สกอ.ร่วมมือ กรมหม่อนไหม พัฒนาหลักสูตรการเลี้ยง ทอ ขึ้นลายผ้าไหม ดึง วิทยาลัยชุมชน จัดการศึกษาเสริมศักยภาพชาวบ้าน เล็งสร้างช่างทอรุ่นใหม่ สืบสานภูมิปัญญา เตรียมนำร่อง 6 วชช.
นายไชยยศ จิรเมธากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ในการพัฒนาหลักสูตร การเลี้ยง การทอ และการพัฒนาลายผ้าไหม ว่า ตนได้มองเห็นถึงปัญหาของการทอผ้าไหม หรือฝ้ายทอมือ จะพบว่ามีคุณภาพและราคาที่ต่างกันมาก ซึ่งสิ่งที่ต่างกัน คือ กระบวนการขึ้นลาย ทั้งนี้ หากสามารถพัฒนาการขึ้นลายให้ยกระดับได้ ราคาของผ้าไหมก็จะขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น วิทยาลัยชุมชน (วชช.) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา จึงควรเข้าไปมีบทบาทในการพัฒนาศักยภาพของชาวบ้านในเรื่องดังกล่าว จึงให้ สกอ.ประสานขอความร่วมมือไปยังกรมหม่อนไหมนำองค์ความรู้ด้านวิชาการและการฝึกอบรมเกี่ยวกับหม่อนไหมให้กับชุมชนเป้าหมาย
ด้านนายสุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) กล่าวว่า กรมหม่อนไหม จะเข้ามาสนับสนุนในเรื่ององค์ความรู้ให้กับชุมชนเป้าหมายอาชีพทอผ้าของ วชช.ซึ่งจะทำให้กลุ่มอาชีพทอผ้าที่อยู่ในชุมชนต่างๆ ของพื้นที่ตั้ง วชช.ได้พัฒนาศักยภาพ และทักษะวิชาชีพทอผ้าแบบดั้งเดิมให้มีคุณภาพ และสามารถแข่งขันในระดับสากล โดยยังคงรักษาอนุรักษ์สืบสานภูมิปัญญาไหมไทย และยกระดับคุณภาพ ทำให้ผ้าไหมไทยมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทำให้คนในท้องถิ่นมีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยั่งยืน
น.ส.สุนันทา แสงทอง ผอ.สำนักบริหารงาน วชช.กล่าวว่า จากการสำรวจปัญหาและความต้องการของชุมชน ที่ประกอบอาชีพการทอผ้าไหม ได้แก่ กลุ่มทอผ้าบ้านโคกหม้อ จ.อุทัยธานี พบปัญหาเยาวชนในท้องถิ่นไม่สนใจฝึกหัดความรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้าน ดังนั้น ทั้ง 2 หน่วยงานจึงมีความเห็นร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาในเรื่องการสร้างช่างทอรุ่นใหม่ เพื่อสืบสานภูมิปัญญาด้านการทอผ้าของกลุ่มบ้านโคกหม้อ รวมทั้งจะสนับสนุนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การฟอกย้อม เพื่อลดต้นทุนของวัตถุดิบในการผลิตผ้าไหม และให้มีรายได้จากการทอผ้าเพิ่มขึ้น ในระยะแรกจะมี วชช.นำร่องจำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย วชช.อุทัยธานี, แพร่, มุกดาหาร, หนองบัวลำภู, สงขลา และ นราธิวาส