ศรีสะเกษ - -ชายแดนเครียด! ตำรวจ-ทหารศรีสะเกษเร่งขยายผลล่าหัวหน้าสายลับเขมรที่ซิ่งรถตู้หลบหนีไปได้ 2 ราย ทิ้งลูกน้อง 3 สายลับถูกจับกุม ชายแดนจับตาคนแปลกหน้า-ชาวต่างชาติ “สุเทพ”ยันไม่มีการเจรจาขอแลกตัว "วีระ-ราตรี" ด้าน "กษิต" ได้ทียันสายลับต้องรับโทษ 2 ใน 3 ก่อน "มาร์ค" เตรียมฟ้อง คกก.มรดกโลก-ศาลโลก หวังมัดเขมรรุกรานไทย
วานนี้ (10 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ประยุทธ ทับทิมไสย์ รอง ผกก.(สส.)และ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ.2)สภ.กันทรลักษ์ ร้อยเวรเจ้าของคดีทำการสอบสวนขยายผล 3 ผู้ต้องหาสายลับชาวกัมพูชา เวียดนาม และชาวไทยมุสลิมที่ลักลอบเข้ามาสำรวจหาพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทย รวมทั้งที่ตั้งหลุมหลบภัยและหมู่บ้านชุมชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์
ทั้งนี้ เนื่องจากสืบทราบว่ายังมีสายลับชาวกัมพูชาหลบหนีไปได้ 2 คน ซึ่งคาดว่าอาจยังหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ตั้งด่านตรวจเข้มในเขตพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษตลอดแนว ซึ่งจะทำให้ยากต่อการหลบหนีออกนอกประเทศ
พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวว่า ได้รายงานเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.และ พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้กำชับมาว่า ให้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียด และขยายผลหาเครือข่ายสายลับที่อาจยังแฝงตัวหาข้อมูลความมั่นคงและข้อมูลทางทหารของไทยด้านชายแดนไทย -กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร
ในเบื้องต้นตนและ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ได้ขยายผลแล้วทราบว่า ยังคงมีหัวหน้ากลุ่มสายลับกัมพูชา-เวียดนามหลบหนีการจับกุมไปได้ 2 คนโดยชายทั้งสองคนเดินทางด้วยรถยนต์ตู้เข้ามาร่วมกับ 3 สายลับที่ถูกจับกุมได้ ซึ่งในรถตู้ที่หัวหน้ากลุ่มสายลับกัมพูชาใช้เป็นยานพาหนะนั้นจะมีอุปกรณ์จีพีเอสเพื่อจับพิกัดที่ตั้งต่างๆ รวมทั้งอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ที่ใช้ในการจารกรรมข้อมูลทางความมั่นคงของไทย
“โดยขณะที่ตำรวจและทหารเข้าจับกุม 3 สายลับนั้นหัวหน้ากลุ่มสายลับพวกนี้ได้ไหวตัวทันและรีบขับรถตู้ออกนอกบริเวณที่กำลังมีการจับกุม 3 สายลับอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกับทางฝ่ายทหารได้ตั้งด่านสกัดทุกจุดต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้"
**สั่ง นอภ.ชายแดนจับตาคนแปลกหน้า
ด้านนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังนายอำเภอกันทรลักษ์ และนายอำเภอทุกอำเภอที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาให้เฝ้าระวังคนแปลกหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาในเขตพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยให้เฝ้าติดตามว่ากลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาตามบริเวณแนวชายแดนมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางที่จะทำให้กระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติหรือไม่ หากว่าคนแปลกหน้าและชาวต่างชาติมีพฤติกรรมที่อาจทำลายความมั่นคงของชาติให้เร่งดำเนินการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยด่วนที่สุด เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป
พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กล่าวว่า หลังจากที่ทหารและตำรวจสามารถจับกุม 3 สายลับได้แล้วสถานการณ์ชายแดนด้านเขาพระวิหารยังคงปกติ ไม่มีการเคลื่อนไหวกำลังทหารกัมพูชาตามแนวชายแดนแต่อย่างใด แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้ทหารพรานทุกนายได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณเขาพระวิหารได้ตระหนักถึงหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยของชาติไทยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
**"บ้านภูมิซรอล" ผวามีเหตุปะทะอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ หลังจากข่าวการจับ 3 สายลับแพร่กระจายออกไปปรากฏว่าชาวบ้านได้พากันหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และได้พากันจัดเวรยามเฝ้ารักษาความปลอดภัยหมู่บ้านอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันที่บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ทั้งบริเวณด่านหน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอล และบริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้มีกำลังทหารไทยพร้อมด้วยอาวุธครบมือเฝ้ารักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเด็ดขาด โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย
**"มาร์ค"จ่อใช้ข้อมูลจับสายลับฟ้องศาลโลก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจับกุม 3 สายลับว่า ตนได้พูดคุยกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายของไทย เพราะได้พบเอกสารหลักฐานต่างๆ
ส่วนไทยจะใช้เรื่องนี้ไปใช้เจรจากับกัมพูชาในกรณีของนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำของกัมพูชาได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรากำลังพิจารณารายละเอียดทั้งหมด เพราะเราต้องสอบสวนให้ไปถึงต้นเหตุและวัตถุประสงค์ของคนเหล่านิ้ เนื่องจากมีเอกสารหลายอย่าง และแผนที่ ดังนั้น เราต้องแจ้งให้กัมพูชารับทราบว่า นี่คือสิ่งที่ไทยพบ และเราไม่ยอมรับการกระทำแบบนี้ อย่างไรก็ตามนายสุวิทย์ บอกว่า จะใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ในเวทีอื่นๆ ด้วย
เมื่อถามว่า กัมพูชายังใช้วิธีการสืบข้อมูลเรื่องของทหารและหลุมหลบภัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะใช้ไปบอกกับเวทีต่างๆ ในโลกว่า มันแสดงออกถึงเจตนาของกัมพูชา ทั้งนี้ยังมีเวลาที่ไทยสามารถส่งข้อมูลดังกล่าวเพิ่มเติมไปยังคณะกรรมการมรดกโลก และเราอาจมีการยื่นต่อศาลโลกด้วย แต่ต้องพิจารณาข้อมูลก่อน ซึ่งตนมั่นใจว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย และเมื่อต่างประเทศได้เห็นข้อมูลตรงนี้ จะเห็นได้ชัดว่าฝ่ายที่มีเจตนาคือฝ่ายกัมพูชา และสิ่งที่กัมพูชาอ้างมาตลอดว่าไทยรุกรานเขานั้นไม่ได้มีหลักฐานใดเลย แต่ในทางตรงกันข้ามเขากลับกระทำอย่างนี้
**ยันจับสายลับเขมรไม่กระทบสัมพันธ์
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทางการไทยจับกุมสายลับของกัมพูชาและคนไทยในข้อหาโจรกรรมข้อมูลจากฝ่ายไทยว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีไปตามตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้ เบื้องต้นทางการไทยจะไม่มีการไปขอเจรจาเพื่อขอเปลี่ยนตัวให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนไพบูลย์ กลับมา ซึ่งถึงเวลานี้ยังไม่มีการพูดหรือเจรจาใดๆทั้งสิ้น
ส่วนทางการกัมพูชาได้มีการประสานขอตัวกลุ่มคนดังกล่าวมาแล้วหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ากัมพูชาประสานมาอย่างไร
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กัมพูชาประสานขอทราบสาเหตุที่ชาวบ้านถูกจับจากเจ้าหน้าที่ไทย ระหว่างร่วมสอบปากคำ โดยยืนยันว่า เหตุดังกล่าวจะไม่กระทบความสัมพันธ์ 2 ประเทศ ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นหน้าที่ตำรวจ เพราะแผนที่ทางทหารนั้น คนทั่วไปไม่สามารถมีได้
**สายลับต้องรับโทษ 2 ใน 3 ก่อน
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่ามีผู้ต้องหาที่เป็นชาวเวียดนาม และกัมพูชา จึงมอบหมายให้กรมเอเชียตะวันออก ประสานสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาและเวียดนาม ประจำประเทศไทย เพื่อให้รับทราบยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่มีนอกมีใน และไม่ใช่เรื่องการเมือง
ส่วนที่มีข่าวว่าทางกัมพูชาจะขอแลกผู้ต้องหาเหล่านี้ กับนายวีระกับน.ส.ราตรี ก็คงต้องรอกระบวนการยุติธรรม และเป็นไปตามหลักการ ซึ่งตามกระบวนการยุติธรรมของไทย ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะต้องรับโทษ 2 ใน 3 ของข้อกล่าวหาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันในอนาคต
**ศาลโลกส่งเอกสารเขมรให้ไทยพิจารณา
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีจับกุม 3 สายลับกัมพูชาว่า เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของไทยแล้ว ยืนยันจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
ส่วนความคืบหน้าการส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมกรณีกัมพูชาร้องขอศาลโลกให้พิจารณาออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวนั้น นายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้เป็นตัวแทนนำส่งเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลผู้อพยพตามแนวชายแดนของไทย และผลกระทบที่เกิดจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อปลาย เม.ย.ที่ผ่านมาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว และศาลโลกส่งเอกสารข้อมูลของฝ่ายกัมพูชาให้ไทยแล้วเช่นกัน เพื่อให้ไทยวิเคราะห์ข้อมูลในเอกสารดังกล่าว นำส่งกลับศาลโลก วันที่ 14 มิ.ย.ต่อไปเพื่อพิจารณาว่าจะออกมาตรการดังกล่าวหรือไม่.
วานนี้ (10 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ประยุทธ ทับทิมไสย์ รอง ผกก.(สส.)และ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ.2)สภ.กันทรลักษ์ ร้อยเวรเจ้าของคดีทำการสอบสวนขยายผล 3 ผู้ต้องหาสายลับชาวกัมพูชา เวียดนาม และชาวไทยมุสลิมที่ลักลอบเข้ามาสำรวจหาพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทย รวมทั้งที่ตั้งหลุมหลบภัยและหมู่บ้านชุมชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์
ทั้งนี้ เนื่องจากสืบทราบว่ายังมีสายลับชาวกัมพูชาหลบหนีไปได้ 2 คน ซึ่งคาดว่าอาจยังหลบซ่อนตัวอยู่ในเขตพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ตั้งด่านตรวจเข้มในเขตพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษตลอดแนว ซึ่งจะทำให้ยากต่อการหลบหนีออกนอกประเทศ
พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวว่า ได้รายงานเรื่องนี้ให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นได้รับทราบเรียบร้อยแล้ว ซึ่ง พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผบช.ภ.และ พล.ต.ต.เสริมสุข วีรวงศ์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้กำชับมาว่า ให้ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียด และขยายผลหาเครือข่ายสายลับที่อาจยังแฝงตัวหาข้อมูลความมั่นคงและข้อมูลทางทหารของไทยด้านชายแดนไทย -กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร
ในเบื้องต้นตนและ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ ได้ขยายผลแล้วทราบว่า ยังคงมีหัวหน้ากลุ่มสายลับกัมพูชา-เวียดนามหลบหนีการจับกุมไปได้ 2 คนโดยชายทั้งสองคนเดินทางด้วยรถยนต์ตู้เข้ามาร่วมกับ 3 สายลับที่ถูกจับกุมได้ ซึ่งในรถตู้ที่หัวหน้ากลุ่มสายลับกัมพูชาใช้เป็นยานพาหนะนั้นจะมีอุปกรณ์จีพีเอสเพื่อจับพิกัดที่ตั้งต่างๆ รวมทั้งอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ที่ใช้ในการจารกรรมข้อมูลทางความมั่นคงของไทย
“โดยขณะที่ตำรวจและทหารเข้าจับกุม 3 สายลับนั้นหัวหน้ากลุ่มสายลับพวกนี้ได้ไหวตัวทันและรีบขับรถตู้ออกนอกบริเวณที่กำลังมีการจับกุม 3 สายลับอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ประสานงานกับทางฝ่ายทหารได้ตั้งด่านสกัดทุกจุดต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้"
**สั่ง นอภ.ชายแดนจับตาคนแปลกหน้า
ด้านนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังนายอำเภอกันทรลักษ์ และนายอำเภอทุกอำเภอที่อยู่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาให้เฝ้าระวังคนแปลกหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาในเขตพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยให้เฝ้าติดตามว่ากลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาตามบริเวณแนวชายแดนมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางที่จะทำให้กระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติหรือไม่ หากว่าคนแปลกหน้าและชาวต่างชาติมีพฤติกรรมที่อาจทำลายความมั่นคงของชาติให้เร่งดำเนินการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบโดยด่วนที่สุด เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่ต่อไป
พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 กล่าวว่า หลังจากที่ทหารและตำรวจสามารถจับกุม 3 สายลับได้แล้วสถานการณ์ชายแดนด้านเขาพระวิหารยังคงปกติ ไม่มีการเคลื่อนไหวกำลังทหารกัมพูชาตามแนวชายแดนแต่อย่างใด แต่เพื่อความไม่ประมาทได้สั่งการให้ทหารพรานทุกนายได้เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ที่บริเวณเขาพระวิหารได้ตระหนักถึงหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยของชาติไทยอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
**"บ้านภูมิซรอล" ผวามีเหตุปะทะอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มว่า ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ หลังจากข่าวการจับ 3 สายลับแพร่กระจายออกไปปรากฏว่าชาวบ้านได้พากันหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก และได้พากันจัดเวรยามเฝ้ารักษาความปลอดภัยหมู่บ้านอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันที่บริเวณทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ทั้งบริเวณด่านหน้าโรงเรียนบ้านภูมิซรอล และบริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารได้มีกำลังทหารไทยพร้อมด้วยอาวุธครบมือเฝ้ารักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขึ้นไปที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างเด็ดขาด โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย
**"มาร์ค"จ่อใช้ข้อมูลจับสายลับฟ้องศาลโลก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจับกุม 3 สายลับว่า ตนได้พูดคุยกับนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เห็นว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายของไทย เพราะได้พบเอกสารหลักฐานต่างๆ
ส่วนไทยจะใช้เรื่องนี้ไปใช้เจรจากับกัมพูชาในกรณีของนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำของกัมพูชาได้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรากำลังพิจารณารายละเอียดทั้งหมด เพราะเราต้องสอบสวนให้ไปถึงต้นเหตุและวัตถุประสงค์ของคนเหล่านิ้ เนื่องจากมีเอกสารหลายอย่าง และแผนที่ ดังนั้น เราต้องแจ้งให้กัมพูชารับทราบว่า นี่คือสิ่งที่ไทยพบ และเราไม่ยอมรับการกระทำแบบนี้ อย่างไรก็ตามนายสุวิทย์ บอกว่า จะใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ในเวทีอื่นๆ ด้วย
เมื่อถามว่า กัมพูชายังใช้วิธีการสืบข้อมูลเรื่องของทหารและหลุมหลบภัย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราจะใช้ไปบอกกับเวทีต่างๆ ในโลกว่า มันแสดงออกถึงเจตนาของกัมพูชา ทั้งนี้ยังมีเวลาที่ไทยสามารถส่งข้อมูลดังกล่าวเพิ่มเติมไปยังคณะกรรมการมรดกโลก และเราอาจมีการยื่นต่อศาลโลกด้วย แต่ต้องพิจารณาข้อมูลก่อน ซึ่งตนมั่นใจว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายไทย และเมื่อต่างประเทศได้เห็นข้อมูลตรงนี้ จะเห็นได้ชัดว่าฝ่ายที่มีเจตนาคือฝ่ายกัมพูชา และสิ่งที่กัมพูชาอ้างมาตลอดว่าไทยรุกรานเขานั้นไม่ได้มีหลักฐานใดเลย แต่ในทางตรงกันข้ามเขากลับกระทำอย่างนี้
**ยันจับสายลับเขมรไม่กระทบสัมพันธ์
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทางการไทยจับกุมสายลับของกัมพูชาและคนไทยในข้อหาโจรกรรมข้อมูลจากฝ่ายไทยว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีไปตามตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้ เบื้องต้นทางการไทยจะไม่มีการไปขอเจรจาเพื่อขอเปลี่ยนตัวให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับนายวีระ สมความคิด และนางราตรี พิพัฒนไพบูลย์ กลับมา ซึ่งถึงเวลานี้ยังไม่มีการพูดหรือเจรจาใดๆทั้งสิ้น
ส่วนทางการกัมพูชาได้มีการประสานขอตัวกลุ่มคนดังกล่าวมาแล้วหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ากัมพูชาประสานมาอย่างไร
นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กัมพูชาประสานขอทราบสาเหตุที่ชาวบ้านถูกจับจากเจ้าหน้าที่ไทย ระหว่างร่วมสอบปากคำ โดยยืนยันว่า เหตุดังกล่าวจะไม่กระทบความสัมพันธ์ 2 ประเทศ ส่วนการสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นหน้าที่ตำรวจ เพราะแผนที่ทางทหารนั้น คนทั่วไปไม่สามารถมีได้
**สายลับต้องรับโทษ 2 ใน 3 ก่อน
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่ามีผู้ต้องหาที่เป็นชาวเวียดนาม และกัมพูชา จึงมอบหมายให้กรมเอเชียตะวันออก ประสานสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาและเวียดนาม ประจำประเทศไทย เพื่อให้รับทราบยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ไม่มีนอกมีใน และไม่ใช่เรื่องการเมือง
ส่วนที่มีข่าวว่าทางกัมพูชาจะขอแลกผู้ต้องหาเหล่านี้ กับนายวีระกับน.ส.ราตรี ก็คงต้องรอกระบวนการยุติธรรม และเป็นไปตามหลักการ ซึ่งตามกระบวนการยุติธรรมของไทย ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะต้องรับโทษ 2 ใน 3 ของข้อกล่าวหาก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันในอนาคต
**ศาลโลกส่งเอกสารเขมรให้ไทยพิจารณา
นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีจับกุม 3 สายลับกัมพูชาว่า เรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของไทยแล้ว ยืนยันจะได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม
ส่วนความคืบหน้าการส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมกรณีกัมพูชาร้องขอศาลโลกให้พิจารณาออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวนั้น นายวีรชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้เป็นตัวแทนนำส่งเอกสารเกี่ยวกับข้อมูลผู้อพยพตามแนวชายแดนของไทย และผลกระทบที่เกิดจากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อปลาย เม.ย.ที่ผ่านมาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมาแล้ว และศาลโลกส่งเอกสารข้อมูลของฝ่ายกัมพูชาให้ไทยแล้วเช่นกัน เพื่อให้ไทยวิเคราะห์ข้อมูลในเอกสารดังกล่าว นำส่งกลับศาลโลก วันที่ 14 มิ.ย.ต่อไปเพื่อพิจารณาว่าจะออกมาตรการดังกล่าวหรือไม่.