ในยุคเศรษฐกิจฟื้นตัว ดอกเบี้ยขาขึ้นและภาวะเงินเฟ้อ จะมีอะไรน่าลงทุนไปกว่า "สินค้าโภคภัณฑ์" โดยเฉพาะทองคำ สินค้าโภคภัณฑ์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่หากพิจารณาถึงราคาทองคำ ณ วันนี้ นักลงทุนหลายท่านคงต้องคิดให้ถ้วนถี่ก่อนตัดสินใจ
จาก ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จนก่อให้เกิดความกังวลว่าจะมีการปรับฐานลงมาบ้างหรือไม่ ทำให้นักลงทุนหลายรายเริ่มมองหาแหล่งลงทุนใหม่มากระจายความเสี่ยง หนึ่งในนั้นคือแนวคิดการลงทุนในสินค้าเกษตรที่กำลังเป็นที่สนใจมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันมีบลจ.หลายแห่งหันมาเปิดกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตรมากขึ้น ด้วยเหตุผลแนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตรยังมีโอกาสที่จะปรับสูงขึ้นได้อีกมาก กล่าวได้ว่าการลงทุนในสินค้าเกษตรเป็นแนวคิดใหม่ที่น่าสนใจในตลาดลงทุนยามนี้
เนื่องจากศักยภาพการเพิ่มปริมาณผลผลิตทางการเกษตรของโลกมีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนและอินเดีย ที่ประชากรในประเทศเหล่านี้มีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น นำมาซึ่งความต้องการสินค้าเกษตรมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น ก็เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดกระแสความต้องการพืชพลังงานทดแทน โดยเฉพาะอ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ซึ่งส่วนหนึ่งถูกดึงไปใช้ผลิตเป็นพลังงานทดแทน และยิ่งเมื่อโลกเผชิญภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและเพิ่มความถี่มากขึ้น ทำให้การแย่งชิงพืชผลทางการเกษตรมีโอกาสที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรจึงมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต
จากเหตุผลดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคน เริ่มหันมาให้ความสนใจการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรมากขึ้น เพราะสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้ และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นได้ อีกด้วย สำหรับท่านใดที่สนใจลงทุนในสินค้าเกษตร สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในภาคการเกษตร (ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.settrade.com แล้วเลือกหลักทรัพย์ในกลุ่มการเกษตร) การลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายกองทุน (เช่น KT-AGRI ของบลจ.กรุงไทย, AGRI ของบลจ.ทิสโก้, K-AGRI ของบลจ.กสิกรไทย, I-AGRI ของบลจ.เอ็มเอฟซี และ ONE-AGRI ของบลจ.วรรณ เป็นต้น) นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ที่นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง หากท่านใดสนใจ สามารถหาความรู้เพิ่มเติมก่อนการลงทุนได้ที่ www.afet.or.th ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมให้คุณก่อนก้าวสู่โลกใหม่ของการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร
จาก ราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จนก่อให้เกิดความกังวลว่าจะมีการปรับฐานลงมาบ้างหรือไม่ ทำให้นักลงทุนหลายรายเริ่มมองหาแหล่งลงทุนใหม่มากระจายความเสี่ยง หนึ่งในนั้นคือแนวคิดการลงทุนในสินค้าเกษตรที่กำลังเป็นที่สนใจมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากปัจจุบันมีบลจ.หลายแห่งหันมาเปิดกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตรมากขึ้น ด้วยเหตุผลแนวโน้มราคาพืชผลทางการเกษตรยังมีโอกาสที่จะปรับสูงขึ้นได้อีกมาก กล่าวได้ว่าการลงทุนในสินค้าเกษตรเป็นแนวคิดใหม่ที่น่าสนใจในตลาดลงทุนยามนี้
เนื่องจากศักยภาพการเพิ่มปริมาณผลผลิตทางการเกษตรของโลกมีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนาอย่างจีนและอินเดีย ที่ประชากรในประเทศเหล่านี้มีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น นำมาซึ่งความต้องการสินค้าเกษตรมาผลิตเป็นอาหารสัตว์ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น ก็เป็นแรงกระตุ้นให้เกิดกระแสความต้องการพืชพลังงานทดแทน โดยเฉพาะอ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด ซึ่งส่วนหนึ่งถูกดึงไปใช้ผลิตเป็นพลังงานทดแทน และยิ่งเมื่อโลกเผชิญภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงและเพิ่มความถี่มากขึ้น ทำให้การแย่งชิงพืชผลทางการเกษตรมีโอกาสที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรจึงมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้ในอนาคต
จากเหตุผลดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคน เริ่มหันมาให้ความสนใจการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรมากขึ้น เพราะสามารถช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้ และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงจากตลาดหุ้นได้ อีกด้วย สำหรับท่านใดที่สนใจลงทุนในสินค้าเกษตร สามารถเลือกลงทุนได้หลากหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจอยู่ในภาคการเกษตร (ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.settrade.com แล้วเลือกหลักทรัพย์ในกลุ่มการเกษตร) การลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในสินค้าเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายกองทุน (เช่น KT-AGRI ของบลจ.กรุงไทย, AGRI ของบลจ.ทิสโก้, K-AGRI ของบลจ.กสิกรไทย, I-AGRI ของบลจ.เอ็มเอฟซี และ ONE-AGRI ของบลจ.วรรณ เป็นต้น) นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ที่นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งภาวะตลาดขาขึ้นและขาลง หากท่านใดสนใจ สามารถหาความรู้เพิ่มเติมก่อนการลงทุนได้ที่ www.afet.or.th ซึ่งจะช่วยเตรียมความพร้อมให้คุณก่อนก้าวสู่โลกใหม่ของการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตร