xs
xsm
sm
md
lg

โดมิโนทุนนิยม..จากกรุงเทพฯ ไม่ถึงภูฏาน

เผยแพร่:   โดย: ทวิช จิตรสมบูรณ์

นักเลือกตั้งในระบอบ ปชต.ทุกคน ต่างพากันหาเสียงว่า จงเลือกข้าพเจ้าเถิด เพราะข้าพเจ้าจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อทำให้พวกท่านทั้งผองมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น ซึ่งแปลเป็นศัพท์ปัจจุบันก็คือจะทำให้ GDP สูงขึ้นนั่นเอง  

 ซึ่งทำให้ผมได้คิดมาแต่เมื่อ 20 กว่าปีมาแล้วว่า นี่แหละคือจุดตายของโลก ระบอบประชาธิปไตยนี่แหละที่จะนำโลกไปสู่หายนะอย่างโง่เขลาที่สุด โดยที่ต่างคนต่างร่วมแรงร่วมใจกันทำความเลวโดยคิดไปว่าตนกำลังทำความดีด้วยซ้ำไป ทั้งนี้โดยมีองค์การ UN เป็นจุดประสานงานในการทำลายโลก 

จากนั้นผมได้ไปหาข้อมูลมาสนับสนุนแนวคิดนี้ ด้วยการไปสำรวจงบประมาณรัฐบาลทั่วโลก พบว่าในโลกนี้ต่างมีงบขาดดุลด้วยกันทั้งสิ้น (ขาดดุลหมายความว่ามีรายได้จากภาษีน้อยกว่ารายจ่าย...คือจ่ายเกินตัวนั่นเอง) 

ยกเว้นเพียง 8 ประเทศเล็กๆ คือ สแกนดิเนเวีย สวิส  และเบเนลักซ์ (ซึ่งแสดงว่าพวกนี้มันมีสมองดีมากเลยนะ เป็นประเทศเล็กๆ แต่กลับกล้าต้านกระแสทุนนิยมโหดร้ายแห่งยุโรป...สังเกตว่าคนตัวเล็ก ประเทศเล็ก มักฉลาดมากเสมอ ซึ่งเป็นธรรมดาของการอยู่รอด ถ้าตัวเล็กแล้วโง่ ย่อมอยู่รอดไม่ได้หรอก สถานการณ์มันบังคับให้ต้องฉลาด

ถามว่าถ้า 99% ของชนชาติในโลก ไม่ว่ารวยหรือจน (รวมทั้งไทยเรา) ต่างไปกู้เขามา แล้วฟองสบู่โลกมันจะไม่แตกสักวันหนึ่งเลยหรือ?

ถามว่าไปกู้มาจากใคร เพราะทุกประเทศต่างก็กู้กันทั้งโลก ดังนั้นต้องตอบว่ากู้มาจากตัวเองนั่นเอง นี่มันระบบกินตัวเองแท้ๆ หรืออาจเรียกว่ากู้แบบงูกินหางตัวเองนั่นเอง สักวันหางก็หด หัว ตัว ก็จะหมดตามไปด้วย

 ขนาดประชาชนอเมริกันเพียงหยิบมือมันกู้สร้างบ้านจิ๊บจ๊อย พอมันล่มก็ยังป่วนโลกได้ขนาดนี้เลย เป็นปัญหา sub-prime ที่รู้กันอยู่ .... แล้วนี่ถ้ารัฐบาลทุกรัฐบาลในโลกนี้มันหมดหนทาง มันเบี้ยวหนี้กันหมดโลก แล้วถามว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แนวคิดดั้งเดิมที่ว่า “รัฐไม่อาจล้มละลายได้” นั้น  ผมว่ามันคือคำขวัญราคาถูกที่พวกทุนนิยมสร้างภาพขึ้นมาเท่านั้นเอง 

เกมล้มระเนนระนาดแบบโดมิโนกำลังก่อตัวอย่างเงียบเชียบ เพียงแต่คราวนี้มันไม่ใช่คอมมิวนิสต์ที่เป็นผู้ร้ายที่ถูกป้ายสีอีกต่อไปแล้ว

การล้มแบบที่ผมว่ามานี้ได้เกิดขึ้นแบบวับๆ แวมๆ แล้วในช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ คือ กรีก ตุรกี เสปน มีปัญหาเรื่องหนี้สะสม จนสั่นยุโรปไปพอควร นี่อาการไข้มันส่งสัญญาณเตือนมาแล้ว แต่เราก็ยังระรื่นกันอยู่ องค์กรการเงินระหว่างประเทศยังมองหาทางปล่อยกู้อยู่เรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นฟองสบู่โลกกันต่อไป 

วันนี้ผมดีใจที่มีเพื่อนร่วมคิดอย่าง ปธด. ฝรั่งเศส  (นิโคลัส ซาร์โคซี) ท่านบอกแบบช็อกใจผมว่า ฝรั่งเศสไม่ต้องการเพิ่มจีดีพี (สงสัยเคยแอบอ่านบทความเก่าๆ ของผม อิอิ) 

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ผมถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด เห็นว่าเป็นการแดกดัน “ความร่ำรวย” จนเกินพอดีของชาวตะวันตก

เขาชมชนชาติฝรั่งเศส (แบบประชดแกมเสียดสีชาติอื่นไปในตัว) ว่าเป็นชนที่ไม่ขวนขวาย ไม่แข่งขันเชิงเศรษฐกิจกับใครมากนัก ตรงกันข้ามกลับกวดขันนักธุรกิจโดยให้สวัสดิการคนงานมาก มีเวลาหยุดงานประจำปีมากกว่าชาติอื่นๆ และให้เวลาหยุดพักกินอาหารกลางวัน (นอนกลางวัน) มากกว่าชาติอื่นๆ อีกต่างหาก   

เอ้า...เอาคะแนนไปบวกหนึ่ง (แล้วอย่าลืมคืนเขาพระวิหารให้ไทยด้วยล่ะ)

หันกลับมาเมืองไทยเรา การพัฒนาเศรษฐกิจมีแต่เดินตามฝรั่งต้อยๆ จนตอนนี้มีสถานะเป็นลูกหาบแบกเสลี่ยงพานายฝรั่ง (ญี่ปุ่นด้วย) ชมวิวโล “ภา”ภิวัตน์ไปแล้ว ด้วยการยกประเทศให้พวกเขาเข้ามาปู้ยี่ปู้ยำตามใจชอบ โดยมีองค์การ BOI (ออกเสียงว่า “บ๋อย” คอยรับใช้ให้บริการเป็นอย่างดี) ..ไอ้พวกนี้ไม่ต้องไปบริการมันก็เข้ามาปล้นเราอยู่แล้ว นี่ยังไปลดภาษีให้มันอีกจนประเทศไทยนั้นเก็บภาษีได้น้อยกว่าลาวเขมรเสียอีก (เมื่อคิดเป็นสัดส่วนของ GDP คือ ประมาณ 17% เท่านั้นเอง)

เมื่อภาษีไม่พอใช้ แต่นักเลือกตั้งไปสัญญาประชานิยมไว้มากในตอนหาเสียง ก็ต้องกู้ อีกทั้งต้องสร้างแหล่งน้ำ ถนน ไฟฟ้ามาให้พวกนักลงทุนต่างชาติใช้ในราคาถูกๆ ก็ต้องกู้อีก เท่ากับว่าไทยเรานี้ก็เป็นกลไกหนึ่งของระบบกู้กินตัวแห่งโลก

ผมไม่เชื่อว่านักวางแผนเศรษฐกิจของชาติไทยเราจะได้มีการคิดการณ์รองรับไว้ล่วงหน้า (เพราะในหัวมีแต่ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ฝรั่ง) ไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีใครคิดวางแผนหาทางสร้างเสริมความแข็งแรงเศรษฐกิจตามธรรมชาติให้สมดุลแบบพึ่งตนเองเพื่อป้องกันการเกิดหายนะในระยะยาว

ซึ่งพอโดมิโนทุนนิยมโลกมันล้ม เรานี่แหละจะเป็นชาติที่เจ็บหนักที่สุดในโลกเพราะเราเป็นประเทศที่อิงระบบทุนนิยมโลกมากที่สุดในโลก (GDP เราเป็นของต่างชาติถึง 70%)

ส่วนภูฏานจะนั่งอมยิ้มจิบน้ำชาสบายใจอยู่ริมชายเขาเหมือนเดิมๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น