ศูนย์ข่าวภูเก็ต- “แปลน เอสเตท”ทุนอสังหาฯส่วนกลาง รุกตลาดบ้านในภูเก็ต ผุด“ดิ อินดี้” พูลวิลล่าราคา 7 ล้าน เจาะตลาดชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ภูเก็ตหลังเกษียณ เผยตลาดยังไปได้สวยจากที่ต่างชาติมาอยู่ภูเก็ตเพิ่มขึ้นทุกปี
นายสุพจน์ ตันธนะ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท แปลน เอสเตท จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้เข้ามาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริเวณตำบลเกาะแก้ว .เมืองภูเก็ต ใกล้กับโรงเรียนนานาชาติบริติช อินเตอร์เนชั่นแนล ภายใต้โครงการ “ดิ อินดี้ 1 และ ดิ อินดี้ 2 เฟส 1” ปรากฏว่า ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวต่างชาติและคนไทย เนื่องจากที่ตั้งของโครงการอยู่ในทำเลที่เงียบสงบ ใกล้ชิดธรรมชาติ ทำให้โครงการ ดิ อินดี้ 2 เฟส 1 ซึ่งประกอบด้วยบ้านแฝด 2 ชั้น จำนวน 16 ยูนิต บ้านเดี่ยวชั้นเดียวจำนวน 7 ยูนิต และบ้านเดียว 2 ชั้น 4 ยูนิต เหลือเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น
ทั้งนี้ เนื่องจาก บ้านของ ดิ อินดี้ เป็นบ้านที่อยู่ในทำเลที่สงบมีความเป็นส่วนตัว แม้ว่าราคาบ้านจะสูงกว่าโครงการของนักลงทุนในท้องถิ่นภูเก็ตก็ตาม แต่ทั้งนี้เพราะทางบริษัทต้องการที่จะคัดกลุ่มลูกค้าที่จะเข้ามาอยู่ภายในโครงการ ทำให้กลุ่มลูกค้าประมาณ 70% เป็นชาวต่างชาติและ 30% เป็นลูกค้ากลุ่มคนไทย
อย่างไรก็ตาม หลังโครงการ ดิ อินดี้ เฟส 1 ได้รับการตอบรับที่ดี ทางบริษัทจึงได้เปิดโครงการ ดิ อินดี้ เฟส 2 เป็นบ้านสไตล์รีสอร์ตพร้อมสระว่ายน้ำ (พูลวิลล่า) จำนวน 32 ยูนิต โดยแบ่งเป็นบ้านแฝดเล่นระดับ 3 ชั้น 4 ห้องนอน 4 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยมากกว่า 300 ตารางเมตร(ตร.ม. )ราคาเริ่มต้นที่ 14 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวชั้นเดียวแบบ 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอน จำนวน 28 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยขนาดกว่า 200 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 6.9 ล้านบาท บริษัทมองว่าในส่วนของพูลวิลล่ที่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 7 -10 ล้านบาทนั้น ยังมีช่องว่างของตลาดอีกมาก เนื่องจากโครงการที่เป็นพูลวิลล่าส่วนใหญ่ราคาจะสูงหลังละหลายสิบล้านบาท
“ในส่วนของบริษัทที่เปิดโครงการพูลวิลล่าเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาทนั้น ก็เพื่อที่จะรองรับตลาดชาวต่างชาติที่เข้ามาพักอาศัยในภูเก็ตหลังเกษียณอายุ ซึ่งความต้องการของตลาดกลุ่มนี้ที่ต้องการบ้านพร้อมสระว่ายน้ำยังมีสูง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวียที่นิยมมาพักอาศัยที่ภูเก็ตหลังเกษียณและต้องการบ้านพักอาศัยในราคา 5-10 ล้านบาท” นายสุพจน์ กล่าวและว่า
ในส่วนของแปลน เอสเตทนั้น มีโครงการที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยในภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นโครงการขนาดเล็กประมาณ 30-40 ยูนิต ในทำเลที่เน้นความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ ทั้งบริเวณใกล้สนามกอล์ฟ พื้นที่ที่มองเห็นวิวทะเล เป็นต้น ในราคาประมาณ 5-10 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในภูเก็ตวัยเกษียณ โดยเลือกกลุ่มลูกค้ากลุ่มเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น กลุ่มจากสแกนดิเนเวีย ญี่ปุ่น ฮองกง และยุโรป เป็นต้น เพราะชาวต่างชาติกลุ่มเหล่านี้สนใจเข้ามาอยู่ในภูเก็ตเพิ่มสูงขึ้นทุกปี