xs
xsm
sm
md
lg

จับตานโยบายราคาข้าวปชป.-พท. ข้าวตราฉัตรขยายฟู้ดเซอร์วิส-ตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – ซี.พี.ฯ ชี้ สัญญาณราคาข้าว จ่อขยับพุ่งครึ่งปีหลัง หลังนโยบายพรรคการเมืองเพื่อไทย-ประชาธิปปัตย์ ชูประกันราคาข้าว-จำนำข้าว เอาใจรากหญ้า แถมรับอานิสงส์ภัยธรรมชาติทั่วโลก ความต้องการสูงราคาพุ่ง  ข้าวตราฉัตร เร่งขยายช่องทางฟูดส์เซอร์วิส  กินชิ้นเค้กตลาด 3 หมื่นล้านบาท สิ้นปีรายได้โต 7-8% หรือกวาด6.2หมื่นล้านบาท

นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวตราฉัตร กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวในปีนี้มีโอกาสปรับราคาขึ้น จากปัจจุบันข้าวหอมมะลิ 5กก. ราคา 220บาท ข้าวขาว 5กก.ราคา 110-120บาท ปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาข้าวเพิ่มขึ้นมาจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่เข้ามาบริหารประเทศ
โดยกรณีที่พรรคเพื่อไทย ชูการรับจำนำข้าวเปลือกตันละ 15,000บาท ไม่จำกัดจำนวนเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการ จะผลักดันให้ราคาข้าวปรับสูงขึ้น 40% ขณะที่กรณีพรรคประชาธิปปัตย์ หาเสียงโดยการชูประกันรายได้สำหรับข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 11,000บาท จะทำให้ราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้น 5%

อีกทั้งราคาข้าวไทยที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น ยังมาจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศที่ปลูกข้าว เช่น อเมริกา แหล่งปลูกข้าวมิสซิซิปปีประสบกับภัยน้ำท่วม ยุโรปสภาพอากาศร้อน อินเดีย มีโอกาสเจอปัญหาน้ำท่วม ฯลฯ ดังนั้นคาดว่าแนวโน้มราคาข้าวจะปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หรือตั้งแต่เดือนมิถุนายน –กันยายน จะมีสัญญาณที่ดี
หลังจากก่อนหน้านี้ราคาข้าวสาลี แป้งข้าวโพด ซึ่งเป็นพืชเกษตรที่นำไปผลิตเป็นอาหาร อาทิ ขนมปังปอนด์ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปรับราคาขึ้นไปแล้ว เมื่อเทียบกับข้าว ถือว่าเป็นพืชเกษตร ที่ยังมีราคาค่อนข้างต่ำโดยราคาส่งออกข้าวไทยปัจจุบัน  470เหรียญสหรัฐต่อตัน สูงกว่าราคาข้าวในเวียดนาม 460เหรียญสหรัฐต่อตันเท่านั้น  

“ขณะนี้ทั่วโลกก็จับตาการเลือกตั้งในครั้งนี้ เนื่องจากนโยบายหาเสียงแต่ละพรรคต่างชูการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร โดยการประกันราคาข้าวหรือการรับจำนำ ซึ่งมีผลต่อให้ราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่มีการส่งออกข้าวสูงที่สุด โดยปีนี้มีแนวโน้มว่าการส่งออกจะเพิ่มจาก 10 ล้านตันเป็น 12 ล้านตัน”

แผนการตลาดข้าวตราฉัตร บริษัทมุ่งเน้นการทำตลาดสร้างความสมดุลย์ เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ โดยการส่งออกจะเป็นสัดส่วน 60% และในประเทศ 40% ส่วนด้านช่องทางจำหน่ายเจาะช่องทางยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว 40% ช่องทางฟู้ดส์เซอร์วิส 30% และโมเดิร์นเทรด 30% ซึ่งบริษัทได้วางแผนขยายช่องทางฟู้ดส์เซอร์วิส ซึ่งในเบื้องต้นได้เช่าคลังสินค้าใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ลดต้นทุนการขนส่ง
และกระจายสินค้าให้ครอบคลุม  นอกจากนี้ยังจัดงานสัมมนา”การพัฒนาศักยภาพธุรกิจด้านอาหารและบริการ” เพื่อป้อนข้อมูลความเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจร้านอาหารให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะจัด 12ครั้ง ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล

  ตลาดฟู้ดส์เซอร์วิสมูลค่า 2-3หมื่นล้านบาท เติบโตโดยเฉลี่ย15%  ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ  ทั้งนี้จากการดำเนินการตลาดเชิงรุก คาดว่าจะขยายร้านอาหารเพิ่มจาก 768แห่ง เป็น 2,000แห่ง ในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 80% และต่างจังหวัด 20%  หรือมีการเติบโต 60% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเติบโต 20% สำหรับรายได้ปีนี้ 6.2 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 7-8% หรือราว 1.1ล้านตัน เติบโต 10% แบ่งเป็น
การส่งออก  60% หรือ 7แสนตัน  และในประเทศ 40% หรือ 4 แสนตัน หรือมีรายได้ 15,900 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น