ธปท.ผวาการเมืองดุซ้ำรอยปี 53 งัดแผนฉุกเฉินรับมือ พร้อมซักซ้อมธนาคารพาณิชย์ ระบุ เป็นการปัดฝุ่นแผนเก่าที่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว แต่เอามาปรับปรุงใหม่เพื่อให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดยเน้น 4 ด้าน ทั้งกำกับดูแลระบบสถาบันการเงิน จนถึงธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายเสถียรภาพสถาบันการเงิน กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ธปท.ได้เชิญธนาคารพาณิชย์ใหญ่ 4 แห่ง มาหารือเรื่องแผนฉุกเฉิน หากเกิดความรุนแรงทางการเมืองขึ้น และสัปดาห์นี้อาจจะหารือกับธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง ขนาดเล็ก และธนาคารต่างประเทศ ทยอยกันไป ถือเป็นการเตรียมการแบบต่อเนื่อง เพราะหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งรวมทั้งระบบการเงินได้รับผลกระทบมาก ทำให้ธปท.ต้องออกแผนฉุกเฉินเพื่อรับมือ เช่น กรณีที่มีการชุมนุม หรือความรุนแรงในบริเวณสำนักงาน จนไม่สามารถเข้าไปปฎิบัติหน้าที่ได้
ทั้งนี้ ธปท.พบว่า แผนดังกล่าวยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุงเพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ได้ดีขึ้น ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการปรับปรุงแผนร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เช่นครั้งที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศบางแห่ง ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเขตการชุมนุม เมื่อต้องปิดทำการ ทำให้ไม่มีสำนักงานสำรองในการทำงาน จึงต้องปรับปรุงให้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งมีสำนักงานสำรองที่ไกลจากสำนักงานใหญ่มากเพียงพอและทำงานทดแทนกันได้
“ที่ผ่านมา ธปท.ออกแผนฉุกเฉินไป 5 แผน สำหรับกรณีต่างๆ เพื่อให้สถาบันการเงินและระบบการเงินไทยสามารถที่จะให้บริการต่อในภาวะฉุกเฉินได้ไป เช่น แผนรับมือเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง,แผนรับมือกรณีมีโรคระบาดรุนแรง และแผนรับมือกรณีเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา กรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ธนาคารพาณิชย์ก็จะประสานกับ ธปท.เพื่อใช้แผนฉุกเฉินที่เหมาะสม ในกรณีนี้ ไม่ได้หมายความว่า ธปท.เห็นว่า จะเกิดความรุนแรงทางการเมืองในการชุมนุมวันที่ 19 พฤษภาคม 2554 นี้ หรือในช่วงการเลือกตั้ง แต่ถือเป็นการเตรียมความพร้อมและสร้างความยืดหยุ่นให้กับระบบสถาบันการเงิน ดีกว่าไม่มีการเตรียมการอะไรเลย”
สำหรับในช่วงของการเลือกตั้งนั้น การตรวจสอบการใช้เงินของผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีอำนาจตรวจสอบเส้นทางการใช้จ่ายเงินของผู้สมัครตามกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งปกติ กกต.จะส่งเรื่องมายังธปท.ให้ชี้แจงกับธนาคารพาณิชย์ในเรื่องบัญชีผู้สมัคร เพื่อการเลือกตั้ง และหาก กกต.พบกรณีผิดปกติทางการเงิน สามารถส่งเรื่องขอให้ธนาคารพาณิชย์ตรวจสอบได้เอง โดยไม่ต้องผ่าน ธปท. หรือจะขอให้ธปท.ตรวจสอบ ก็พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องธรรมาภิบาลและความโปร่งใสของประเทศ
รายงานข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า แผนฉุกเฉินที่ ธปท.เตรียมไว้จะมี 4 ด้าน คือ ด้านการกำกับดูแลระบบสถาบันการเงิน,ด้านระบบการจัดการสินเชื่อ และธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ , ด้านระบบการจัดการธนบัตร และด้านการส่งต่อข้อมูลระหว่าง ธปท. และธนาคารพาณิชย์ เช่น กรณีที่ธนาคารพาณิชย์ต้องหยุดทำการสาขาชั่วคราว การย้ายที่ทำการสาขา ให้สามารถดำเนินการได้ทันที และรายงานธปท.ทราบภายหลังได้
ทั้งนี้ ในกรณีของเงินฝาก และสินเชื่อ หรือการรับชำระเงินที่ยังต้องดำเนินการต่อเนื่อง หากธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถทำได้เอง สามารถตั้งตัวแทนรับฝาก ถอนเงิน และรับชำระเงินได้ ขณะที่ธุรกรรมที่ทำกับต่างประเทศ หากไม่ได้มีการประกาศให้เป็นวันหยุดของสถาบันการเงิน ธุรกรรมการแลกเปลี่ยนเงินตราและการชำระเงินค่าสินค้าและบริการในต่างประเทศก็ให้ดำเนินการตามปกติ
ส่วนแผนในการจัดการธนบัตรนั้น กรณีสถาบันการเงินมีปัญหาเงินสดขาด หรือกรณีที่ไม่สามารถเปิดให้บริการเครื่องเอทีเอ็มในบริเวณที่มีความรุนแรงได้ หรือไม่สามารถส่งธนบัตรไปยังสาขาของธนาคารพาณิชย์ได้ ธปท.ก็อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์นำธนบัตรเก่า หรือธนบัตรที่หมดอายุการใช้งาน ซึ่งปกติต้องคัดแยกเพื่อส่งให้ ธปท.ทำลาย ก็ให้นำไปใช้งานใหม่ชั่วคราวได้ ขณะที่การส่งธนบัตรใหม่จะเปิดให้บริการอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่อาจปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม ส่วนกรณีเงินในตู้เอทีเอ็มนั้น ขอให้ธนาคารพาณิชย์สำรองเงินในตู้เอทีเอ็มบริเวณรอบนอกพื้นที่ที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น และเติมเงินในตู้บ่อยขึ้นกว่ากรณีปกติ เป็นต้น