ASTVผู้จัดการรายวัน - ทหารโชว์แผนที่ 3 มิติ ตอกย้ำ"ปราสาทพระวิหาร"อยู่ในดินแดนไทย กรรมการป้องกันราชอาณาจักร ชี้แผนเลื่อนบริหารจัดการในเวที คกก.มรดลโลก ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาการละเมิดอธิปไตย แต่เป็นการตะแบงยื้อเวลาให้รบ.ชุดต่อไป ย้ำให้ถอนตัวสถานเดียว
วานนี้ (19 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ซึ่งมีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อ้างว่าได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับประธานคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อขอเลื่อนแผนจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ ครั้งที่ 35 ที่ประเทศฝรั่งเศส ว่า ทางเลือกมีแค่สองทางเลือก คือ เลือนแผนบริหารจัดการ และรับรองแผนบริหารจัดการมรดกโลกให้เป็นของกัมพูชา ทั้งสองประการนี้เป็นผลร้ายต่อประเทศไทย
ทั้งนี้ ถ้ารับรองแผนบริหารจัดการของกัมพูชา ก็เท่ากับว่ารับรองว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่ตกเป็นมรดกโลกของกัมพูชาด้วย ถือว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยแล้ว อีกประการหนึ่งถ้าเลื่อนออกไปแสดงว่ากำลังส่งทอดอำนาจต่อให้กับรัฐบาลชุดหน้า ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย แทนที่จะแก้ปัญหาด้วยการถอนตัวออกจากมรดกโลก กลับยื้อเวลาออกไปเพื่อให้พ้นรัฐบาลตัวเองจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบแค่นั้น แต่ปัญหากำลังจะบานปลายต่อรัฐบาลชุดหน้า เพราะเหมือนกับว่าเราไม่ปฏิเสธในอำนาจของคณะกรรมการมรดกโลก ที่สามารถจะพิจารณาต่อไป
ดังนั้นจึงเห็นว่า วิธีการแก้ดังกล่าวถือเป็นการเลื่อนแผนบริหารจัดการที่ปราศจากความรับผิดชอบใดๆ และเป็นการโยนปัญหาให้ผ่านพ้นรัฐบาลตัวเองเท่านั้น และอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเพลี้ยงพล้ำต่อไปในอนาคตในรัฐบาลชุดหน้าด้วย ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ยิ่งเท่ากับว่าเจตนาส่งมอบปัญหาเหล่านี้ให้อยู่ภายใต้การตัดสินใจของรัฐบาลชุดหน้า ประชาชนย่อมมีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่า เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันหรือไม่ด้วยซ้ำไป ซึ่งการแก้ไขปัญหามรดกโลกก็คือ ต้องถอนตัวออกจากมรดกโลกโดยทันที แล้วใช้กำลังทหารและทุกมาตรการทางเศรษฐกิจ และทางมหาดไทยเข้าดำเนินการผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทยให้หมด
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะว่ามรดกโลกไม่ใช่มีแค่ซากก้อนหินปรักหักพังเท่านั้น แต่ต้องมีนักท่องเที่ยว มีสิ่งอำนวยความสะดวก แม้กระทั่งที่จอดรถ ที่รับรองแขก มีพิพิธภัณฑ์ถึงความเป็นมาของมรดกโลก แต่ยังไม่มี และเป็นข้อกำหนดของคณะกรรมการมรดกโลกว่าจะต้องมีแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบ ของสิ่งที่จะนำมาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยสมบูรณ์ กัมพูชาพยายามผลักดันแผนบริหารจัดการให้สำเร็จ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของไทย
“เพราะฉะนั้นทางเลือกอนุมัติแผนบริหารจัดการก็แสดงว่าปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่ที่เราจะเสียพื้นที่หรือดินแดนเฉพาะ 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือ 2,800 ไร่เท่านั้น แต่จะโยงไปถึงตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี จรดถึง จ.ตราด ซึ่งเราจะต้องเสียแผ่นดินไปอีก 1 ล้าน 8 แสนไร่ ตกจังหวัดละ 2 แสนไร่ แล้วจะต้องเสียทรัพยากรในทะเลอีก จะเห็นได้ว่ามันเป็นภัย เป็นอันตรายอย่างยิ่ง” พลตรีจำลองกล่าว
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่สะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการมรดกโลกและองค์การยูเนสโกกระทำผิดปฏิภาณ หรือหลักการขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดยชัดแจ้ง เพราะไม่ควรจะมีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเลย แต่ว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติกว่าการพิจารณามรดกโลกทุกชิ้นในโลกนี้
ทั้งนี้ ขณะนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ หวังเพียงว่าถ้าเลื่อนไปจะเป็นผลดีในทางการเมือง ในการเลือกตั้งของตัวเอง แต่ถ้าคณะกรรมการมรดกโลกลงมติรับรองขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้วรับรองแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาเสนอ อันเป็นแผนบริหารจัดการที่ผนวกดินแดนประเทศไทยเข้าไป ตนเชื่อว่ามีแนวโน้มคือ รัฐบาลไทยยอมเสียแผ่นดินไทย แต่ประชาชนไม่ยอม หรือรัฐบาลอาจจะยอมเสียแผ่นดินไทยในส่วนนั้นไป แต่ประชาชนและทหารกไม่ยอม ก็จะเกิดสงคราม เพราะเมื่อใดที่กัมพูชาจะเข้ามาใช้พื้นที่ตรงนั้น ทหารก็ต้องไม่ยอม ก็คงจะต้องมีการสู้รบ และเกิดสงครามแน่
และท่าทีที่ถูกต้องที่สุดก็คือ คณะกรรมการผู้แทนมรดกโลกของไทย คือนายสุวิทย์ คุณกิตติ ต้องไปเสนอขอให้ลบชื่อและยกเลิกปราสาทพระวิหารจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ไม่ใช่แค่ไปเลื่อน
**"สุวิทย์"พบผอ.ยูเนสโกย้ำจุดยืน
นายสุวิทย์ คุณกิตติ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 กล่าวว่า ได้เข้าพบผู้อำนวยการศูนย์มรดกโลกแล้ว เพื่อหารือเกี่ยวกับร่างมติที่ประชุม และยืนยันจุดยืนและข้อมูลความเห็นของไทย
รวมทั้งจะสอบถามเกี่ยวกับเงินจำนวน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินที่กัมพูชาได้ขอไปใช้นอกพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ว่า เป็นการใช้ผิดประเภทหรือไม่ เนื่องจากหมู่บ้านเชิงบันไดปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตแดนของไทย ซึ่งการสอบถามเรื่องการใช้เงิน ยังเป็นการยืนยันว่า ไทยไม่ยอมรับและไม่เห็นด้วยกับการใช้เงิน และเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากกัมพูชานำเรื่องการใช้เงินในหมู่บ้านดังกล่าวมาเรียกร้องสิทธิ
**แผนที่ 3 มิติ ย้ำ"พระวิหาร" อยู่ในไทย
วันเดียวกัน พล.ท.นพดล โชติศิริ เจ้ากรมแผนที่ทหาร ได้นำรูปหุ่นจำลอง หรือแผนที่ 3 มิติ แสดงลักษณะภูมิประเทศปราสาทพระวิหาร สัดส่วน 1 ต่อ 12,000 ซึ่งย่อมาจาก 1 ต่อ 200,000 โดยแผนที่ 3 มิติ ดังกล่าวจะช่วยทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ในเส้นสันปันน้ำในดินแดนของไทย นอกจากนี้ ยังมีถนน ตลาดและห้องน้ำ ที่อยู่ในแผนบริหารจัดการของกัมพูชา ซึ่งเป็นการรุกล้ำดินแดนไทย โดยเจ้ากรมแผนที่ทหาร มั่นใจว่า ภาพแผนที่ 3 มิติดังกล่าวจะช่วยให้คณะกรรมการมรดกโลกเกิดความเข้าใจชัดเจนมากยิ่งขึ้น.
วานนี้ (19 มิ.ย.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา ซึ่งมีรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อ้างว่าได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับประธานคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อขอเลื่อนแผนจัดการพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก 21 ประเทศ ครั้งที่ 35 ที่ประเทศฝรั่งเศส ว่า ทางเลือกมีแค่สองทางเลือก คือ เลือนแผนบริหารจัดการ และรับรองแผนบริหารจัดการมรดกโลกให้เป็นของกัมพูชา ทั้งสองประการนี้เป็นผลร้ายต่อประเทศไทย
ทั้งนี้ ถ้ารับรองแผนบริหารจัดการของกัมพูชา ก็เท่ากับว่ารับรองว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่ตกเป็นมรดกโลกของกัมพูชาด้วย ถือว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยแล้ว อีกประการหนึ่งถ้าเลื่อนออกไปแสดงว่ากำลังส่งทอดอำนาจต่อให้กับรัฐบาลชุดหน้า ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย แทนที่จะแก้ปัญหาด้วยการถอนตัวออกจากมรดกโลก กลับยื้อเวลาออกไปเพื่อให้พ้นรัฐบาลตัวเองจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบแค่นั้น แต่ปัญหากำลังจะบานปลายต่อรัฐบาลชุดหน้า เพราะเหมือนกับว่าเราไม่ปฏิเสธในอำนาจของคณะกรรมการมรดกโลก ที่สามารถจะพิจารณาต่อไป
ดังนั้นจึงเห็นว่า วิธีการแก้ดังกล่าวถือเป็นการเลื่อนแผนบริหารจัดการที่ปราศจากความรับผิดชอบใดๆ และเป็นการโยนปัญหาให้ผ่านพ้นรัฐบาลตัวเองเท่านั้น และอาจจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเพลี้ยงพล้ำต่อไปในอนาคตในรัฐบาลชุดหน้าด้วย ยิ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ยิ่งเท่ากับว่าเจตนาส่งมอบปัญหาเหล่านี้ให้อยู่ภายใต้การตัดสินใจของรัฐบาลชุดหน้า ประชาชนย่อมมีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่า เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันหรือไม่ด้วยซ้ำไป ซึ่งการแก้ไขปัญหามรดกโลกก็คือ ต้องถอนตัวออกจากมรดกโลกโดยทันที แล้วใช้กำลังทหารและทุกมาตรการทางเศรษฐกิจ และทางมหาดไทยเข้าดำเนินการผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทยให้หมด
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า ปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ เพราะว่ามรดกโลกไม่ใช่มีแค่ซากก้อนหินปรักหักพังเท่านั้น แต่ต้องมีนักท่องเที่ยว มีสิ่งอำนวยความสะดวก แม้กระทั่งที่จอดรถ ที่รับรองแขก มีพิพิธภัณฑ์ถึงความเป็นมาของมรดกโลก แต่ยังไม่มี และเป็นข้อกำหนดของคณะกรรมการมรดกโลกว่าจะต้องมีแผนบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบ ของสิ่งที่จะนำมาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยสมบูรณ์ กัมพูชาพยายามผลักดันแผนบริหารจัดการให้สำเร็จ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ของไทย
“เพราะฉะนั้นทางเลือกอนุมัติแผนบริหารจัดการก็แสดงว่าปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์ ไม่ใช่ที่เราจะเสียพื้นที่หรือดินแดนเฉพาะ 4.6 ตารางกิโลเมตรหรือ 2,800 ไร่เท่านั้น แต่จะโยงไปถึงตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี จรดถึง จ.ตราด ซึ่งเราจะต้องเสียแผ่นดินไปอีก 1 ล้าน 8 แสนไร่ ตกจังหวัดละ 2 แสนไร่ แล้วจะต้องเสียทรัพยากรในทะเลอีก จะเห็นได้ว่ามันเป็นภัย เป็นอันตรายอย่างยิ่ง” พลตรีจำลองกล่าว
นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการปกป้องราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่สะท้อนให้เห็นว่า คณะกรรมการมรดกโลกและองค์การยูเนสโกกระทำผิดปฏิภาณ หรือหลักการขึ้นทะเบียนมรดกโลกโดยชัดแจ้ง เพราะไม่ควรจะมีมติขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเลย แต่ว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติกว่าการพิจารณามรดกโลกทุกชิ้นในโลกนี้
ทั้งนี้ ขณะนี้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ หวังเพียงว่าถ้าเลื่อนไปจะเป็นผลดีในทางการเมือง ในการเลือกตั้งของตัวเอง แต่ถ้าคณะกรรมการมรดกโลกลงมติรับรองขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้วรับรองแผนบริหารจัดการที่กัมพูชาเสนอ อันเป็นแผนบริหารจัดการที่ผนวกดินแดนประเทศไทยเข้าไป ตนเชื่อว่ามีแนวโน้มคือ รัฐบาลไทยยอมเสียแผ่นดินไทย แต่ประชาชนไม่ยอม หรือรัฐบาลอาจจะยอมเสียแผ่นดินไทยในส่วนนั้นไป แต่ประชาชนและทหารกไม่ยอม ก็จะเกิดสงคราม เพราะเมื่อใดที่กัมพูชาจะเข้ามาใช้พื้นที่ตรงนั้น ทหารก็ต้องไม่ยอม ก็คงจะต้องมีการสู้รบ และเกิดสงครามแน่
และท่าทีที่ถูกต้องที่สุดก็คือ คณะกรรมการผู้แทนมรดกโลกของไทย คือนายสุวิทย์ คุณกิตติ ต้องไปเสนอขอให้ลบชื่อและยกเลิกปราสาทพระวิหารจากการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ไม่ใช่แค่ไปเลื่อน
**"สุวิทย์"พบผอ.ยูเนสโกย้ำจุดยืน
นายสุวิทย์ คุณกิตติ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 กล่าวว่า ได้เข้าพบผู้อำนวยการศูนย์มรดกโลกแล้ว เพื่อหารือเกี่ยวกับร่างมติที่ประชุม และยืนยันจุดยืนและข้อมูลความเห็นของไทย
รวมทั้งจะสอบถามเกี่ยวกับเงินจำนวน 5 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินที่กัมพูชาได้ขอไปใช้นอกพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ว่า เป็นการใช้ผิดประเภทหรือไม่ เนื่องจากหมู่บ้านเชิงบันไดปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตแดนของไทย ซึ่งการสอบถามเรื่องการใช้เงิน ยังเป็นการยืนยันว่า ไทยไม่ยอมรับและไม่เห็นด้วยกับการใช้เงิน และเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หากกัมพูชานำเรื่องการใช้เงินในหมู่บ้านดังกล่าวมาเรียกร้องสิทธิ
**แผนที่ 3 มิติ ย้ำ"พระวิหาร" อยู่ในไทย
วันเดียวกัน พล.ท.นพดล โชติศิริ เจ้ากรมแผนที่ทหาร ได้นำรูปหุ่นจำลอง หรือแผนที่ 3 มิติ แสดงลักษณะภูมิประเทศปราสาทพระวิหาร สัดส่วน 1 ต่อ 12,000 ซึ่งย่อมาจาก 1 ต่อ 200,000 โดยแผนที่ 3 มิติ ดังกล่าวจะช่วยทำให้เห็นภาพชัดเจนว่า ปราสาทพระวิหารอยู่ในเส้นสันปันน้ำในดินแดนของไทย นอกจากนี้ ยังมีถนน ตลาดและห้องน้ำ ที่อยู่ในแผนบริหารจัดการของกัมพูชา ซึ่งเป็นการรุกล้ำดินแดนไทย โดยเจ้ากรมแผนที่ทหาร มั่นใจว่า ภาพแผนที่ 3 มิติดังกล่าวจะช่วยให้คณะกรรมการมรดกโลกเกิดความเข้าใจชัดเจนมากยิ่งขึ้น.