบว่าทางบุตรสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ก็พร้อมมาให้ปากคำอยู่แล้ว แต่ยังไม่พร้อมในหลายเรื่อง อีกทั้งไม่อยากมาให้ปากคำตอนนี้ เพราะมีบรรดาสื่อมวลชนจับตามองอยู่ ซึ่งเชื่อว่าหากพร้อมคงมาให้ปากคำแน่นอน
“หมอมุก” หัวเราะได้ พูดชมว่าพยาบาล “สวย”
ในวันเดียวกัน ที่หออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก พักรักษาตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมอมุกมีใบหน้าสดใส ทั้งยังยิ้มแย้มแจ่มใสให้แก่ผู้มาเยี่ยม และสื่อมวลชนที่ทำข่าว ซึ่งทีมกายภาพได้เข้าทำการกายภาพบำบัดหมอมุกเป็นเวลานานประมาณ 30 นาที โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุกคอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งทีมกายภาพได้ให้หมอมุกลองลุกนั่งจากเตียงคนไข้ จากนั้นให้ใช้วอล์กเกอร์พยุงตัวเองเพื่อยืนและเดินออกมาด้านหน้าที่พักรักษาตัวอยู่ 2-3 รอบ โดยหมอมุกสามารถปฏิบัติตามได้เป็นอย่างดี ซึ่ง พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ เพื่อนพ่อหมอมุก พร้อมลูกชายอีก 2 คนได้เดินทางมาเยี่ยมและเป็นกำลังใจในการทำกายภาพบำบัดด้วย
ภายหลังการทำกายภาพบำบัด พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและเวชการฉุกเฉิน เปิดเผยถึงอาการของหมอมุกล่าสุดว่า อาการหมอมุกดีขึ้นมาก ซึ่งจะย้ายไปพักฟื้นไปยังห้องผู้ป่วยพิเศษ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ หลังทำการกายภาพบำบัดในการพูดเสร็จแล้วในเวลาประมาณ 14.00 น. ส่วนความคืบหน้าการกายภาพบำบัดวันนี้หมอมุกสามารถลุกนั่ง และพาเดินโดยเครื่องช่วยได้ประมาณ 5 เมตร สำหรับสีหน้ายังยิ้มแย้ม และหัวเราะให้กับเด็กที่มาเยี่ยมได้ อีกทั้งยังสามารถชมคำว่า “สวย” กับพยาบาลที่มาดูแลได้ ส่วนการรับประทานอาหารสามารถกินและกลืนเองได้ 4-5 คำ ช่วยใส่เข็มขัด และเมื่อมีการไอก็มีการป้องปาก ซึ่งแสดงว่าการพัฒนาสมองกลับมาดีขึ้น
พ.อ.นพ.พีระพลกล่าวอีกว่า การกายภาพตอนนี้เน้นให้หมอมุกพยายามทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เช่น หวีผม ตักอาหาร ใส่เสื้อผ้า เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องใช้สมองหลายส่วน เพราะตอนนี้พัฒนาการสมองยังเหมือนเด็กเริ่มพูดเป็นคำๆ ส่วนความจำก็เหมือนกับต้องกรอเทปกลับไป ซึ่งต้องค่อยๆ รอให้ความจำกลับมาเองเรื่อยๆ โดยจากการประเมินคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพนักงานสอบสวนจะขอสอบปากคำหมอมุกเกี่ยวกับคดี ขณะนี้สามารถทำได้หรือไม่ พ.อ.นพ.พีระพลกล่าวว่า ตอนนี้หมอมุกยังไม่สามารถให้การได้ เพราะความจำหากย้อนไปถึงตอนที่เกิดเหตุคงเป็นเรื่องยาก และยังไม่สามารถพูดได้ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
ทั้งนี้ พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก ได้นำเงินบริจาคที่ได้จากประชาชนที่นำมามอบให้เพื่อช่วยเหลือในการรักษาหมอมุก มอบให้แก่ พ.อ.นพ.พีระพล เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยอุบัติเหตุด้านสมองของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เนื่องจากผู้ป่วยด้านนี้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เปิดเผยความคืบหน้าคดีของ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก แพทย์ประจำคลินิกผู้สูงอายุ รพ.พระมงกุฎเกล้าว่า ขณะนี้การสอบสวนมีความคืบหน้าไปมาก ซึ่งเหลือเพียงรอการสอบปากคำลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น และ พ.ต.พญ.หทัยพร ส่วนผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เหลืออีกไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็จะครบถ้วนแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปก็จะสามารถแจ้งข้อหาแก่ผู้ที่กระทำความผิดได้ ทั้งนี้ เบื้องต้นลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาให้ปากคำภายในสัปดาห์นี้ ก่อนวันที่ 3 ก.ค.แน่นอน แต่จะเป็นที่ไหนและเวลาใดยังไม่สามารถบอกได้ ส่วนการเข้าสอบปากคำหมอมุกที่รพ.นั้น ทางแพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าไป
ด้าน พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.พญาไท เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายวันนี้จะทำการประสานกับลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ว่าจะเดินทางมาให้ปากคำวันไหนและเวลาใด ซึ่งคาดว่าวันนี้จะได้คำตอบ ส่วนเรื่องการเข้าให้ปากคำที่ถูกมองว่าล่าช้านั้นไม่ใช่การยื้อเวลา แต่ตำรวจต้องรอผู้ที่จะเข้าให้ปากคำมีความพร้อมจริงๆ สำหรับสถานที่คงไม่ใช่ที่บ้านแน่นอน แต่จะเป็นที่ สน.พญาไท หรือที่ไหนนั้น ต้องรอการยืนยันจากเจ้าตัวในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีไปตามขั้นตอนและให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด ไม่มีการช่วยเหลือ ปกปิดหรือแอบเข้ามาให้ปากคำกับตำรวจแน่นอน หากลูกสาวของ พ.อ.ศักดิสิทธิ์เข้ามาให้ปากคำ ทางพฐ.ก็จะสามารถนำลายนิ้วมือไปตรวจสอบ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานยืนยันความชัดเจนในคดีนี้
ด้านพ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (รองผบก.น.1) ดูแลงานสอบสวน เปิดเผยว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกำลังอยู่ระหว่างสอบปากคำพยานเพิ่มเติม ส่วนผลการตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆยังรอเหมือนเดิม ซึ่งขณะนี้ผลการตรวจสอบน่าจะอยู่กับทาง พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผบช.สพฐ.ตร. แล้ว ซึ่งต้องรอผลตรวจอย่างเป็นทางการทั้งหมดอีกครั้ง จึงจะสรุปได้ ส่วนกรณีที่ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ภู่กลั่น นำหลักฐานมาให้เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งเสื้อผ้าและกล้องถ่ายภาพในวันเกิดเหตุนั้น ก็ได้ส่งให้ทาง สพฐ.ตร. ตรวจสอบอยู่ว่าภาพของหมอมุกที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้ เป็นภาพจากกล้องตัวเดียวกันหรือไม่ เพราะหากเป็นภาพจากกล้องที่ถ่ายมาจริง ก็แสดงว่าภาพดังกล่าวได้ใช้ในวันเกิดเหตุจริง
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีลูกสาวของ พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่ยังไม่มาให้การนั้น ถือว่าบ่ายเบี่ยงหรือไม่ และทางตำรวจจะถึงกับออกหมายเรียกหรือไม่ พ.ต.อ.วีรวิทย์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขณะนั้น ซึ่งทราบว่าทางบุตรสาว พ.อ.ศักดิ์สิทธิ์ ก็พร้อมมาให้ปากคำอยู่แล้ว แต่ยังไม่พร้อมในหลายเรื่อง อีกทั้งไม่อยากมาให้ปากคำตอนนี้ เพราะมีบรรดาสื่อมวลชนจับตามองอยู่ ซึ่งเชื่อว่าหากพร้อมคงมาให้ปากคำแน่นอน
“หมอมุก” หัวเราะได้ พูดชมว่าพยาบาล “สวย”
ในวันเดียวกัน ที่หออภิบาลผู้ป่วยหนัก (ICU) อาคารท่านผู้หญิงประภาศรี กำลังเอก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ที่ พ.ต.พญ.หทัยพร อิ่มวิทยา หรือหมอมุก พักรักษาตัว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมอมุกมีใบหน้าสดใส ทั้งยังยิ้มแย้มแจ่มใสให้แก่ผู้มาเยี่ยม และสื่อมวลชนที่ทำข่าว ซึ่งทีมกายภาพได้เข้าทำการกายภาพบำบัดหมอมุกเป็นเวลานานประมาณ 30 นาที โดยมี พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุกคอยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด ซึ่งทีมกายภาพได้ให้หมอมุกลองลุกนั่งจากเตียงคนไข้ จากนั้นให้ใช้วอล์กเกอร์พยุงตัวเองเพื่อยืนและเดินออกมาด้านหน้าที่พักรักษาตัวอยู่ 2-3 รอบ โดยหมอมุกสามารถปฏิบัติตามได้เป็นอย่างดี ซึ่ง พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ เพื่อนพ่อหมอมุก พร้อมลูกชายอีก 2 คนได้เดินทางมาเยี่ยมและเป็นกำลังใจในการทำกายภาพบำบัดด้วย
ภายหลังการทำกายภาพบำบัด พ.อ.นพ.พีระพล ปกป้อง ผอ.กองอุบัติเหตุและเวชการฉุกเฉิน เปิดเผยถึงอาการของหมอมุกล่าสุดว่า อาการหมอมุกดีขึ้นมาก ซึ่งจะย้ายไปพักฟื้นไปยังห้องผู้ป่วยพิเศษ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ หลังทำการกายภาพบำบัดในการพูดเสร็จแล้วในเวลาประมาณ 14.00 น. ส่วนความคืบหน้าการกายภาพบำบัดวันนี้หมอมุกสามารถลุกนั่ง และพาเดินโดยเครื่องช่วยได้ประมาณ 5 เมตร สำหรับสีหน้ายังยิ้มแย้ม และหัวเราะให้กับเด็กที่มาเยี่ยมได้ อีกทั้งยังสามารถชมคำว่า “สวย” กับพยาบาลที่มาดูแลได้ ส่วนการรับประทานอาหารสามารถกินและกลืนเองได้ 4-5 คำ ช่วยใส่เข็มขัด และเมื่อมีการไอก็มีการป้องปาก ซึ่งแสดงว่าการพัฒนาสมองกลับมาดีขึ้น
พ.อ.นพ.พีระพลกล่าวอีกว่า การกายภาพตอนนี้เน้นให้หมอมุกพยายามทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ เช่น หวีผม ตักอาหาร ใส่เสื้อผ้า เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องใช้สมองหลายส่วน เพราะตอนนี้พัฒนาการสมองยังเหมือนเด็กเริ่มพูดเป็นคำๆ ส่วนความจำก็เหมือนกับต้องกรอเทปกลับไป ซึ่งต้องค่อยๆ รอให้ความจำกลับมาเองเรื่อยๆ โดยจากการประเมินคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพนักงานสอบสวนจะขอสอบปากคำหมอมุกเกี่ยวกับคดี ขณะนี้สามารถทำได้หรือไม่ พ.อ.นพ.พีระพลกล่าวว่า ตอนนี้หมอมุกยังไม่สามารถให้การได้ เพราะความจำหากย้อนไปถึงตอนที่เกิดเหตุคงเป็นเรื่องยาก และยังไม่สามารถพูดได้ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ
ทั้งนี้ พญ.พรรณกร อิ่มวิทยา มารดาของหมอมุก ได้นำเงินบริจาคที่ได้จากประชาชนที่นำมามอบให้เพื่อช่วยเหลือในการรักษาหมอมุก มอบให้แก่ พ.อ.นพ.พีระพล เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยอุบัติเหตุด้านสมองของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เนื่องจากผู้ป่วยด้านนี้มีค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูง