00 ทำไปทำมากระแส “โหวตโน” ที่ภาคประชาชนกำลังรณรงค์กันทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้กำลังไต่เพดานสูงขึ้นมาเรื่อยๆ จนเป็นที่น่าจับตาของหลายฝ่าย เพราะผลสำรวจจากทุกสำนัก ล้วนมีแนวโน้มออกมาในแนวทางเดียวกัน คือมีจำนวนเกินร้อยละ 5 ทั้งประเภทเลือกพรรค คือระบบบัญชีรายชื่อ และระบบ ส.ส.แบ่งเขต ผลออกมาใกล้เคียงกัน และมีโอกาสพุ่งสูงขึ้นอีก หากมีการร่วมแรงร่วมใจกันทำความเข้าใจว่า เมื่อโหวตโนแล้วจะ “ไม่เสียของ” มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในวันหน้าอย่างแน่นอน และที่สำคัญ ยังมีผลทางกฎหมายรองรับอย่างที่ “กูรู” ทางกฎหมายอย่างเลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา อนุรักษ์ สง่าอารีย์กูลได้การันตีเอาไว้อย่างชัดเจนมาแล้ว ว่า ตามกม.เลือกตั้ง มาตรา 88-89 ระบุว่า ถ้าเขตเลือกตั้งใดมีคะแนนโหวตโนมากกว่า คะแนนของผู้สมัครที่ได้คะแนนมากที่สุด ก็จะทำให้ต้องมีการเลือกตั้งกันใหม่
00นอกจากนี้ ยังเป็นผลสะเทือนต่อเนื่องไปไกลอีก หากมีคะแนนในลักษณะดังกล่าวมากถึง 26 เขตเลือกตั้ง ก็อาจส่งผลให้เปิดสภาไม่ได้ เพราะมีจำนวน ส.ส.ไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ ตามที่กำหนดเอาไว้ใน รธน. มาตรา 93 และ มาตรา 127 อย่างน้อยก็เป็นการหยุดยั้งไม่ให้ “ระบอบทักษิณ” ที่คิดจะใช้เสียงข้างมากลากไปได้ระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันได้เพิ่มพลัง “ต่อรอง” ให้กับภาคประชาชน ว่าจะมีการปฏิรูปการเมืองกันอย่างไรต่อไป
00 จากตอนแรกที่เข้าใจว่าการ โหวตโน เป็นการรณรงค์เพื่อ “ประท้วง” นักการเมืองที่ไม่ว่าเลวมาก เลวน้อย หรือที่บอกว่าตัวเองเลวน้อย แต่ดันอยู่ร่วมกับพวกเลวมากได้อย่ากลมกลืนเป็นเวลานาน มันก็ทำให้คิดได้ว่า “เลวพอกัน” นั่นแหละ ไม่ต่างจาก “สัตว์นรก” จึงทำให้ “ไม่เลือกใคร” แต่กลายเป็นว่า เมื่อกระแสตอบรับพุ่งสูงขึ้นทุกวัน มันก็เริ่มมองเห็นเทคนิคทางกฎหมาย นำมาต่อรองได้มากขึ้นดังกล่าวข้างต้น เพราะเมื่อชาวบ้านเขาเห็นหน้าผู้สมัคร เจ้าของพรรคที่เสนอหน้าเข้ามาให้เลือกนั้น ดูแล้วมัน “ทุเรศ” สิ้นดี ที่ผ่านมามีแต่คนพวกนี้ที่ทำร้ายทำลายประเทศ ทุจริตโกงกิน และที่สำคัญยัง “เหลี่ยมจัด” แอบอ้างความเป็น “ผู้แทน” ของประชาชน ไปทำอะไรตามอำเภอใจ ทั้งที่ตัวเองซื้อเสียง ข่มขู่ ไม่ได้มาตามวิถีประชาธิปไตยแท้จริง
00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ ทั้งพวกนักการเมืองสัตว์นรกทั้งหลาย รวมไปถึง นักวิชาการ นักกฎหมาย ที่รับใช้การเมืองจะหวั่นไหวกับกระแสโหวตโน จึงออกมาต่อต้านและ “บิดเบือน” กันอย่างหนักในเวลานี้ เพราะพวกเขากลัว สาเหตุก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่า “ความกลัว” เพราะการโหวตโนคือ “พลัง” ของภาคประชาชนอย่างแท้จริง เป็นความ “ตั้งใจ” ไปใช้สิทธิ์ไม่เลือกใคร ไม่เหมือนกับกรณีไม่ไปลงคะแนน หรือนอนหลับทับสิทธิ์ เพราะกรณีแบบนั้นไม่รู้ว่า “ไม่ไป” เพราะไม่สนใจ หรือว่าต้องการประท้วงนักการเมืองกันแน่ ดังนั้นการโหวตโน นี่แหละที่พวก “นักการเมืองสัตว์นรก” ทั้งหลายหวาดกลัวนักหนา
00 ในที่สุดก็เริ่มแพลมออกมาจากปากของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยแบะท่าจับมือเตรียมผสมพันธุ์กับ “ภูมิใจห้อย” เอ้ย ภูมิใจไทย ของ เนวิน ชิดชอบ หลังจากปฏิเสธความจริงไปไม่พ้นแล้วว่า ปชป. น่าจะแพ้เพื่อไทย แพ้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายใต้ “โคลนนิ่ง” ของ ทักษิณ ชินวัตร ค่อนข้างแน่ จึงต้องออกมาสงวนสิทธิ์ “พรรคอันดับสอง” ตั้งรัฐบาล หากพรรคที่ได้อันดับหนึ่งทำไม่ได้ โดยเชื่อว่าหาก ปชป.จับมือกับภูมิใจไทย แล้วทำให้มีเสียงเหนือฝ่ายตรงข้าม โดยใช้ข้ออ้างจากแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่ปฏิเสธไม่ร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยก่อนหน้านี้ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความ “เขี้ยว” และการดิ้นรนแบบ “เสพติด” อำนาจของ อภิสิทธิ์ ได้อย่างชัดเจน
00นอกจากนี้ ยังเป็นผลสะเทือนต่อเนื่องไปไกลอีก หากมีคะแนนในลักษณะดังกล่าวมากถึง 26 เขตเลือกตั้ง ก็อาจส่งผลให้เปิดสภาไม่ได้ เพราะมีจำนวน ส.ส.ไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ ตามที่กำหนดเอาไว้ใน รธน. มาตรา 93 และ มาตรา 127 อย่างน้อยก็เป็นการหยุดยั้งไม่ให้ “ระบอบทักษิณ” ที่คิดจะใช้เสียงข้างมากลากไปได้ระยะหนึ่ง ขณะเดียวกันได้เพิ่มพลัง “ต่อรอง” ให้กับภาคประชาชน ว่าจะมีการปฏิรูปการเมืองกันอย่างไรต่อไป
00 จากตอนแรกที่เข้าใจว่าการ โหวตโน เป็นการรณรงค์เพื่อ “ประท้วง” นักการเมืองที่ไม่ว่าเลวมาก เลวน้อย หรือที่บอกว่าตัวเองเลวน้อย แต่ดันอยู่ร่วมกับพวกเลวมากได้อย่ากลมกลืนเป็นเวลานาน มันก็ทำให้คิดได้ว่า “เลวพอกัน” นั่นแหละ ไม่ต่างจาก “สัตว์นรก” จึงทำให้ “ไม่เลือกใคร” แต่กลายเป็นว่า เมื่อกระแสตอบรับพุ่งสูงขึ้นทุกวัน มันก็เริ่มมองเห็นเทคนิคทางกฎหมาย นำมาต่อรองได้มากขึ้นดังกล่าวข้างต้น เพราะเมื่อชาวบ้านเขาเห็นหน้าผู้สมัคร เจ้าของพรรคที่เสนอหน้าเข้ามาให้เลือกนั้น ดูแล้วมัน “ทุเรศ” สิ้นดี ที่ผ่านมามีแต่คนพวกนี้ที่ทำร้ายทำลายประเทศ ทุจริตโกงกิน และที่สำคัญยัง “เหลี่ยมจัด” แอบอ้างความเป็น “ผู้แทน” ของประชาชน ไปทำอะไรตามอำเภอใจ ทั้งที่ตัวเองซื้อเสียง ข่มขู่ ไม่ได้มาตามวิถีประชาธิปไตยแท้จริง
00 อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ ทั้งพวกนักการเมืองสัตว์นรกทั้งหลาย รวมไปถึง นักวิชาการ นักกฎหมาย ที่รับใช้การเมืองจะหวั่นไหวกับกระแสโหวตโน จึงออกมาต่อต้านและ “บิดเบือน” กันอย่างหนักในเวลานี้ เพราะพวกเขากลัว สาเหตุก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากไปกว่า “ความกลัว” เพราะการโหวตโนคือ “พลัง” ของภาคประชาชนอย่างแท้จริง เป็นความ “ตั้งใจ” ไปใช้สิทธิ์ไม่เลือกใคร ไม่เหมือนกับกรณีไม่ไปลงคะแนน หรือนอนหลับทับสิทธิ์ เพราะกรณีแบบนั้นไม่รู้ว่า “ไม่ไป” เพราะไม่สนใจ หรือว่าต้องการประท้วงนักการเมืองกันแน่ ดังนั้นการโหวตโน นี่แหละที่พวก “นักการเมืองสัตว์นรก” ทั้งหลายหวาดกลัวนักหนา
00 ในที่สุดก็เริ่มแพลมออกมาจากปากของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยแบะท่าจับมือเตรียมผสมพันธุ์กับ “ภูมิใจห้อย” เอ้ย ภูมิใจไทย ของ เนวิน ชิดชอบ หลังจากปฏิเสธความจริงไปไม่พ้นแล้วว่า ปชป. น่าจะแพ้เพื่อไทย แพ้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภายใต้ “โคลนนิ่ง” ของ ทักษิณ ชินวัตร ค่อนข้างแน่ จึงต้องออกมาสงวนสิทธิ์ “พรรคอันดับสอง” ตั้งรัฐบาล หากพรรคที่ได้อันดับหนึ่งทำไม่ได้ โดยเชื่อว่าหาก ปชป.จับมือกับภูมิใจไทย แล้วทำให้มีเสียงเหนือฝ่ายตรงข้าม โดยใช้ข้ออ้างจากแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่ปฏิเสธไม่ร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยก่อนหน้านี้ นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความ “เขี้ยว” และการดิ้นรนแบบ “เสพติด” อำนาจของ อภิสิทธิ์ ได้อย่างชัดเจน