นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัติย์ ระบุว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มก่อกวนพรรคประชาธิปัติย์ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียง แต่กกต.กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆว่า เรื่องนี้อยากให้นายสุเทพทำเรื่องร้องเรียนเข้ามายังกกต. เพื่อจะได้ทำการตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนเข้าใจบทบาทของกกต. ว่าขณะนี้การร้องเรียน มีการพัฒนาไปไกลถึงขั้นไม่เชื่อใจการทำงานของกกต.แล้ว
"ถ้าทุกคนเห็นว่ากกต.ไม่มีความสามารถที่จะจัดการเลือกตั้งได้อีกต่อไป เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้าไปทำหน้าที่ในสภาแล้ว จะแก้กฎหมายในส่วนนี้ เพราะเห็นว่าไม่สมควรให้กกต. ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งอีกต่อไป จะส่งคืนกลับไปกระทรวงมหาดไทย หรือจะให้ทหาร เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ก็แล้วแต่" นางสดศรี กล่าว และว่าขณะนี้กกต.ถูกดึงเข้าไปเป็นคู่ต่อสู้ เป็นศัตรูของนักการเมือง หากไม่ไว้ใจให้กกต. ทำหน้าที่ต่อ ก็ให้หน่วยงาน หรือองค์กรอื่นที่เห็นว่าเหมาะสมกว่าเข้ามาทำหน้าที่แทน หากจะยุบหน่วยงานนี้ไป กกต.ก็ไม่ติดใจ เพราะหากไม่เชื่อใจกันแล้ว การทำงานของกกต.ก็จะลำบาก แม้จะอธิบาย หรือแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างไร ก็ยากที่จะอธิบาย
**ตรวจกล้องวงจรปิดหาคนทำลายป้าย
นางสดศรี ยังกล่าวถึง กรณีผู้สมัครบางรายร้องเรียนเรื่องการทำลายป้ายหาเสียงว่า ตอนนี้ยังจับคนร้ายผู้กระทำผิดไม่ได้ ซึ่งตนอยากจะแนะนำให้ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด หากมีการจับได้สัก 2 -3 ราย ก็อาจจะทำให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ้าง
ส่วนเรื่องของที่มีหัวคะแนนถูกยิงนั้น ต้องไปถามตำรวจซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายเข้าใจว่ากกต. คือตำรวจ ที่ต้องหาคนกระทำผิดมาลงโทษ แต่อยากให้เข้าใจว่ากกต. มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ เรื่องกลุ่มคนในการก่อกวนการเลือกตั้งก็เช่นเดียวกัน เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องรับผิดชอบ
นางสดศรี กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในการเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ตนยังเห็นว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ความรุนแรงเข้ามา ทั้งนี้เห็นว่าเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับนักการเมืองว่าจะทำให้มีความรุนแรงหรือไม่ แต่ขณะนี้มีหลายพรรคการเมืองสามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ทุกพื้นที่อยู่แล้วจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รวมถึงกกต. ก็มีเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ดูแลควบคู่กับตำรวจอยู่แล้ว คิดว่าความรุนแรงก็คงไม่มากกว่านี้
ส่วนพื้นที่ ที่กกต.คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงมากที่สุด คือพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครส่งลงแข่งขันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้หากผู้ใดพบการทุจริตหรือเบาะแส ก็ขอให้ส่งหนังสือร้องเรียนที่เป็นลายลักษณ์อักษรมายังสำนักงาน กกต. รวมทั้งควรแสดงตนพร้อมนำหลักฐานการกระทำผิดเลือกตั้ง มาแสดง กกต.ก็พร้อมจะดำเนินการตรวจสอบตามข้อมูล หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะดำเนินการแจกใบเหลือง ใบแดง กับผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทันที
** เตือนช่อง11 ยึดมั่นจรรยาบรรณสื่อ
ส่วนกรณี รายการคลายปม และรายการเจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นั้น ที่ประชุม กกต.มีมติให้สำนักงาน กกต. ส่งหนังสือเตือนถึงสถานีดังกล่าวแล้ว โดยให้แนวทางว่า สมควรจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อ และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในการพิจารณาของสถานีว่า ควรจะให้ออกอากาศได้หรือไม่ เพราะกกต. เปิดโอกาสให้สถานีเป็นผู้พิจารณาเอง ดังนั้น เป็นเรื่องของสถานีว่าจะดำเนินการถอดออกจากผังรายหารหรือไม่ อย่างไร
** ขอเลือกตั้งนอกเขต2,425,679 ราย
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง ความพร้อมในการจัดเตรียมการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด หลังจากที่มีผู้มาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดแล้วทั้งสิ้น 2,425,679 ราย ซึ่งมากกกว่าการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2550 ที่มีเพียง 2,015,410 ราย
ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต จะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 26 มิ.ย. ในหน่วยเลือกตั้งที่ตนเองลงทะเบียนไว้เท่านั้น ส่วนวันที่ 3 ก.ค. ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่มีขื่อในทะเบียนบ้านได้อีก แต่หากวันที่ 26 มิ.ย. มีเหตุให้คนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ ก็จะต้องไปแจ้งเหตุที่ไม่ไปเลือกตั้ง ที่สำนักงานทะเบียนเขตที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนอยู่ หรือสำนักทะเบียนที่ไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ก่อนวันเลือกตั้ง 7 วัน หรือ หลังวันเลือกตั้ง 7 วัน เพื่อป้องกันการเสียสิทธิต่างๆ อย่างที่ผู้สมัครส.ส.หลายคนเสียสิทธิไป
---------------
"ถ้าทุกคนเห็นว่ากกต.ไม่มีความสามารถที่จะจัดการเลือกตั้งได้อีกต่อไป เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้าไปทำหน้าที่ในสภาแล้ว จะแก้กฎหมายในส่วนนี้ เพราะเห็นว่าไม่สมควรให้กกต. ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งอีกต่อไป จะส่งคืนกลับไปกระทรวงมหาดไทย หรือจะให้ทหาร เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ก็แล้วแต่" นางสดศรี กล่าว และว่าขณะนี้กกต.ถูกดึงเข้าไปเป็นคู่ต่อสู้ เป็นศัตรูของนักการเมือง หากไม่ไว้ใจให้กกต. ทำหน้าที่ต่อ ก็ให้หน่วยงาน หรือองค์กรอื่นที่เห็นว่าเหมาะสมกว่าเข้ามาทำหน้าที่แทน หากจะยุบหน่วยงานนี้ไป กกต.ก็ไม่ติดใจ เพราะหากไม่เชื่อใจกันแล้ว การทำงานของกกต.ก็จะลำบาก แม้จะอธิบาย หรือแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างไร ก็ยากที่จะอธิบาย
**ตรวจกล้องวงจรปิดหาคนทำลายป้าย
นางสดศรี ยังกล่าวถึง กรณีผู้สมัครบางรายร้องเรียนเรื่องการทำลายป้ายหาเสียงว่า ตอนนี้ยังจับคนร้ายผู้กระทำผิดไม่ได้ ซึ่งตนอยากจะแนะนำให้ตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด หากมีการจับได้สัก 2 -3 ราย ก็อาจจะทำให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ้าง
ส่วนเรื่องของที่มีหัวคะแนนถูกยิงนั้น ต้องไปถามตำรวจซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายเข้าใจว่ากกต. คือตำรวจ ที่ต้องหาคนกระทำผิดมาลงโทษ แต่อยากให้เข้าใจว่ากกต. มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ เรื่องกลุ่มคนในการก่อกวนการเลือกตั้งก็เช่นเดียวกัน เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องรับผิดชอบ
นางสดศรี กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในการเลือกตั้ง ว่า ขณะนี้ตนยังเห็นว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ความรุนแรงเข้ามา ทั้งนี้เห็นว่าเรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับนักการเมืองว่าจะทำให้มีความรุนแรงหรือไม่ แต่ขณะนี้มีหลายพรรคการเมืองสามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ทุกพื้นที่อยู่แล้วจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รวมถึงกกต. ก็มีเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ดูแลควบคู่กับตำรวจอยู่แล้ว คิดว่าความรุนแรงก็คงไม่มากกว่านี้
ส่วนพื้นที่ ที่กกต.คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงมากที่สุด คือพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครส่งลงแข่งขันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้หากผู้ใดพบการทุจริตหรือเบาะแส ก็ขอให้ส่งหนังสือร้องเรียนที่เป็นลายลักษณ์อักษรมายังสำนักงาน กกต. รวมทั้งควรแสดงตนพร้อมนำหลักฐานการกระทำผิดเลือกตั้ง มาแสดง กกต.ก็พร้อมจะดำเนินการตรวจสอบตามข้อมูล หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะดำเนินการแจกใบเหลือง ใบแดง กับผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทันที
** เตือนช่อง11 ยึดมั่นจรรยาบรรณสื่อ
ส่วนกรณี รายการคลายปม และรายการเจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นั้น ที่ประชุม กกต.มีมติให้สำนักงาน กกต. ส่งหนังสือเตือนถึงสถานีดังกล่าวแล้ว โดยให้แนวทางว่า สมควรจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อ และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในการพิจารณาของสถานีว่า ควรจะให้ออกอากาศได้หรือไม่ เพราะกกต. เปิดโอกาสให้สถานีเป็นผู้พิจารณาเอง ดังนั้น เป็นเรื่องของสถานีว่าจะดำเนินการถอดออกจากผังรายหารหรือไม่ อย่างไร
** ขอเลือกตั้งนอกเขต2,425,679 ราย
นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง ความพร้อมในการจัดเตรียมการเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด หลังจากที่มีผู้มาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัดแล้วทั้งสิ้น 2,425,679 ราย ซึ่งมากกกว่าการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2550 ที่มีเพียง 2,015,410 ราย
ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต จะต้องไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 26 มิ.ย. ในหน่วยเลือกตั้งที่ตนเองลงทะเบียนไว้เท่านั้น ส่วนวันที่ 3 ก.ค. ผู้ที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ไม่สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่มีขื่อในทะเบียนบ้านได้อีก แต่หากวันที่ 26 มิ.ย. มีเหตุให้คนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด ไม่สามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าได้ ก็จะต้องไปแจ้งเหตุที่ไม่ไปเลือกตั้ง ที่สำนักงานทะเบียนเขตที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนอยู่ หรือสำนักทะเบียนที่ไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต ก่อนวันเลือกตั้ง 7 วัน หรือ หลังวันเลือกตั้ง 7 วัน เพื่อป้องกันการเสียสิทธิต่างๆ อย่างที่ผู้สมัครส.ส.หลายคนเสียสิทธิไป
---------------