ASTVผู้จัดการรายวัน - คอลลิเออร์สฯระบุ ตลาดอสังหาฯหัวหินบูม ที่ดินตามแนวชายหาดราคาแพง ส่งผลบริษัทอสังหาฯหลายแห่งหันพัฒนาโครงการไม่ติดทะเล หวั่นในอนาคตเสี่ยงล้นตลาด ชี้บ้านพักเจากกลุ่มวัยเกษียณจากยุโรป-ไทยมีโอกาสเติบโต
รายงานสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยของบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในหัวหิน ชะอำ และปราณบุรี ว่า ปัจจุบัน บริษัทพัฒนาอสังหาฯพุ่งเป้าที่พื้นที่ไม่ติดทะเลในหัวหิน เนื่องจากราคาที่ดินบริเวณชายหาดเพิ่มสูงขึ้น อุปทาน(โครงการ)ในพื้นที่ไม่ติดทะเลในหัวหินมีความเสี่ยงจะยิ่งล้นมากกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากอุปทานใหม่ๆจะออกสู่ตลาดในอนาคต แต่โครงการคุณภาพยังสู้ไม่สบาย
ทั้งนี้ ตามรายงานชี้ว่า บ้านพักวัยเกษียณอาจจะเป็นตลาดกลุ่มเฉพาะที่น่าเล่นในอนาคต เนื่องจากคนยุคเบบี้บูมเมอร์จากยุโรปล่วงเข้าสู่วัยเกษียณ นอกจากนั้น แนวโน้มอายุเฉลี่ยของประชากรไทย ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งภูมิประเทศติดภูเขาและใกล้ทะเลในหัวหินเป็นทำเลน่าพักอาศัย
อัตราการเติบโตของศูนย์การค้าในหัวหิน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนหัวหินมากขึ้น โดยชะอำอาจถูกมองข้ามไป เพราะขาดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและศูนย์การค้า
ทั้งนี้ อุปทานส่วนใหญ่ในหัวหิน ชะอำและปราณบุรี เป็นประเภทคอนโดมิเนียม การจัดสรรที่ดินพึ่งเริ่มเป็นที่นิยมในปี 2549 หลังจากเจ้าของโครงการเริ่มหันมามองที่ดินติดภูเขา แทนที่ติดชายหาด โดยพุ่งเป้าไปที่การสร้างวิลลาสำหรับชาวต่างชาติ และบ้านหลังที่สองสำหรับชาวไทยในราคาไม่ไกลเกินเอื้อม ทำเลชายหาดเป็นทำเลทองราคาสูง ส่งผลให้คอนโดฯเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ราคาที่ดินชายหาดหัวหิน โดยเฉลี่ย ณ ช่วงราคาสูงสุดที่ 78,000 บาทต่อตร.ม. แต่ราคาขายสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อตร.ม. และเริ่มต้นที่ 46,000 บาทต่อตร.ม.ใกล้เคียงกับราคาที่ดินของชะอำ เนื่องจากหลายๆ โครงการตั้งอยู่ใกล้ทะเลและตัวเมืองมากกว่าหัวหิน โครงการในพื้นที่ไม่ติดทะเลในหัวหินจะมีราคาถูกกว่า เพราะห่างจากทะเลมากกว่าและพัฒนาโดยบริษัทที่ไม่มีชื่อเสียง ส่วนราคาของโครงการในปราณบุรียิ่งต่ำลงไปอีก เพราะอยู่ไกลตัวเมือง
เป็นที่น่าสังเกตว่า หัวหินดึงดูดชาวต่างชาติจากสแกนดิเนเวียมากเป็นพิเศษ โดยคิดเป็น 44% ของชาวต่างชาติที่เข้าพักในโรงแรมในปี 53 นอกจากนั้น ยังเป็นตลาดผู้ซื้ออสังหาฯรายใหญ่ที่สุด แต่แปลกตรงที่ สวีเดน นอร์เวย์และเดนมาร์ก เป็นตลาดผู้ซื้อสำคัญ แต่ไม่รวมฟินแลนด์ ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวสุงสุดในบรรดา 4 ประเทศ
รายงานสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยของบริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุถึงภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในหัวหิน ชะอำ และปราณบุรี ว่า ปัจจุบัน บริษัทพัฒนาอสังหาฯพุ่งเป้าที่พื้นที่ไม่ติดทะเลในหัวหิน เนื่องจากราคาที่ดินบริเวณชายหาดเพิ่มสูงขึ้น อุปทาน(โครงการ)ในพื้นที่ไม่ติดทะเลในหัวหินมีความเสี่ยงจะยิ่งล้นมากกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากอุปทานใหม่ๆจะออกสู่ตลาดในอนาคต แต่โครงการคุณภาพยังสู้ไม่สบาย
ทั้งนี้ ตามรายงานชี้ว่า บ้านพักวัยเกษียณอาจจะเป็นตลาดกลุ่มเฉพาะที่น่าเล่นในอนาคต เนื่องจากคนยุคเบบี้บูมเมอร์จากยุโรปล่วงเข้าสู่วัยเกษียณ นอกจากนั้น แนวโน้มอายุเฉลี่ยของประชากรไทย ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งภูมิประเทศติดภูเขาและใกล้ทะเลในหัวหินเป็นทำเลน่าพักอาศัย
อัตราการเติบโตของศูนย์การค้าในหัวหิน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนหัวหินมากขึ้น โดยชะอำอาจถูกมองข้ามไป เพราะขาดสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและศูนย์การค้า
ทั้งนี้ อุปทานส่วนใหญ่ในหัวหิน ชะอำและปราณบุรี เป็นประเภทคอนโดมิเนียม การจัดสรรที่ดินพึ่งเริ่มเป็นที่นิยมในปี 2549 หลังจากเจ้าของโครงการเริ่มหันมามองที่ดินติดภูเขา แทนที่ติดชายหาด โดยพุ่งเป้าไปที่การสร้างวิลลาสำหรับชาวต่างชาติ และบ้านหลังที่สองสำหรับชาวไทยในราคาไม่ไกลเกินเอื้อม ทำเลชายหาดเป็นทำเลทองราคาสูง ส่งผลให้คอนโดฯเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ราคาที่ดินชายหาดหัวหิน โดยเฉลี่ย ณ ช่วงราคาสูงสุดที่ 78,000 บาทต่อตร.ม. แต่ราคาขายสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อตร.ม. และเริ่มต้นที่ 46,000 บาทต่อตร.ม.ใกล้เคียงกับราคาที่ดินของชะอำ เนื่องจากหลายๆ โครงการตั้งอยู่ใกล้ทะเลและตัวเมืองมากกว่าหัวหิน โครงการในพื้นที่ไม่ติดทะเลในหัวหินจะมีราคาถูกกว่า เพราะห่างจากทะเลมากกว่าและพัฒนาโดยบริษัทที่ไม่มีชื่อเสียง ส่วนราคาของโครงการในปราณบุรียิ่งต่ำลงไปอีก เพราะอยู่ไกลตัวเมือง
เป็นที่น่าสังเกตว่า หัวหินดึงดูดชาวต่างชาติจากสแกนดิเนเวียมากเป็นพิเศษ โดยคิดเป็น 44% ของชาวต่างชาติที่เข้าพักในโรงแรมในปี 53 นอกจากนั้น ยังเป็นตลาดผู้ซื้ออสังหาฯรายใหญ่ที่สุด แต่แปลกตรงที่ สวีเดน นอร์เวย์และเดนมาร์ก เป็นตลาดผู้ซื้อสำคัญ แต่ไม่รวมฟินแลนด์ ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวสุงสุดในบรรดา 4 ประเทศ