วานนี้(8 มิ.ย.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า ตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้นำพระราชกระแสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเชิญให้คณะรัฐมนตรี ข้าราชการ พนักงานและเจ้าหน้าที่รัฐสวมชุดผ้าสัปดาห์ละ 1 วัน ถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนไทย อีกทั้งปีนี้เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทั้งนี้จากการหารือกับนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงและนายไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ อธิบดีกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับแบบผ้าไทยที่จะให้ประชาชนสวมใส่ โดยเห็นตรงกันว่า ผู้ชาย ควรจะใช้แบบผ้าไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแบบไว้แล้ว คือ เสื้อพระราชทานแขนสั้น เสื้อพระราชทานแขนยาว และซาฟารี เสื้อพระราชทานจะเน้นวัตถุดิบเป็นผ้าไหม ส่วนซาฟารีเน้นวัตถุดิบเป็นผ้าไทยทั่วไป ซึ่งตามธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันมาหากใครสวมใส่เสื้อพระราชทานแขนยาวจะเหมือนกับการใส่สูทแบบสากล เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนผู้หญิงนั้น กระทรวงฯจะระดมนักออกแบบ (ดีไซเนอร์) ชื่อดังมาช่วยกันออกแบบผ้าไทยให้เหมาะสมกับผู้สวมใส่ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะออกแบบให้ถูกใจวัยรุ่นให้หันมาสนใจสวมใส่ผ้าไทยด้วย ตนขอย้ำว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่เป็นการบังคับ แต่เป็นการสนองพระราชกระแสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อยากให้คนไทยถือปฏิบัติ โดยวธ. จะนำรูปแบบเสื้อพระราชทาน และซาฟารี เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.m-culture.go.th
“เนื่องด้วยการรณรงค์สวมใส่ผ้าไทยเป็นมติ ครม. ผู้ปฏิบัติอย่างรัฐมนตรี ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้แต่ภาคเอกชน สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนการสวมใส่ 1 วันต่อสัปดาห์จะกำหนดว่าเป็นวันไหนนั้น ขอให้ขึ้นอยู่กับแต่ละหน่วยงานกำหนดตามความเหมาะสม” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ กล่าวว่า กรมหม่อนไหมจะร่วมกับ วธ. ช่วยกันรณรงค์เชิญชวนให้คนไทยหันมาใช้ผ้าไทย เราอยากจะเชิญชวนให้คนไทยหันมาใส่ผ้าไทย ที่มีราคาไม่แพง รวมทั้งอยากให้นำมาไทยมาแต่งกายให้เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เช่น สกลนครมีผ้าฝ้ายย้อมคราม ก็จะนำมาตัดเย็บเป็นชุดท้องถิ่นแต่งให้คนรู้ว่า ผ้าชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แห่งนี้ เป็นต้น ซึ่งอยากให้ใช้ผ้าที่มีในท้องถิ่นของแต่ละภาค และไม่เป็นการบังคับ อย่างของกระทรวงเกษตรฯ จะแต่งชุดผ้าไทยกันทุกวันพุธ หากทุกฝ่ายช่วยกันรณรงค์เชื่อว่า ผ้าไทยจะต้องเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นและเป็นเอกลักษณ์ของชาติ
ทั้งนี้จากการหารือกับนายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงและนายไพโรจน์ ลิ้มจำรูญ อธิบดีกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกี่ยวกับแบบผ้าไทยที่จะให้ประชาชนสวมใส่ โดยเห็นตรงกันว่า ผู้ชาย ควรจะใช้แบบผ้าไทยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแบบไว้แล้ว คือ เสื้อพระราชทานแขนสั้น เสื้อพระราชทานแขนยาว และซาฟารี เสื้อพระราชทานจะเน้นวัตถุดิบเป็นผ้าไหม ส่วนซาฟารีเน้นวัตถุดิบเป็นผ้าไทยทั่วไป ซึ่งตามธรรมเนียมที่ปฎิบัติกันมาหากใครสวมใส่เสื้อพระราชทานแขนยาวจะเหมือนกับการใส่สูทแบบสากล เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วนผู้หญิงนั้น กระทรวงฯจะระดมนักออกแบบ (ดีไซเนอร์) ชื่อดังมาช่วยกันออกแบบผ้าไทยให้เหมาะสมกับผู้สวมใส่ทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะออกแบบให้ถูกใจวัยรุ่นให้หันมาสนใจสวมใส่ผ้าไทยด้วย ตนขอย้ำว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่เป็นการบังคับ แต่เป็นการสนองพระราชกระแสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อยากให้คนไทยถือปฏิบัติ โดยวธ. จะนำรูปแบบเสื้อพระราชทาน และซาฟารี เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ www.m-culture.go.th
“เนื่องด้วยการรณรงค์สวมใส่ผ้าไทยเป็นมติ ครม. ผู้ปฏิบัติอย่างรัฐมนตรี ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่รัฐ รัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแม้แต่ภาคเอกชน สามารถดำเนินการได้ทันที ส่วนการสวมใส่ 1 วันต่อสัปดาห์จะกำหนดว่าเป็นวันไหนนั้น ขอให้ขึ้นอยู่กับแต่ละหน่วยงานกำหนดตามความเหมาะสม” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ กล่าวว่า กรมหม่อนไหมจะร่วมกับ วธ. ช่วยกันรณรงค์เชิญชวนให้คนไทยหันมาใช้ผ้าไทย เราอยากจะเชิญชวนให้คนไทยหันมาใส่ผ้าไทย ที่มีราคาไม่แพง รวมทั้งอยากให้นำมาไทยมาแต่งกายให้เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เช่น สกลนครมีผ้าฝ้ายย้อมคราม ก็จะนำมาตัดเย็บเป็นชุดท้องถิ่นแต่งให้คนรู้ว่า ผ้าชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แห่งนี้ เป็นต้น ซึ่งอยากให้ใช้ผ้าที่มีในท้องถิ่นของแต่ละภาค และไม่เป็นการบังคับ อย่างของกระทรวงเกษตรฯ จะแต่งชุดผ้าไทยกันทุกวันพุธ หากทุกฝ่ายช่วยกันรณรงค์เชื่อว่า ผ้าไทยจะต้องเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นและเป็นเอกลักษณ์ของชาติ