ข้าวตราฉัตรรุกตลาด ชม.เปิดช่องทางฟู้ดเซอร์วิส-ชี้ รบ.ใหม่จำนำข้าวทำข้าวถุงขึ้นราคาแน่

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ข้าวตราฉัตรรุกตลาดเชียงใหม่ เปิดช่องทางฟู้ดเซอร์วิส เน้นกลุ่มร้านอาหาร เน้นให้คำปรึกษา-ร่วมพัฒนาพร้อมสร้างความพอใจ แถมยืนยันเปลี่ยนข้าวให้ทันทีหากไม่ประทับใจ เผย เชื่อมั่นตลาดท่องเที่ยวเชียงใหม่ กลับมาบูมแน่ หลังผ่านเลือกตั้ง-มีรัฐบาลใหม่ส่งผลตลาดข้าวพุ่ง ส่วนผลกระทบนโยบายจำนำรัฐบาลใหม่ ผู้บริหารรับมีผลข้าวแพงขึ้นแน่ แบบถุงคาดราคาแตะ 300 แต่ย้ำต้องดูมาตรการอื่นประกอบ เชื่อ หากรายได้ดีประชาชนก็ไม่มีปัญหา

วันนี้ (6 ก.ค.) บริษัท ซี.พี อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวตราฉัตร ได้จัดการสัมมนาในหัวข้อ “การพัฒนาศักยภาพธุรกิจด้านอาหารและบริการ เพื่อเพิ่มคุณค่า และประโยชน์ให้กับผู้บริโภค ผู้ประกอบการ” ณ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ เชียงใหม่ โดยมี นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ซี.พี อินเตอร์เทรด จำกัด เป็นผู้เปิดงาน และมี นายชาลี อมาตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารชื่อดังของเมืองไทย และที่ปรึกษาของบริษัท ซี.พี อินเตอร์เทรด จำกัด เป็นวิทยากรในการสัมมนา

การสัมมนาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจของข้าวตราฉัตร ซึ่งจะเน้นการขยายตลาดผ่านช่องทางฟู้ดเซอร์วิส ผ่านการทำตลาดในกลุ่มร้านอาหาร โรงเรียน และโรงงานอุตสาหกรรม ด้วยการให้บริการที่รวดเร็ว และมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาแนะนำกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับร้านค้า ร้านอาหาร และผู้ประกอบการเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการและเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โดยในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นจะเน้นหนักไปที่ตลาดกลุ่มผู้ประกอบการอาหารในจังหวัดเชียงใหม่กว่า 300 ร้าน และตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 300 ตันต่อเดือน หรือ 3,600 ตันต่อปีในปี 2554 นี้

นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ซี.พี อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวถึงการขยายตลาดของข้าวตราฉัตรผ่านช่องทางฟู้ดเซอร์วิส ว่า จะเน้นหนักไปที่การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ข้าวตราฉัตร

รวมทั้งมีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษาแนะนำในการพัฒนาคุณภาพและบริการของลูกค้า ผ่านการจัดตั้งทีมงานผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยีและความรู้ต่างๆ ที่ตรงตามความต้องการหรือเหมาะสมและสามารถช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้กับลูกค้า การจัดทำโปรโมชั่นส่งเสริมการตลาดต่างๆ และการให้เครื่องหมายประกันความพอใจ “รับเปลี่ยนสินค้าทันที กรณีไม่พอใจในสินค้า” ซึ่งจะทำการเปลี่ยนข้าวตราฉัตรใหม่แทนที่ของเดิมให้กับลูกค้าทันที หากมีการแจ้งเข้ามาว่าไม่พอใจในสินค้า

สำหรับการเข้ามาทำตลาดฟู้ดเซอร์วิสในจังหวัดเชียงใหม่นั้น นายสุเมธ กล่าวว่า เชียงใหม่ถือเป็นจังหวัดใหญ่ที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภาคเหนือ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งมีผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวนมากอยู่ และแม้ว่าช่วงที่ผ่านมา การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่อาจจะซบเซาไปบ้าง แต่หลังการเลือกตั้งแล้ว คาดว่า การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะกับการเป็นเจ้าภาพงานมหกรรมพืชสวนโลกในปลายปีนี้

ดังนั้น การที่ข้าวตราฉัตรเข้ามาทำตลาดผ่านช่องทางฟู้ดเซอร์วิสในเชียงใหม่ จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะพัฒนาความร่วมมือกับผู้ประกอบการ เพื่อให้ร้านอาหารในจังหวัดเชียงใหม่มีผลิตภัณฑ์และการบริการที่มีคุณภาพ รวมทั้งเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้กับข้าวตราฉัตร ซึ่งในปัจจุบันมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ

นายสุเมธ ยังได้ให้ความเห็นถึงนโยบายด้านข้าวของรัฐบาลชุดใหม่ ว่า จากการที่รัฐบาลชุดใหม่ของพรรคเพื่อไทย มีนโยบายที่จะหันกลับมาใช้การจำนำสินค้าเกษตรนั้น กลุ่มผู้ประกอบการมีความเห็นแตกต่างกันเป็นสองส่วน กล่าวคือ ส่วนหนึ่งมองว่าการกลับมาใช้วิธีจำนำเป็นการผูกขาดการซื้อขายไว้ที่ภาครัฐและเป็นการแทรกแซงตลาด

ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่าจะช่วยให้ราคาข้าวมีเสถียรภาพมากขึ้น ต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งราคาข้าวมีความผันผวน ส่งผลให้ช่วงที่ราคาข้าวตกต่ำยอดการสั่งซื้อจะลดลงตามไปด้วย ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายจำนำราคาข้าวของรัฐบาลใหม่นั้น แน่นอยนว่าคงจะทำให้ราคาจำหน่ายข้าวสารเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยราคาข้าวสารชนิดถุงอาจปรับราคาขึ้นไปอยู่ที่ 250-300 บาท

อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาด้วยว่าการรับจำนำข้าวในราคาที่เพิ่มสูงขึ้นนั้น คิดจากสร้างรายได้ให้ชาวนาสามารถอยู่ได้ ซึ่งเมื่อประชาชนมีรายได้ก็จะเกิดการใช้จ่ายในระบบ ขณะเดียวกันรัฐบาลใหม่ก็มีนโยบายที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนด้วยการขึ้นค่าครองชีพเช่นกัน ซึ่งมาตรการต่างๆ เหล่านี้น่าจะมีผลให้ประชาชนยังคงมีกำลังซื้อแม้ราคาสินค้าจะเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม เพราะค่าครองชีพนั้นไม่น่าจะลดลงไปจากนี้แล้วด้วยปัจจัยแวดล้อมต่างๆ อย่างเช่นราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นตลอด ดังนั้นการจะรับมือกับภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจึงอยู่ที่การทำให้ประชาชนมีรายรับที่เพียงพอต่อการใช้จ่ายมากกว่า