ศรีสะเกษ - ตำรวจ -ทหารศรีสะเกษ จับกุม 3 สายลับเขมร-เวียดนาม-ไทยมุสลิม ลักลอบเข้าสอดแนมหาพิกัดและโจรกรรมข้อมูล ฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ แถมสำรวจบังเกอร์ของปชช.ไทยด้วย เผยค้นพบหลักฐานแผนที่ทหารเขมร-แผนที่ประเทศไทยจดข้อความพิกัดและมือถือ 4 เครื่อง ด้าน จนท.ประเทศเพื่อนบ้านประสานฝ่ายความมั่นคงขอตัวผู้ต้องทั้ง 3 คนด่วน แต่ไทยยืนยันดำเนินคดีตาม กม.
วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุม สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ และ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และคณะนายทหารสังกัดกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้ร่วมกันสอบสวน 3 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นชาวกัมพูชา ชาวเวียดนาม และ ชาวไทยศาสนาอิสลาม ซึ่งถูก ตร.สภ.กันทรลักษ์และทหารพราน สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ไล่จับกุมได้ที่บริเวณถนนสายกันทรลักษ์-เขาพระวิหาร ต.เมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ใช้รถยนต์เป็นพาหนะลักลอบเข้ามาหาพิกัดที่ตั้งของทหารไทยและสำรวจบังเกอร์ ของประชาชน ที่ บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.เวลา 17.00 น.ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23, พ.ท.พยัคฆพล คุ้มแสง ผช.หน.ฝ่ายข่าว กองกำลังสุรนารี, พ.ท.ธนูศิลป์ จังอินทร์ นายทหารการข่าว กองกำลังสุรนารี และตน ได้สืบทราบว่า มีกลุ่มบุคคลซึ่งมีคนไทยร่วมอยู่ด้วย ได้เข้ามาในประเทศไทย เพื่อกระทำความผิดและทำการสอดแนมเพื่อโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารฝ่ายไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามวันเวลาที่เกิดเหตุข้างต้น
โดยก่อนที่จะถูกจับกุมได้ ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนชื่อ นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม, นายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา เชื้อชาติกัมพูชา ศาสนาพุทธ และ นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี สัญชาติเวียดนาม เชื้อสายเวียดนาม ศาสนาพุทธ ได้พากันเข้ามาที่บริเวณ บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้าสีดำ สี่ประตู หมายเลขทะเบียน ชว 1901 กทม.มี นายสุชาติ เป็นคนขับ
พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ทำการสอดแนมฐานที่ตั้งทางทหารของทหารพรานไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านภูมิซรอล ตลอดจนสำรวจหลุมบังเกอร์ของชาวบ้านที่ทางราชการทหารได้จัดทำไว้ให้ชาวบ้านใช้หลบกระสุนปืนใหญ่เมื่อเกิดการสู้รบ
จากการตรวจค้นผู้ต้องหาทั้ง 3 คนพบ แผนที่ทางทหารของประเทศกัมพูชา มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 (หมายความว่า 1 ช่องในแผนที่เท่ากับภูมิประเทศจริง 1 กิโลเมตร) และ แผนที่ประเทศไทยมาตราส่วน 1 ต่อ 1,200,000 โดยในแผนที่ประเทศไทยพบหลักฐานการจดข้อความพิกัด หมายเลข 10 หลัก ที่รู้จักกันในกลุ่มของผู้ต้องหา อยู่ในความครอบครองของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน และ เครื่องมือสื่อสารเป็นโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง
นอกจากนี้ จากการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พบสารเสพติดประเภทแอมเฟตามีนเจือปนในปัสสาวะของ นายสุชาติ และ นายอึ้ง ซึ่งยอมรับสารภาพว่า ได้เสพยาบ้ามาก่อนจริง จึงได้ตั้งข้อหา นายสุชาติ มูฮำหมัด ผู้ต้องหาที่ 1 ว่า ร่วมกันกระทำการใดๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
ผู้ต้องหาที่ 2 คือ นายอึ้ง กิมไทย ได้ตั้งข้อหาว่า ร่วมกันกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และ ผู้ต้องหาที่ 3 นายเหวียง เติ้งยัง ได้ตั้งข้อหาว่า ร่วมกันกระทำการใด ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งความลับสำหรับความปลอดภัยของประเทศ โดยนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งมอบให้ พ.ต.ท.ประยุทธ ทับทิมไสย์ รองผกก.(สส.) สภ.กันทรลักษ์ และ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ2) ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่ทหารพราน และ ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ ดังกล่าว มีรายงานข่าวว่า ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยได้ประสานงานมายังฝ่ายความมั่นคงของไทย เพื่อขอตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน แต่ทางฝ่ายไทยยืนยันที่จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และยังไม่มีการสั่งการใดๆ จากหน่วยเหนือถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ แต่อย่างใด