ASTVผู้จัดการรายวัน – เครือสหพัฒน์ แตกธุรกิจใหม่ ผุด”เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น” ลุยธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในไทย-อาเซียน รับเปิดเขตเสรีการค้าประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ดึงลูกหม้อเก่า”เพ็ญนภา ธนสารศิลป์” ขึ้นแท่นบริหารสานนโยบาย”โตแล้วแตก แตกแล้วโต” ลั่นสิ้นปีมีลูกค้า 10 ราย ปีแรกกวาดรายได้ 1,400 ล้านบาท ตั้งเป้า 5ปี ผงาดท็อปไฟว์ในเมืองไทย
ดร.เพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ได้แตกไลน์ธุรกิจในเครือภายใต้บริษัทเพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวทางการขยายธุรกิจตามนโยบายของ”เทียม โชควัฒนา” ผู้ก่อตั้งเครือสหพัฒน์ภายใต้แนวคิด”โตแล้วแตก แตกแล้วโต” ดังนั้นจึงได้แยกมาจัดตั้งบริษัทเพรนส์ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา และเริ่มเปิดดำเนินธุรกิจเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมานี้
บริษัทเพรนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น มีสหกรุ๊ปถือหุ้นสัดส่วน 20% บริษัท ไอ เอส เอ ถือหุ้น 20% บริษัทนูบูน 20% และเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ถือหุ้นสัดส่วน 20% ที่เหลืออีก 30% เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นผู้บริหารและทีมงาน จากทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยได้วางวิสัยทัศน์บริษัทก้าวสู่การเป็นบริษัทแนวหน้าของไทยและอาเซียน
ซึ่งตั้งเป้าในอีก 3ปีข้างหน้านี้ มีรายได้ 5,000 ล้านบาท และในอีก 5 ปี จะก้าวสู่การเป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นในท็อปไฟว์ในทย หรือ 1 ใน 5 ของตลาด จากปัจจุบันดีเคเอสเอช เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ยังล็อกซ์เลย์ เบอร์ลี่ยุคเกอร์ เป็นต้น
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าย บริษัทวางเป้าหมายเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในระดับแนวหน้าของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการเปิดการค้าเสรีอาเซียนหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีกำลังการซื้อมหาศาลจากประชากรที่มีรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน
ทำให้มีทั้งผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น และในประเทศต้องการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งบริษัทมีทีมงานบุกตลาดต่างประเทศรองรับ
ดร.เพ็ญนภา กล่าวว่า จุดแข็งของบริษัท คือ การมีประสบการดำเนินธุรกิจมา 30 ปี และยังรับเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด วัตถุดิบการผลิต รองรับกับต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยมีทีมงาน 50 คน นำร่องมีสินค้าทั้งหมด 7 บริษัท ได้แก่ 3 บริษัทแรกเป็นสินค้าที่โยกมาจากบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) คือ ปลากระป๋องซูเปอร์ ซี เชฟ ของบริษัท ไอ เอส
เอส แวลู จำกัด เครื่องดื่มเสริมอาหารฮาร์ทติ เบเนคอล ของบริษัท นูบูน จำกัด และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิสชิน คัพ นู้ดเดิ้ล จากบริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
ขณะที่ลูกค้าใหม่อีก 4 ราย คือ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กาแฟวีสลิม ของบริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด และผู้นำเข้าแชมพูป้าหวัง ของบริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด รวมทั้งสินค้าใหม่ๆ ของบริษัท สหชลผลพืช จำกัด และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตสินค้ารายใหม่ 6-7 ราย คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าทั้ง 10 ราย
สำหรับด้านการจัดจำหน่ายและคลังสินค้า ได้ให้บริษัทยูนิเวอร์แซล เอ็กซ์เพรส ดำเนินการ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินธุรกิจขนส่ง มีคลังสินค้า 35แห่งทั่วประเทศ
สำหรับผลประกอบการปีแรกบริษัทตั้งเป้า 1,400 ล้านบาท ส่วนอีก 10 ปีข้างหน้ามีรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ดร.เพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ก่อนหน้านี้เป็นลูกหม้อเก่าในเครือสหพัฒน์ โดยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ซึ่งล่าสุด”เวทิต โชควัฒนา” ทายาทของตระกูลโชควัฒนา เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อสานการดำเนินธุรกิจต่อไป
ดร.เพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า เครือสหพัฒน์ได้แตกไลน์ธุรกิจในเครือภายใต้บริษัทเพนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในและต่างประเทศ
ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวทางการขยายธุรกิจตามนโยบายของ”เทียม โชควัฒนา” ผู้ก่อตั้งเครือสหพัฒน์ภายใต้แนวคิด”โตแล้วแตก แตกแล้วโต” ดังนั้นจึงได้แยกมาจัดตั้งบริษัทเพรนส์ เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา และเริ่มเปิดดำเนินธุรกิจเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมานี้
บริษัทเพรนส์ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ ดิสทริบิวชั่น มีสหกรุ๊ปถือหุ้นสัดส่วน 20% บริษัท ไอ เอส เอ ถือหุ้น 20% บริษัทนูบูน 20% และเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ถือหุ้นสัดส่วน 20% ที่เหลืออีก 30% เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นผู้บริหารและทีมงาน จากทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยได้วางวิสัยทัศน์บริษัทก้าวสู่การเป็นบริษัทแนวหน้าของไทยและอาเซียน
ซึ่งตั้งเป้าในอีก 3ปีข้างหน้านี้ มีรายได้ 5,000 ล้านบาท และในอีก 5 ปี จะก้าวสู่การเป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นในท็อปไฟว์ในทย หรือ 1 ใน 5 ของตลาด จากปัจจุบันดีเคเอสเอช เป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่าย นอกจากนี้ยังล็อกซ์เลย์ เบอร์ลี่ยุคเกอร์ เป็นต้น
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจจัดจำหน่าย บริษัทวางเป้าหมายเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในระดับแนวหน้าของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้เพื่อรองรับกับการเติบโตของเศรษฐกิจในภูมิภาคจากการเปิดการค้าเสรีอาเซียนหรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีกำลังการซื้อมหาศาลจากประชากรที่มีรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน
ทำให้มีทั้งผู้ประกอบการจากต่างประเทศที่เข้ามาทำตลาดมากขึ้น และในประเทศต้องการขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งบริษัทมีทีมงานบุกตลาดต่างประเทศรองรับ
ดร.เพ็ญนภา กล่าวว่า จุดแข็งของบริษัท คือ การมีประสบการดำเนินธุรกิจมา 30 ปี และยังรับเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาด วัตถุดิบการผลิต รองรับกับต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ตลอดจนการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย โดยมีทีมงาน 50 คน นำร่องมีสินค้าทั้งหมด 7 บริษัท ได้แก่ 3 บริษัทแรกเป็นสินค้าที่โยกมาจากบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) คือ ปลากระป๋องซูเปอร์ ซี เชฟ ของบริษัท ไอ เอส
เอส แวลู จำกัด เครื่องดื่มเสริมอาหารฮาร์ทติ เบเนคอล ของบริษัท นูบูน จำกัด และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนิสชิน คัพ นู้ดเดิ้ล จากบริษัท นิสชิน ฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
ขณะที่ลูกค้าใหม่อีก 4 ราย คือ สาหร่ายเถ้าแก่น้อย บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กาแฟวีสลิม ของบริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด และผู้นำเข้าแชมพูป้าหวัง ของบริษัท ทีวีไดเร็ค จำกัด รวมทั้งสินค้าใหม่ๆ ของบริษัท สหชลผลพืช จำกัด และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ผลิตสินค้ารายใหม่ 6-7 ราย คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีลูกค้าทั้ง 10 ราย
สำหรับด้านการจัดจำหน่ายและคลังสินค้า ได้ให้บริษัทยูนิเวอร์แซล เอ็กซ์เพรส ดำเนินการ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินธุรกิจขนส่ง มีคลังสินค้า 35แห่งทั่วประเทศ
สำหรับผลประกอบการปีแรกบริษัทตั้งเป้า 1,400 ล้านบาท ส่วนอีก 10 ปีข้างหน้ามีรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ดร.เพ็ญนภา ธนสารศิลป์ ก่อนหน้านี้เป็นลูกหม้อเก่าในเครือสหพัฒน์ โดยดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ซึ่งล่าสุด”เวทิต โชควัฒนา” ทายาทของตระกูลโชควัฒนา เข้ามาดำรงตำแหน่งเพื่อสานการดำเนินธุรกิจต่อไป