รอยเตอร์/เอเอฟพี – คณะรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ กำลังเป็นผู้นำในความพยายามระดับโลก ที่จะจัดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตและระบบโทรศัพท์มือถือ “ลับ” ขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือพวกต่อต้านคัดค้านทางการของประเทศต่างๆ ในการโยกคลอนบ่อนทำลายรัฐบาลเผด็จการของชาตินั้นๆ ทั้งนี้ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ฉบับวันอาทิตย์(12)
รายงานของหนังสือพิมพ์อเมริกันทรงอิทธิพลฉบับนี้ ซึ่งได้อ้างอิงทั้งพวกเอกสารการวางแผน, รายงานลับทางการทูต, ตลอดจนแหล่งข่าวหลายๆ ราย ระบุว่าความพยายามในเรื่องดังกล่าวนี้ยิ่งเร่งรัดเพิ่มทวีขึ้นอีก นับตั้งแต่ที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ ปิดการติดต่อทางอินเทอร์เน็ตในประเทศของตนในช่วงวันท้ายๆ แห่งการครองอำนาจของเขา
ทั้งนี้พวกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ได้อาศัยอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ในการติดต่อประสานงานการชุมนุมเดินขบวนของพวกตนในช่วงไม่กี่เดือนหลังๆ มานี้ แต่หลายรัฐบาลก็พยายามแก้เกมด้วยการสกัดกั้นไม่ให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตได้
นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่ไม่ประสงค์ออกนามหลายๆ ราย ระบุว่า ในความพยายามระดับโลกที่จะก่อตั้งระบบอินเทอร์เน็ตและระบบโทรศัพท์มือถือลับๆ ดังกล่าวนี้ มีอยู่โครงการหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ใช้งบประมาณไปอย่างน้อยที่สุด 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถืออิสระขึ้นในอัฟกานิสถาน ด้วยการใช้หอสูงต่างๆ ซึ่งก่อสร้างขึ้นตามค่ายทหารในประเทศนั้น
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะตอบโต้เอาชนะพวกตอลิบาน ซึ่งมีความสามารถในการก่อเหตุปิดบริการโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นทางการของอัฟกานิสถาน
ไม่เฉพาะเพียงในอัฟกานิสถาน กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันยังกำลังให้เงินสนับสนุนการก่อตั้งโครงข่ายไร้สายแบบลับๆ ขึ้นอีกหลายโครงข่าย เพื่อให้พวกนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในหลายประเทศ เป็นต้นว่า อิหร่าน, ซีเรีย, และลิเบีย สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยรัฐบาลเอื้อมมือมาไม่ถึง นิวยอร์กไทมส์บอกโดยอ้างอิงผู้มีส่วนร่วมในโครงการเหล่านี้หลายๆ ราย
อีกโครงการหนึ่งที่รายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ชิ้นนี้ระบุถึง มุ่งเน้นไปที่การพัฒนา “ระบบอินเทอร์เน็ตในกระเป๋าเดินทาง” ซึ่งสามารถที่จะลักลอบขนย้ายข้ามชายแดนไปสู่ประเทศเป้าหมายได้ง่าย อีกทั้งประกอบติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว โดยที่เมื่อติดตั้งสำเร็จแล้วจะทำให้ผู้ใช้ภายในพื้นที่กว้างขวางทีเดียว สามารถติดต่อแบบไร้สายเพื่อเชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้
รายงานข่าวชิ้นนี้บอกว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน มีท่าทีให้การสนับสนุนความพยายามเหล่านี้ของสหรัฐฯ โดยหลังจากที่นิวยอร์กไทมส์สอบถามไปเกี่ยวกับหัวข้อนี้ คลินตันได้อีเมลตอบกลับมา ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า “เรามองเห็นประชาชนจำนวนมากขึ้นๆ ทุกทีในทั่วทั้งโลก กำลังใช้อินเทอร์เน็ต, โทรศัพท์มือถือ, และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อทำให้เสียงของพวกเขาเป็นที่รับฟัง ในขณะที่พวกเขาทำการประท้วงความไม่เป็นธรรม และมุ่งหาทางทำให้ความใฝ่ฝันของพวกเขากลายเป็นความจริงขึ้นมา”
นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า ในอีกโครงการหนึ่ง พวกนักการทูตสหรัฐฯกำลังพบหารือกับพวกมือปฏิบัติการ โดยที่จะมีการแอบนำโทรศัพท์มือถือของจีนไปฝังไว้ในบริเวณใกล้ๆ ชายแดนติดต่อกับเกาหลีเหนือ เพื่อให้มือปฏิบัติการเหล่านี้มาขุดและนำไปใช้งานอย่างลับๆ กันต่อไป
รายงานของหนังสือพิมพ์อเมริกันทรงอิทธิพลฉบับนี้ ซึ่งได้อ้างอิงทั้งพวกเอกสารการวางแผน, รายงานลับทางการทูต, ตลอดจนแหล่งข่าวหลายๆ ราย ระบุว่าความพยายามในเรื่องดังกล่าวนี้ยิ่งเร่งรัดเพิ่มทวีขึ้นอีก นับตั้งแต่ที่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค แห่งอียิปต์ ปิดการติดต่อทางอินเทอร์เน็ตในประเทศของตนในช่วงวันท้ายๆ แห่งการครองอำนาจของเขา
ทั้งนี้พวกผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง ได้อาศัยอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ในการติดต่อประสานงานการชุมนุมเดินขบวนของพวกตนในช่วงไม่กี่เดือนหลังๆ มานี้ แต่หลายรัฐบาลก็พยายามแก้เกมด้วยการสกัดกั้นไม่ให้ผู้คนทั่วไปเข้าไปใช้อินเทอร์เน็ตได้
นิวยอร์กไทมส์รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่ไม่ประสงค์ออกนามหลายๆ ราย ระบุว่า ในความพยายามระดับโลกที่จะก่อตั้งระบบอินเทอร์เน็ตและระบบโทรศัพท์มือถือลับๆ ดังกล่าวนี้ มีอยู่โครงการหนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ใช้งบประมาณไปอย่างน้อยที่สุด 50 ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโครงข่ายโทรศัพท์มือถืออิสระขึ้นในอัฟกานิสถาน ด้วยการใช้หอสูงต่างๆ ซึ่งก่อสร้างขึ้นตามค่ายทหารในประเทศนั้น
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะตอบโต้เอาชนะพวกตอลิบาน ซึ่งมีความสามารถในการก่อเหตุปิดบริการโทรศัพท์มือถืออย่างเป็นทางการของอัฟกานิสถาน
ไม่เฉพาะเพียงในอัฟกานิสถาน กระทรวงการต่างประเทศอเมริกันยังกำลังให้เงินสนับสนุนการก่อตั้งโครงข่ายไร้สายแบบลับๆ ขึ้นอีกหลายโครงข่าย เพื่อให้พวกนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลในหลายประเทศ เป็นต้นว่า อิหร่าน, ซีเรีย, และลิเบีย สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยรัฐบาลเอื้อมมือมาไม่ถึง นิวยอร์กไทมส์บอกโดยอ้างอิงผู้มีส่วนร่วมในโครงการเหล่านี้หลายๆ ราย
อีกโครงการหนึ่งที่รายงานข่าวของนิวยอร์กไทมส์ชิ้นนี้ระบุถึง มุ่งเน้นไปที่การพัฒนา “ระบบอินเทอร์เน็ตในกระเป๋าเดินทาง” ซึ่งสามารถที่จะลักลอบขนย้ายข้ามชายแดนไปสู่ประเทศเป้าหมายได้ง่าย อีกทั้งประกอบติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว โดยที่เมื่อติดตั้งสำเร็จแล้วจะทำให้ผู้ใช้ภายในพื้นที่กว้างขวางทีเดียว สามารถติดต่อแบบไร้สายเพื่อเชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ตทั่วโลกได้
รายงานข่าวชิ้นนี้บอกว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ ฮิลลารี คลินตัน มีท่าทีให้การสนับสนุนความพยายามเหล่านี้ของสหรัฐฯ โดยหลังจากที่นิวยอร์กไทมส์สอบถามไปเกี่ยวกับหัวข้อนี้ คลินตันได้อีเมลตอบกลับมา ซึ่งมีข้อความตอนหนึ่งว่า “เรามองเห็นประชาชนจำนวนมากขึ้นๆ ทุกทีในทั่วทั้งโลก กำลังใช้อินเทอร์เน็ต, โทรศัพท์มือถือ, และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อทำให้เสียงของพวกเขาเป็นที่รับฟัง ในขณะที่พวกเขาทำการประท้วงความไม่เป็นธรรม และมุ่งหาทางทำให้ความใฝ่ฝันของพวกเขากลายเป็นความจริงขึ้นมา”
นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า ในอีกโครงการหนึ่ง พวกนักการทูตสหรัฐฯกำลังพบหารือกับพวกมือปฏิบัติการ โดยที่จะมีการแอบนำโทรศัพท์มือถือของจีนไปฝังไว้ในบริเวณใกล้ๆ ชายแดนติดต่อกับเกาหลีเหนือ เพื่อให้มือปฏิบัติการเหล่านี้มาขุดและนำไปใช้งานอย่างลับๆ กันต่อไป
