ASTVผู้จัดการรายวัน - สหพัฒน์สยายปีก แตกไลน์ธุรกิจลุยอสังหาริมทรัพย์ จับมือกลุ่มอิสสระ เปิดบริษัทร่วมทุน "ร่วมอิสสระ" ผุดคอนโดมิเนียม แอนด์ รีสอร์ต ที่หัวหาดชะอำ มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท คาด 2ปีแล้วเสร็จ
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทางกลุ่มสหพัฒน์ มองเห็นความพร้อมและเป็นจังหวะที่ดีที่จะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ไปสู่กลุ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
ดังนั้น ล่าสุดจึงได้ร่วมมือกับทางกลุ่มบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในการร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ชื่อ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 80 ล้านบาท ในสัดส่วนกลุ่มสหพัฒน์ถือหุ้น 50% และกลุ่มชาญอิสระถือหุ้น 50% ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วรู้จักกับนายสงกรานต์ อิสสระ มานานแล้ว
ทั้งนี้โครงการแรกที่จะพัฒนาคือ โครงการคอนโดมีเนียม แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 14ไร่ ติดหาดชะอำ จำนวน 400 ห้อง จับกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศตั้งแต่ระดับบีบวกขึ้นไป คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ตั้งแต่ไตรมาสสี่นี้เป็นต้นไป และจะแล้วเสร็จภายใน2ปี
นายบุญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทางสหพัฒน์มีความสนใจที่จะเข้ามารุกด้านอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อนที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีความพร้อมและจังหวะที่ดี ขณะที่ปัจจุบันมองเห็นศักยภาพทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าน่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น ซึ่งการลงทุนทำคอนโดมิเนียมครั้งนี้ มาจากแลนด์แบงก์ที่มีอยู่แล้วจำนวนกว่า 60-70 ไร่ แต่ตัดมาทำคอนโดมิเนียมเพียง 14ไร่ จึงยังเหลือที่ดินที่สามารถพัฒนาได้อีก 50 ไร่ ซึ่งทางบริษัทเองมองว่า สามารถพัฒนาเป็นโรงแรมได้ต่อไป
ส่วนทางด้านรีเทลนั้น หากมีจังหวะและโอกาส รวมถึงพันธมิตรที่ดี ก็มีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเช่นกัน
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ทางกลุ่มสหพัฒน์ มองเห็นความพร้อมและเป็นจังหวะที่ดีที่จะแตกไลน์ธุรกิจใหม่ไปสู่กลุ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
ดังนั้น ล่าสุดจึงได้ร่วมมือกับทางกลุ่มบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในการร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ชื่อ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 80 ล้านบาท ในสัดส่วนกลุ่มสหพัฒน์ถือหุ้น 50% และกลุ่มชาญอิสระถือหุ้น 50% ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วรู้จักกับนายสงกรานต์ อิสสระ มานานแล้ว
ทั้งนี้โครงการแรกที่จะพัฒนาคือ โครงการคอนโดมีเนียม แอนด์ รีสอร์ต มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท บนที่ดินกว่า 14ไร่ ติดหาดชะอำ จำนวน 400 ห้อง จับกลุ่มลูกค้าทั้งไทยและต่างประเทศตั้งแต่ระดับบีบวกขึ้นไป คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างได้ตั้งแต่ไตรมาสสี่นี้เป็นต้นไป และจะแล้วเสร็จภายใน2ปี
นายบุญเกียรติ กล่าวต่อว่า ทางสหพัฒน์มีความสนใจที่จะเข้ามารุกด้านอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อนที่ผ่านมาแต่ยังไม่มีความพร้อมและจังหวะที่ดี ขณะที่ปัจจุบันมองเห็นศักยภาพทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าน่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น ซึ่งการลงทุนทำคอนโดมิเนียมครั้งนี้ มาจากแลนด์แบงก์ที่มีอยู่แล้วจำนวนกว่า 60-70 ไร่ แต่ตัดมาทำคอนโดมิเนียมเพียง 14ไร่ จึงยังเหลือที่ดินที่สามารถพัฒนาได้อีก 50 ไร่ ซึ่งทางบริษัทเองมองว่า สามารถพัฒนาเป็นโรงแรมได้ต่อไป
ส่วนทางด้านรีเทลนั้น หากมีจังหวะและโอกาส รวมถึงพันธมิตรที่ดี ก็มีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเช่นกัน
