ศรีสะเกษ - ตร.กันทรลักษ์สเกตซ์ภาพหัวหน้าสายลับเขมรและพวกรวม 2 คน ที่ยังหลบหนีเพื่อขอออกหมายจับทั่วประเทศ เร่งไล่ล่าให้ได้ตัวโดยเร็ว ขณะญาติของคนขับรถรับจ้างชาวไทยมุสลิม 1 ใน 3 ผู้ต้องหาถูกจับกุม เดินทางเข้าเยี่ยมที่เรือนจำกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เผยสารภาพได้รับค่าจ้างขับรถให้สายลับ 5,000 บาท ตระเวนไปตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษหลายแห่ง ใกล้ฐานที่ตั้งทหารไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจ และ ทหารพราน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับกุมผู้ต้องหา 3 สายลับ ชาวกัมพูชา , เวียดนามและชาวไทยมุสลิม ขณะเข้ามาลักลอบตรวจหาพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดผู้ต้องหาทั้ง 3 ถูกนำตัวฝากขังไว้ที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมเร่งติดตามจับกุม นายวิชัย หัวหน้ากลุ่มสายลับซึ่งเป็นชาวกัมพูชา กับพวกรวม 2 คน ที่หลบหนีไปได้ นั้น
ล่าสุด วันที่ 13 มิ.ย. เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า จากการที่ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวน นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม เพิ่มเติม ได้ให้การว่า เป็นคนขับ รถปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า สีดำ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน ชว 1901 กทม. ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากผู้ต้องหาอีก 2 คนที่จับกุมได้ คือ นายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา และ นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี ชาวเวียดนาม ในราคา 5,000 บาท
โดยเดินทางออกมาจาก จ.ตราด และมาพักค้างคืนที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จากนั้น ชาวกัมพูชาและเวียดนามที่ว่าจ้างมาได้ให้พาขับรถยนต์ตระเวนไปตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษ หลายแห่งด้วยกัน ซึ่งบางแห่งก็ใกล้กับฐานที่ตั้งทางทหารของไทย และจะมีรถตู้อีก 1 คัน ซึ่งมี นายวิชัย ชาวกัมพูชา และเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้ เดินทางติดตามไปยังที่ต่าง ๆด้วย กลุ่มบุคคลทั้งหมดบอกเพียงว่า จะมาหาซื้อไม้พะยูงเข้าไปขายในประเทศกัมพูชาเท่านั้น
พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้ร่วมกับ นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ และ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ดำเนินการขยายผลร่วมกัน เพื่อไล่ล่าติดตามจับกุมนายวิชัย กับพวกชาวกัมพูชาที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ให้ได้โดยด่วนที่สุด โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจทำการสเกตซ์ภาพ นายวิชัยกับพวก เพื่อที่จะได้นำเอาภาพที่สเกตซ์ได้นั้น มาออกหมายจับไปทั่วประเทศต่อไป
ในวันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 09.00 น. ได้มีบรรดาญาติพี่น้องของ นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเพียงคนเดียวที่เป็นคนไทยเดินทางมาจาก จ.ตราด มาเข้าพบกับ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ.2) เพื่อขอเยี่ยมนายสุชาติ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในครั้งนี้ ซึ่ง พ.ต.ต.สังวร แจ้งว่าได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปฝากขังที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์แล้ว และให้บรรดาญาติพี่น้องของนายสุชาติ ไปติดต่อขอเยี่ยมนายสุชาติ ได้ที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์
ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บรรดาญาติพี่น้องของ นายสุชาติ จำนวน 8 คน ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์และขอเยี่ยมนายสุชาติ มูฮำหมัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเรือนจำได้อนุญาตให้เยี่ยมได้ โดยนายสุชาติ เมื่อได้พบกับญาติพี่น้องก็มีอาการดีใจมาก และบรรดาญาติพี่น้องได้ถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งบรรดาญาติพี่น้องของนายสุชาติ ใช้เวลาในการเยี่ยมพบปะกันเป็นเวลาพอสมควรตามระเบียบแล้ว ก็ได้พากันเดินทางกลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ดูแลความเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด
ทางด้าน นายสัมฤทธิ์ ลายประดิษฐกร เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ อ.กันทรลักษ์ ได้อยู่รวมกับผู้ต้องขังทั่วไป และได้เปลี่ยนชุดตามระเบียบของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จะเก็บตัวเงียบไม่ค่อยพูดจากับใคร พุดคุยกันเฉพาะในกลุ่มพวกกันเองเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ได้เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีตำรวจ และ ทหารพราน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จับกุมผู้ต้องหา 3 สายลับ ชาวกัมพูชา , เวียดนามและชาวไทยมุสลิม ขณะเข้ามาลักลอบตรวจหาพิกัดโจรกรรมข้อมูลฐานที่ตั้งทหารไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดผู้ต้องหาทั้ง 3 ถูกนำตัวฝากขังไว้ที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมเร่งติดตามจับกุม นายวิชัย หัวหน้ากลุ่มสายลับซึ่งเป็นชาวกัมพูชา กับพวกรวม 2 คน ที่หลบหนีไปได้ นั้น
ล่าสุด วันที่ 13 มิ.ย. เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พ.ต.อ.สมพจน์ ขอมปรางค์ ผกก.สภ.กันทรลักษ์ กล่าวว่า จากการที่ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน ได้ทำการสอบสวน นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 32 ปี สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย ศาสนาอิสลาม เพิ่มเติม ได้ให้การว่า เป็นคนขับ รถปิกอัพ ยี่ห้อ โตโยต้า สีดำ 4 ประตู หมายเลขทะเบียน ชว 1901 กทม. ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากผู้ต้องหาอีก 2 คนที่จับกุมได้ คือ นายอึ้ง กิมไทย อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา และ นายเหวียง เติ้งยัง อายุ 37 ปี ชาวเวียดนาม ในราคา 5,000 บาท
โดยเดินทางออกมาจาก จ.ตราด และมาพักค้างคืนที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จากนั้น ชาวกัมพูชาและเวียดนามที่ว่าจ้างมาได้ให้พาขับรถยนต์ตระเวนไปตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษ หลายแห่งด้วยกัน ซึ่งบางแห่งก็ใกล้กับฐานที่ตั้งทางทหารของไทย และจะมีรถตู้อีก 1 คัน ซึ่งมี นายวิชัย ชาวกัมพูชา และเป็นหัวหน้าของกลุ่มนี้ เดินทางติดตามไปยังที่ต่าง ๆด้วย กลุ่มบุคคลทั้งหมดบอกเพียงว่า จะมาหาซื้อไม้พะยูงเข้าไปขายในประเทศกัมพูชาเท่านั้น
พ.ต.อ.สมพจน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้ร่วมกับ นายเพิ่มศักดิ์ ฉวีรักษ์ นายอำเภอกันทรลักษ์ และ พ.อ.ธนศักดิ์ มิตรภานนท์ ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ดำเนินการขยายผลร่วมกัน เพื่อไล่ล่าติดตามจับกุมนายวิชัย กับพวกชาวกัมพูชาที่ยังหลบหนีการจับกุมอยู่ให้ได้โดยด่วนที่สุด โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจทำการสเกตซ์ภาพ นายวิชัยกับพวก เพื่อที่จะได้นำเอาภาพที่สเกตซ์ได้นั้น มาออกหมายจับไปทั่วประเทศต่อไป
ในวันเดียวกันนี้ เวลาประมาณ 09.00 น. ได้มีบรรดาญาติพี่น้องของ นายสุชาติ มูฮำหมัด อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาเพียงคนเดียวที่เป็นคนไทยเดินทางมาจาก จ.ตราด มาเข้าพบกับ พ.ต.ต.สังวร วันทะวี พงส.(สบ.2) เพื่อขอเยี่ยมนายสุชาติ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในครั้งนี้ ซึ่ง พ.ต.ต.สังวร แจ้งว่าได้ส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปฝากขังที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์แล้ว และให้บรรดาญาติพี่น้องของนายสุชาติ ไปติดต่อขอเยี่ยมนายสุชาติ ได้ที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์
ต่อมาเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บรรดาญาติพี่น้องของ นายสุชาติ จำนวน 8 คน ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์และขอเยี่ยมนายสุชาติ มูฮำหมัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเรือนจำได้อนุญาตให้เยี่ยมได้ โดยนายสุชาติ เมื่อได้พบกับญาติพี่น้องก็มีอาการดีใจมาก และบรรดาญาติพี่น้องได้ถามถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งบรรดาญาติพี่น้องของนายสุชาติ ใช้เวลาในการเยี่ยมพบปะกันเป็นเวลาพอสมควรตามระเบียบแล้ว ก็ได้พากันเดินทางกลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ดูแลความเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด
ทางด้าน นายสัมฤทธิ์ ลายประดิษฐกร เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญงาน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ อ.กันทรลักษ์ ได้อยู่รวมกับผู้ต้องขังทั่วไป และได้เปลี่ยนชุดตามระเบียบของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จะเก็บตัวเงียบไม่ค่อยพูดจากับใคร พุดคุยกันเฉพาะในกลุ่มพวกกันเองเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ได้เฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
