ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ว่าแบงก์ชาติเห็นพ้องเร่งสร้างนักลงทุนข้ามชาติของไทย พัฒนาตลาดเงินตลาดทุนในกว้างและลึกขึ้น กำหนดแนวทางเปิดแผนแม่บทงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ ไตรมาส 4 ปีนี้ รวมถึงจ่อเพิ่มวงเงินให้กองทุนไทยไปลงทุนนอกเพิ่มขึ้น เปิดทางให้ซื้อขายดอลลาร์บาทล่วงหน้าในไตรมาส 3 ปีนี้ และใจกว้างให้บล.ซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเหมือนแบงก์ได้ในปี 2555
เมื่อวานนี้(2มิ.ย.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทยร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดงานสัมมนาตลาดทุนกับการเพิ่มการขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย...ภายใต้รัฐบาลใหม่
โดยนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวภายในงานสัมมนาหัวข้อ "มุมมองตลาดทุนกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"ว่า การเปิดเสรีการเงินและตลาดทุนมากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงกับภูมิภาคจะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากอาจส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัจจัยโลกได้มากขึ้น
และหากเศรษฐกิจโลกติดเชื้อโรค ก็มีความเป็นไปได้มาที่เศรษฐกิจไทยจะติดเชื้อโรคไปด้วย เห็นได้ชัดจากการเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายและกระแสเงินทุนมีความผันผวนสูงขึ้นมาก และมีความเสี่ยงที่จะต่อการเสียเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การพัฒนาความกว้างและความลึกของตลาดเงินและตลาดทุนต้องไปด้วยกัน เพราะตลาดทุนที่มีกว้างและลึกนั้น จะช่วยดูดซับเงินทุนต่างประเทศที่เข้ามาได้ และช่วยให้การไหลออกของเงินไม่รวดรเร็วอย่างที่เป็นอยู่ โดยแนวทางการเพื่อพัฒนาตลาดเงินของไทยในมีความกว้างและลึกขึ้น ได้แก่ 1.ธปท.จะออกแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศออกมาในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งจะเป็นแผนที่จะช่วยดูแลอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท และเสถียรภาพของเงินทุนเคลื่อนย้าย และส่งเสริมให้มีการออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
2.มีการเตรียมเครื่องมือที่ดีขึ้น ในการช่วยดูแลอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน โดยธปท.มีความพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทได้ในระดับที่เหมาะสม 3.พยายามที่จะมีการแก้กฏหมาย หรืกฎเกณฑ์บางอย่างที่ทำให้การไหลเข้าของเงินทุนและไหลออกของเงินทุนที่มีความสมดุลกันมากขึ้น โดยในส่วนของโควตาที่ให้ก.ล.ต.ไปอนุมัติให้กองทุนต่างๆสามารถไปลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ของต่างประเทศได้นั้น อีกไม่นานจะเพิ่มโควตาให้อีกให้มากกว่าวงเงินเดิม 50,000 ล้านเหรียญฯ อย่างแน่นอน ซึ่งกองทุนเองก็ต้องมีความพร้อม-ความรู้เพื่อนำไปลงทุนอย่างเหมาะสม เพราะที่ผ่านมามีเพียงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศต่างๆ เท่านั้น
4.พยายามสร้างระบบที่ช่วยดูดซับเงินทุนเคลื่อนย้ายให้ดีขึ้น ซึ่งการสร้างความลึกและกว้างของตลาดทุนไทยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำได้ และ 5.การเพิ่มทางเลือกในการดูแลความเสี่ยงและการแข่งขันกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายฯ โดยจะเริ่มต้นจากการเปิดทางเลือกให้ตลาดล่วงหน้า สามารถซื้อขายธุรกรรมดอลลาร์- บาทได้ หรือที่เรียกว่า เอฟเอ็กซ์ฟิวเจอร์ หรือการซื้อขายล่วงหน้าสกุลเงิน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงของผู้ประกอบการขนาดกลางละขนาดย่อม ส่วนในระยะต่อไป ธปท.กำลังพิจารณาสิ่งที่ตลาดหุ้นอยากได้ คือ การเปิดให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)สามารถทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในลักษณะเดียวกับธนาคารพาณิชย์ได้ แต่จะต้องพิจารณาความเหมาะสมของสถานการณ์เงินทุนโลก และความพร้อมของบล.ด้วย แต่คาดว่าไม่เกิน 2 ปีจะได้เห็น
อย่างไรก็ตาม ธปท.เห็นด้วยที่สนับสนุนให้เกิดนักลงทุนระดับโลก เพราะในทางปฏิบัติ ธปท.ต้องการให้เกิดการไปลงทุนในต่างประเทศของเอกชนไทยมากขึ้น เพื่อช่วยความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีสูง โดยในช่วงที่ผ่านมานั้น ธปท.ได้เปิดโอกาสโดยให้โควตาการลงทุนในต่างประเทศให้กับกองทุนในประเทศไทยผ่านการอนุญาตของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) จำนวน 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ที่ผ่านมาเนื่องจากความรู้ และความเชื่อมั่นอาจจะมีน้อย ทำให้มีเงินออกไปลงทุนจริง 20,000 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น ซึ่งหากมีการให้ความรู้และทำให้นักลงทุนไทยเป็นนักลงทุนข้ามชาติ หรือนักลงทุนระดับโลกจะทำให้การไปลงทุนในต่างประเทศทำได้มากขึ้น
สำหรับกรณีการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งของประเทศนั้น นายประสาร กล่าวว่า จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะทุนสำรองฯ ที่เรามีอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นเงินสำรองที่มาจากเงินทุนไหลเข้า เป็นทุนสำรองที่มีเจ้าหนี้ นอกจากนั้น ในขณะที่หากพิจารณาสัดส่วนการเข้ามาลงทุนในไทยกับการลงทุนของนักลงทุนไทยในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าควรจะลดลง เพราะเรามีการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่ปรากฎว่ายังมีเงินลงทุนต่างประเทศในไทยมากขึ้น ซึ่งทำให้เราต้องดูแลและระมัดระวัง เพราะเงินเหล่านี้สามารถไหลออกได้ แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่พิจารณาความเหมาะสมขณะนี้ ทุนสำรองของไทยมีเพียงพอที่จะตั้งกองทุนขึ้นมาลงทุนได้บ้าง ซึ่งธปท.กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามแผนงานของฝ่ายตลาดการเงินธปท.ได้กำหนดไว้ว่าช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ธปท.จะอนุญาตให้เปิดให้ซื้อขายสกุลเงินล่วงหน้าในส่วนของดอลลาร์บาทล่วงหน้าพร้อมทั้งเพิ่มโควตาการลงทุนของกองทุนในต่างประเทศ การนั้น ธปท.น่าจะอนุญาตให้ดำเนินการในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่การเปิดให้บล.ทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้นคาดว่าจะทำได้ในปี 2555
เมื่อวานนี้(2มิ.ย.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทยร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดงานสัมมนาตลาดทุนกับการเพิ่มการขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย...ภายใต้รัฐบาลใหม่
โดยนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวภายในงานสัมมนาหัวข้อ "มุมมองตลาดทุนกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"ว่า การเปิดเสรีการเงินและตลาดทุนมากขึ้น เพื่อเชื่อมโยงกับภูมิภาคจะต้องมีความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากอาจส่งผลให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัจจัยโลกได้มากขึ้น
และหากเศรษฐกิจโลกติดเชื้อโรค ก็มีความเป็นไปได้มาที่เศรษฐกิจไทยจะติดเชื้อโรคไปด้วย เห็นได้ชัดจากการเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายและกระแสเงินทุนมีความผันผวนสูงขึ้นมาก และมีความเสี่ยงที่จะต่อการเสียเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ การพัฒนาความกว้างและความลึกของตลาดเงินและตลาดทุนต้องไปด้วยกัน เพราะตลาดทุนที่มีกว้างและลึกนั้น จะช่วยดูดซับเงินทุนต่างประเทศที่เข้ามาได้ และช่วยให้การไหลออกของเงินไม่รวดรเร็วอย่างที่เป็นอยู่ โดยแนวทางการเพื่อพัฒนาตลาดเงินของไทยในมีความกว้างและลึกขึ้น ได้แก่ 1.ธปท.จะออกแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศออกมาในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ซึ่งจะเป็นแผนที่จะช่วยดูแลอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท และเสถียรภาพของเงินทุนเคลื่อนย้าย และส่งเสริมให้มีการออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น
2.มีการเตรียมเครื่องมือที่ดีขึ้น ในการช่วยดูแลอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวน โดยธปท.มีความพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทได้ในระดับที่เหมาะสม 3.พยายามที่จะมีการแก้กฏหมาย หรืกฎเกณฑ์บางอย่างที่ทำให้การไหลเข้าของเงินทุนและไหลออกของเงินทุนที่มีความสมดุลกันมากขึ้น โดยในส่วนของโควตาที่ให้ก.ล.ต.ไปอนุมัติให้กองทุนต่างๆสามารถไปลงทุนในหุ้น และตราสารหนี้ของต่างประเทศได้นั้น อีกไม่นานจะเพิ่มโควตาให้อีกให้มากกว่าวงเงินเดิม 50,000 ล้านเหรียญฯ อย่างแน่นอน ซึ่งกองทุนเองก็ต้องมีความพร้อม-ความรู้เพื่อนำไปลงทุนอย่างเหมาะสม เพราะที่ผ่านมามีเพียงการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศต่างๆ เท่านั้น
4.พยายามสร้างระบบที่ช่วยดูดซับเงินทุนเคลื่อนย้ายให้ดีขึ้น ซึ่งการสร้างความลึกและกว้างของตลาดทุนไทยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำได้ และ 5.การเพิ่มทางเลือกในการดูแลความเสี่ยงและการแข่งขันกับต่างประเทศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายฯ โดยจะเริ่มต้นจากการเปิดทางเลือกให้ตลาดล่วงหน้า สามารถซื้อขายธุรกรรมดอลลาร์- บาทได้ หรือที่เรียกว่า เอฟเอ็กซ์ฟิวเจอร์ หรือการซื้อขายล่วงหน้าสกุลเงิน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงของผู้ประกอบการขนาดกลางละขนาดย่อม ส่วนในระยะต่อไป ธปท.กำลังพิจารณาสิ่งที่ตลาดหุ้นอยากได้ คือ การเปิดให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)สามารถทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในลักษณะเดียวกับธนาคารพาณิชย์ได้ แต่จะต้องพิจารณาความเหมาะสมของสถานการณ์เงินทุนโลก และความพร้อมของบล.ด้วย แต่คาดว่าไม่เกิน 2 ปีจะได้เห็น
อย่างไรก็ตาม ธปท.เห็นด้วยที่สนับสนุนให้เกิดนักลงทุนระดับโลก เพราะในทางปฏิบัติ ธปท.ต้องการให้เกิดการไปลงทุนในต่างประเทศของเอกชนไทยมากขึ้น เพื่อช่วยความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายที่มีสูง โดยในช่วงที่ผ่านมานั้น ธปท.ได้เปิดโอกาสโดยให้โควตาการลงทุนในต่างประเทศให้กับกองทุนในประเทศไทยผ่านการอนุญาตของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) จำนวน 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ที่ผ่านมาเนื่องจากความรู้ และความเชื่อมั่นอาจจะมีน้อย ทำให้มีเงินออกไปลงทุนจริง 20,000 ล้านเหรียญฯ เท่านั้น ซึ่งหากมีการให้ความรู้และทำให้นักลงทุนไทยเป็นนักลงทุนข้ามชาติ หรือนักลงทุนระดับโลกจะทำให้การไปลงทุนในต่างประเทศทำได้มากขึ้น
สำหรับกรณีการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งของประเทศนั้น นายประสาร กล่าวว่า จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะทุนสำรองฯ ที่เรามีอยู่นั้น ส่วนใหญ่เป็นเงินสำรองที่มาจากเงินทุนไหลเข้า เป็นทุนสำรองที่มีเจ้าหนี้ นอกจากนั้น ในขณะที่หากพิจารณาสัดส่วนการเข้ามาลงทุนในไทยกับการลงทุนของนักลงทุนไทยในต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าควรจะลดลง เพราะเรามีการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น แต่ปรากฎว่ายังมีเงินลงทุนต่างประเทศในไทยมากขึ้น ซึ่งทำให้เราต้องดูแลและระมัดระวัง เพราะเงินเหล่านี้สามารถไหลออกได้ แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่พิจารณาความเหมาะสมขณะนี้ ทุนสำรองของไทยมีเพียงพอที่จะตั้งกองทุนขึ้นมาลงทุนได้บ้าง ซึ่งธปท.กำลังศึกษาความเป็นไปได้อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตามแผนงานของฝ่ายตลาดการเงินธปท.ได้กำหนดไว้ว่าช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ธปท.จะอนุญาตให้เปิดให้ซื้อขายสกุลเงินล่วงหน้าในส่วนของดอลลาร์บาทล่วงหน้าพร้อมทั้งเพิ่มโควตาการลงทุนของกองทุนในต่างประเทศ การนั้น ธปท.น่าจะอนุญาตให้ดำเนินการในไตรมาส 3 ของปีนี้ ขณะที่การเปิดให้บล.ทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้นคาดว่าจะทำได้ในปี 2555