กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง แนะตำรวจเชือดไก่ให้ลิงดู จับมือทำลายป้ายหาเสียง เชื่อหยุดพฤติกรรมลอกเลียนแบบได้แน่ ชี้ ถอดรายการคลายปมช่อง 11 หรือไม่เป็นเรื่องของจรรยาบรรณสื่อ กกต.ให้คำแนะนำไปแล้ว กวักมือเรียก “สุเทพ” ทำเรื่องร้องมาจะดำเนินการตรวจสอบให้ งอนหากไม่พอใจการทำหน้าที่ของ กกต.แก้ กม.โอนให้มหาดไทยรับผิดชอบก็ดี โบ้ยท้องถิ่นจัดการป้ายอย่าปล่อยสัตว์เข้าสภา ยอมรับพื้นที่อีสานเป็นจุดเสี่ยงต่อการกระทำผิด กม.เลือกตั้ง
วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้สมัครบางรายถูกร้องเรียนเรื่องการทำลายป้ายหาเสียง ว่า ในเรื่องเกี่ยวกับการทำลายป้ายหาเสียงนั้น ตอนนี้ยังจับคนร้ายผู้กระทำผิดไม่ได้แต่อย่างใด ซึ่งตนอยากจะแนะนำให้ตำรวจผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิด หากมีการจับได้สัก 2 -3 ราย ก็อาจจะทำให้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้บ้าง ส่วนเรื่องของที่มีหัวคะแนนถูกยิงนั้น ต้องไปถามตำรวจซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้มีหลายฝ่ายเข้าใจว่ากกต. คือตำรวจ ที่ต้องหาคนกระทำผิดมาลงโทษ แต่อยากให้เข้าใจว่ากกต. มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งเท่านั้น นอกจากนี้ เรื่องกลุ่มคนในการก่อกวนการเลือกตั้งก็เช่นเดียวกัน เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องรับผิดชอบ
นางสดศรี กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในการเลือกตั้งขณะนี้ ตนเห็นว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และยังไม่มีรายงานเหตุการณ์ความรุนแรงเข้ามา อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับนักการเมืองว่าจะทำให้มีความรุนแรงหรือไม่ ทั้งนี้ เห็นว่าขณะนี้มีหลายพรรคการเมืองที่สามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ทุกพื้นที่อยู่แล้ว จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร รวมถึงกกต. ก็มีเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ดูแลควบคู่กับตำรวจอยู่แล้ว คิดว่าความรุนแรงก็คงไม่มากกว่านี้
นางสดศรี กล่าวว่า ส่วนกรณีรายการคลายปม และรายการเจาะข่าวร้อนล้วงข่าวลึก ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นั้น ที่ประชุมกกต.มีมติให้สำนักงานกกต. ส่งหนังสือเตือนถึงสถานีดังกล่าวแล้ว โดยให้แนวทางว่าสมควรจะดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อ และขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในการพิจารณาของสถานีว่าควรจะให้ออกอากาศได้หรือไม่ เพราะกกต. เปิดโอกาสให้สถานีเป็นผู้พิจารณาเอง ดังนั้นเป็นเรื่องของสถานีว่าจะดำเนินการถอดออกจากผังรายหารหรือไม่ อย่างไร
ส่วนเรื่องที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัติย์ ระบุว่า มีกลุ่มคนบางกลุ่มก่อกวนพรรคประชาธิปัติย์ระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้ง แต่กกต. กลับเพิกเฉยไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ว่า เรื่องนี้อยากให้นายสุเทพ ทำเรื่องร้องเรียนเข้ามายังกกต. เพื่อ กกต. จะได้ทำการตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตามอยากให้ทุกคนเข้าใจบทบาทของกกต. ว่าขณะนี้การร้องเรียนมีการพัฒนาไปไกลถึงขั้นไม่เชื่อใจการทำงานของ กกต.
“ถ้าทุกคนเห็นว่า กกต. ไม่มีความสามารถที่จะจัดการเลือกตั้งได้อีกต่อไป เมื่อได้รับเลือกตั้งเข้าไปทำหน้าที่ในสภาแล้ว มีความประสงค์จะแก้กฎหมายในส่วนนี้ เพราะเห็นว่า ไม่สมควรให้กกต. ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งอีกต่อไป จะส่งคืนกลับไปกระทรวงมหาดไทย หรือจะให้ทหารเป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ก็แล้วแต่” นางสดศรี กล่าวและว่า ขณะนี้กกต.ถูกดึงเข้าไปเป็นคู่ต้อสู้ เป็นศัตรูของนักการเมือง หากไม่ไว้ใจให้กกต. ทำหน้าที่ต่อ ก็ให้หน่วยงาน หรือองค์กรอื่นที่เห็นว่าเหมาะสมกว่าเข้ามาทำหน้าที่แทน หากจะยุบหน่วยงานนี้ไปกกต.ก็ไม่ติดใจ เพราะหากไม่เชื่อใจกันแล้ว การทำงานของกกต.ก็จะลำบาก แม้จะอธิบาย หรือแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างไรก็ยากที่จะอธิบาย
นางสดศรีกล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ติดตั้งป้ายที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ พร้อมระบุข้อความที่หยาบคายและเสียดสี ผู้สมัครและพรรคการเมืองนั้น ว่า ต้องไปถามผู้รับผิดชอบซึ่งเป็นหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่จะดูแลควบคุมตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการติดป้ายหาเสียงในที่สาธารณะ ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกกต. นอกจากนี้ ป้ายของกลุ่มของพธม. ตนเห็นว่าไม่ได้เป็นป้ายของพรรคการเมืองที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น หากกทม. เห็นว่าป้ายดังกล่าวกีดขวาง หรือส่งผลให้ต่อทัศนวิสัยบนท้องถนน เจ้าหน้าที่ กทม. ก็ควรเข้ามาจัดการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
“ขณะนี้ทุกฝ่ายมองว่ากกต.เป็นทั้งตำรวจ เทศกิจ และกทม. ซึ่งความจริงแล้วกกต.มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 3 ฉบับเท่านั้น กลับมีคนเข้าใจผิดคิดว่ากกต.ต้องทำหน้าที่จัดการทุกเรื่อง ซึ่งหากเห็นสมควรว่าจะให้อำนาจกกต. มีหน้าที่ผู้ดูแลทั้งหมด ในภายภาคหน้าก็ขอให้แก้กฎหมาย และโยกให้กทม.และตำรวจ มาเป็นหน่วยงานหนึ่งของกกต. เพราะเราจะได้มีอำนาจสั่งการได้โดยตรง” นางสดศรี กล่าวและว่า
พื้นที่เสี่ยงต่อการจัดการเลือกตั้งนั้นเป็นพื้นที่เดียวกันกับที่ตำรวจระบุไว้ ส่วนพื้นที่ที่กกต.คาดการณ์ว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงมากที่สุด คือพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากมีพรรคการเมืองส่งผู้สมัครส่งลงแข่งขันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ หากผู้ใดพบการทุจริตหรือเบาะแส ก็ขอให้ส่งหนังสือร้องเรียนที่เป็นลายลักษณ์อักษรมายังสำนักงาน กกต. รวมทั้งควรแสดงตนพร้อมนำหลักฐานการกระทำผิดเลือกตั้ง มาแสดง กกต.ก็พร้อมจะดำเนินการตรวจสอบตามข้อมูล หากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะดำเนินการแจกใบเหลือง ใบแดงกับผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งทันที