เอเจนซีส์ – เด็กชายวัย 13 กำลังจะได้รับเงินก้อนหลักแสนปอนด์ หลังประดิษฐ์กริ่งหน้าประตูที่สามารถหลอกให้ตีนแมวเชื่อสนิทใจว่ามีคนอยู่ในบ้าน
เมื่อมีผู้กด สมาร์ท เบลล์ที่ออกแบบโดยลอว์เรนซ์ รุค มันจะโทรเข้ามือถือเพื่อให้เจ้าของบ้านพูดกับใครก็ตามที่อยู่หน้าประตู
อุปกรณ์นี้ยังสร้างเสียงแทรกที่ทำให้แขกที่มาโดยไม่คาดหมาย คิดว่าตนเองกำลังพูดกับคนในบ้านผ่านระบบอินเตอร์คอม
อุปกรณ์นี้ที่ใช้ซิมการ์ดในตัวและเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ ยังช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถสื่อสารกับคนขับรถส่งของที่มาขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน
ลอว์เรนซ์ขายสมาร์ท เบลล์ให้บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ คอมม์เทล อินโนเวต ได้แล้ว 20,000 เครื่อง และกำลังเจราจาขั้นสุดท้ายกับบริษัทอีกแห่งสำหรับยอดขายอีก 25,000 เครื่อง ซึ่งหากลุล่วงจะทำให้ลอว์เรนซ์รวยเพิ่มขึ้นอีก 250,000 ปอนด์ (12,500,000 บาท)
“ตอนแรกผมได้ไอเดียนี้หลังจากที่แม่เริ่มเบื่อที่ต้องไปรับของที่ไปรษณีย์เพราะไม่มีใครอยู่บ้านตอนที่ของมาส่ง
“แต่พอเริ่มพัฒนาสมาร์ท เบลล์ ผมคิดได้ว่าคงดีมากถ้าอุปกรณ์นี้จะช่วยป้องกันขโมยได้ด้วย
“พวกงัดแงะส่วนใหญ่มักมากดออดหน้าบ้านก่อนเพื่อทดสอบว่ามีใครอยู่หรือเปล่า แต่สมาร์ท เบลล์สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อยู่หมัด” เด็กชายวัยรุ่นจากเซอร์เรย์ อังกฤษ คุยอวดผลงาน
ลอว์เรนซ์เริ่มคิดเรื่องนี้เมื่อโรงเรียนเชิญชวนให้นักเรียนส่งผลงานการประดิษฐ์เข้าประกวดในการแข่งขันรูปแบบเดียวกับเรียลลิตี้ทีวีที่ผู้ประกอบการต้องเสนอแนวคิดธุรกิจเพื่อชิงทุนดำเนินการ
แรกทีเดียว ลอว์เรนซ์ที่ได้ทุนเรียนต่อในโรงเรียนเอกชน ทรินิตี้ สกูล ทางใต้ของลอนดอน ยังไม่สามารถเข้าแข่งขันได้เนื่องจากไม่มีต้นแบบงาน
เจมส์และมาร์กาเร็ต พ่อและแม่ ตัดสินใจเอางานของลอว์เรนซ์ไปปรึกษากับเพื่อนสนิท พอลลา วอร์ด ที่ได้รางวัลสุดยอดนักประดิษฐ์หญิงของโลกประจำปี 2004 จากการออกแบบแชตรูมบนเว็บที่มีระบบรักษาความปลอดภัย
“พอลลาคิดว่างานของผมเจ๋งเลยส่งดีไซน์ไปให้โรงงานในจีนผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์จริง เล่นเอาผมงงไปหมด”
ไม่ถึง 12 เดือนหลังจากต้นแบบถูกพัฒนาขึ้นมา คอมม์เทล อินโนเวตกำลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และห้างหลายแห่งเริ่มสต็อกสมาร์ท เบลล์ที่ราคาเครื่องละ 40 ปอนด์ (2,000 บาท)
ส่วนลอว์เรนซ์กำลังคิดว่าจะเอาเงินที่ได้แบบไม่เคยคาดฝันมาก่อนไปทำอะไร
“ตอนที่ผมรู้ว่ากำลังจะได้เงินเป็นแสน ผมคิดในใจว่า ‘ว้าว! ซื้อเกมคอมพิวเตอร์ได้เยอะเลยสิเนี่ย’
“เงินก้อนนั้นมากโข ผมยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังเลย ไม่รู้พวกเขาจะคิดอย่างไร
“ผมคิดว่าจะเก็บเงินส่วนใหญ่ไว้ ผมอยากเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งถึงตอนนั้นเงินก้อนนี้คงเป็นประโยชน์มาก”
เมื่อมีผู้กด สมาร์ท เบลล์ที่ออกแบบโดยลอว์เรนซ์ รุค มันจะโทรเข้ามือถือเพื่อให้เจ้าของบ้านพูดกับใครก็ตามที่อยู่หน้าประตู
อุปกรณ์นี้ยังสร้างเสียงแทรกที่ทำให้แขกที่มาโดยไม่คาดหมาย คิดว่าตนเองกำลังพูดกับคนในบ้านผ่านระบบอินเตอร์คอม
อุปกรณ์นี้ที่ใช้ซิมการ์ดในตัวและเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือ ยังช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถสื่อสารกับคนขับรถส่งของที่มาขณะที่ไม่มีใครอยู่บ้าน
ลอว์เรนซ์ขายสมาร์ท เบลล์ให้บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่ คอมม์เทล อินโนเวต ได้แล้ว 20,000 เครื่อง และกำลังเจราจาขั้นสุดท้ายกับบริษัทอีกแห่งสำหรับยอดขายอีก 25,000 เครื่อง ซึ่งหากลุล่วงจะทำให้ลอว์เรนซ์รวยเพิ่มขึ้นอีก 250,000 ปอนด์ (12,500,000 บาท)
“ตอนแรกผมได้ไอเดียนี้หลังจากที่แม่เริ่มเบื่อที่ต้องไปรับของที่ไปรษณีย์เพราะไม่มีใครอยู่บ้านตอนที่ของมาส่ง
“แต่พอเริ่มพัฒนาสมาร์ท เบลล์ ผมคิดได้ว่าคงดีมากถ้าอุปกรณ์นี้จะช่วยป้องกันขโมยได้ด้วย
“พวกงัดแงะส่วนใหญ่มักมากดออดหน้าบ้านก่อนเพื่อทดสอบว่ามีใครอยู่หรือเปล่า แต่สมาร์ท เบลล์สามารถจัดการเรื่องนี้ได้อยู่หมัด” เด็กชายวัยรุ่นจากเซอร์เรย์ อังกฤษ คุยอวดผลงาน
ลอว์เรนซ์เริ่มคิดเรื่องนี้เมื่อโรงเรียนเชิญชวนให้นักเรียนส่งผลงานการประดิษฐ์เข้าประกวดในการแข่งขันรูปแบบเดียวกับเรียลลิตี้ทีวีที่ผู้ประกอบการต้องเสนอแนวคิดธุรกิจเพื่อชิงทุนดำเนินการ
แรกทีเดียว ลอว์เรนซ์ที่ได้ทุนเรียนต่อในโรงเรียนเอกชน ทรินิตี้ สกูล ทางใต้ของลอนดอน ยังไม่สามารถเข้าแข่งขันได้เนื่องจากไม่มีต้นแบบงาน
เจมส์และมาร์กาเร็ต พ่อและแม่ ตัดสินใจเอางานของลอว์เรนซ์ไปปรึกษากับเพื่อนสนิท พอลลา วอร์ด ที่ได้รางวัลสุดยอดนักประดิษฐ์หญิงของโลกประจำปี 2004 จากการออกแบบแชตรูมบนเว็บที่มีระบบรักษาความปลอดภัย
“พอลลาคิดว่างานของผมเจ๋งเลยส่งดีไซน์ไปให้โรงงานในจีนผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์จริง เล่นเอาผมงงไปหมด”
ไม่ถึง 12 เดือนหลังจากต้นแบบถูกพัฒนาขึ้นมา คอมม์เทล อินโนเวตกำลังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และห้างหลายแห่งเริ่มสต็อกสมาร์ท เบลล์ที่ราคาเครื่องละ 40 ปอนด์ (2,000 บาท)
ส่วนลอว์เรนซ์กำลังคิดว่าจะเอาเงินที่ได้แบบไม่เคยคาดฝันมาก่อนไปทำอะไร
“ตอนที่ผมรู้ว่ากำลังจะได้เงินเป็นแสน ผมคิดในใจว่า ‘ว้าว! ซื้อเกมคอมพิวเตอร์ได้เยอะเลยสิเนี่ย’
“เงินก้อนนั้นมากโข ผมยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนฟังเลย ไม่รู้พวกเขาจะคิดอย่างไร
“ผมคิดว่าจะเก็บเงินส่วนใหญ่ไว้ ผมอยากเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งถึงตอนนั้นเงินก้อนนี้คงเป็นประโยชน์มาก”