xs
xsm
sm
md
lg

จับเพิ่มเครือข่ายเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์กดเงินเหยื่อ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ตำรวจนำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าว
ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เพิ่มอีก 2 คน โดยทั้งคู่เปิดบัญชีและเป็นเจ้าของบัตรเอทีเอ็มที่คนร้ายนำไปกดเงิน เบื้องต้นปฏิเสธคนหนึ่ง รับสารภาพคนหนึ่ง

วันนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รอง ผบก.ปอศ. แถลงการจับกุมนายอดิเรก ดอกรัก อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69/1 หมู่ที่ 8 ต.หนองจรเข้ อ.หนองแค จ.สระบุรี และนายนวทรัพย์ เอกธนศิลป์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/35 หมู่ที่ 6 ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาเลขที่ จ.1947/2553 กับ จ.1945/2553 ตามลำดับ ลงวันที่ 3 ก.ย.53 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิส์ของผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ออกได้ออกให้กับผู้มีสิทธิเพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด

พล.ต.ต.ปัญญาเปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ทท.สามารถจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไต้หวันได้ 4 คน ประกอบด้วย นายหลิน หยาง เจิ้น, นายหวัง เซิน หง, นายเลี่ยว ไค่ย หมิง และนายเฉิน หยิง พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์จำนวนหลายรายการ ก่อนส่งให้ พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีและมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน จนเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ปีที่แล้ว ศาลอาญาได้พิพากษาว่า ทั้ง 4 คนกระทำความผิดรวมจำนวน 28 กระทง ให้ลงโทษจำคุกทั้ง 4 คน คนละ 20 ปี

พล.ต.ต.ปัญญากล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ บก.ปอศ.ได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อจับกุมคนร้ายที่ร่วมมือกับกลุ่มผู้ต้องหา ซึ่งมีทั้งชาวต่างชาติ และเจ้าของบัญชี จนสามารถขออนุมัติหมายจับไว้ได้ 14 ราย จนกระทั่งวันนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีที่เปิดให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้ ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ

จากการสอบสวน นายนวทรัพย์ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวไต้หวันดังกล่าว และไม่เคยรับจ้างเปิดบัญชีให้ใคร เพียงแต่เมื่อต้นปี 53 ได้ไปกู้เงินนอกระบบกับตำรวจคนหนึ่ง ยศนายดาบสังกัด บก.น.1 มาจำนวน 20,000 บาท และต้องเอาสมุดบัญชีธนาคารกับบัตรเอทีเอ็มไว้ที่ ด.ต.คนดังกล่าว หลังจากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่า ด.ต.คนดังกล่าวเอาบัตรเอทีเอ็มไปทำอะไรบ้าง จนกระทั่งมาถูกตำรวจตามจับกุมดังกล่าว

ด้าน นายอดิเรกให้การรับสารภาพว่า เมื่อเดือน เม.ย.ปี 53 มีญาติตนพาชายชื่อซัน เข้ามาที่หมู่บ้านใน อ.หนองแค จ.สระบุรี พร้อมทั้งว่าจ้างให้ตนกับคนในหมู่บ้านประมาณ 20 กว่าคนไปเปิดบัญชีและทำบัตรเอทีเอ็มให้ชายคนดังกล่าว โดยจะได้ค่าจ้างคนละ 1,000 บาท ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่เคยเห็นบัตรเอทีเอ็ม หรือสมุดบัญชีเลย จนกระทั่งถูกตำรวจจับตัวดังกล่าว

พล.ต.ต.ปัญญากล่าวเพิ่มเติมว่า ทาง บก.ปอศ.ขอฝากเตือนไปยังประชาชนทุกคนด้วยว่า หากมีโทรศัพท์หลอกลวงเข้ามาพร้อมอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ กรมสรรพากร หรือ ปปง. ฯลฯ แล้วหลอกลวงให้ไปทำรายการต่างๆ ที่ตู้เอทีเอ็ม เช่นชำระหนี้บัตรเครดิต รับเงินคืนภาษี ก็อย่าได้เชื่ออย่างเด็ดขาด เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานใดติดต่อไปให้ทำรายการผ่านตูเอทีเอ็มแน่นอน และให้พึงระลึกไว้เสมอว่า “โทร.ไม่กด กดไม่โทร.”

พล.ต.ต.ปัญญากล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังขอเตือนไปยังผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชีและนำบัตรเอทีเอ็มไปให้กลุ่มมิฉาชีพเหล่านี้จะต้องถูกดำเนินคดีด้วยทุกคน รวมทั้งขอเตือนคนไทยอื่นๆด้วยว่าอย่าได้ที่ร่วมมือกับขบวนการกับแก๊งคอลเซ้นเตอร์เหล่านี้ เพราะก่อนหน้านี้มีคนไทยที่ร่วมขบวนการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศจีน ใช้โทรศัพท์กลับมาหลอกลวงคนไทยด้วยกันนั้น ถูกจับกุมอยู่ในประเทศจีนแล้วถึง 18 ราย จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการปล่อยตัวแต่อย่างใด

พล.ต.ต.ปัญญากล่าวด้วยว่า นอกจากนี้เมื่อเวลา 07.40 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปอศ. ได้นำหมายศาลอาญาธนบุรีเลขที่ 74/2554 ลงวันที่ 17 ก.พ.54 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 232/1 หมู่ที่ 1 ซอยบางแค 14 แขวงและเขตบางแค พร้อมยึดเครื่องไรต์แผ่นดีวีดีจำนวน 5 เครื่อง 40 หัวไรต์ เครื่องพรินเตอร์ 1 เครื่อง แผ่นดีวีดีภาพยนตร์และเกมละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 2,000 แผ่น และแผ่นดีวีดีเปล่า 840 แผ่น พร้อมทั้งจับกุมนายอุเทน เหลืองเรืองเวช อายุ 29 ปี เจ้าของบ้าน ดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้าด้วยการทำซ้ำ ดัดแปลงงานภาพยนตร์ มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง4 ปี ปรับตั้งแต่ 100,000-800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กำลังโหลดความคิดเห็น